บทที่ 243 ตี้จวิน ตงหวงไท่อี
“มีเรื่องดีๆ?” หานเจวี๋ยถามขึ้น
หรือว่าจะชวนเขาออกไปข้างนอกอีกแล้ว?
หานเจวี๋ยคิดขัดแย้งอยู่ภายในใจ เขาไม่อยากออกไปเสี่ยงอันตราย
เจียงอี้กล่าวด้วยนัยน์ตาเป็นประกายว่า “ช่วงนี้มีตำนานหนึ่งเป็นที่เล่าขานในแดนเซียน ว่ากันว่าสมบัติเทพของสำนักเต๋าตกลงมาจากสวรรค์สามสิบสามชั้นฟ้าและสูญหายไปในโลกมนุษย์ ผู้ใดได้รับสมบัตินี้ไป ผู้นั้นก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเทพได้!”
ระดับเทพ!
ในแดนเซียนจักรพรรดิสวรรค์เป็นผู้แข็งแกร่งชั้นหนึ่ง แต่ระดับเทพเป็นการดำรงอยู่ที่ไม่สามารถจับต้องได้
เจียงอี้ซึ่งเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิยังเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
หานเจวี๋ยพูดติดตลกว่า “สมบัติมีเพียงหนึ่งเดียว พวกเราจะแบ่งมันอย่างไร”
เจียงอี้ส่ายหัวพูด “ผู้ใดบอกว่าสมบัตินี้มีเพียงชิ้นเดียวกัน ต่อให้มีชิ้นเดียวจริง แล้วใครบอกว่าใช้ได้เพียงคนเดียว ท่านช่วยข้าค้นหาสมบัตินี้ แล้วข้าจะช่วยให้ท่านเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเป็นอย่างไร ตบะของท่านคงจะไม่คืบหน้าแล้วสินะ มีเพียงข้ามไประดับจักรพรรดิเท่านั้น ท่านจึงจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ได้”
หานเจวี๋ยถามด้วยความสงสัยว่า “เมื่อบรรลุระดับเซียนทองไท่อี่ขั้นไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ ตบะของทุกคนจะไม่แกร่งขึ้นจริงหรือไม่”
ตบะของเขาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกว่าแปลก
เจียงอี้กล่าวว่า “เป็นเรื่องปกติ ท่านบรรลุถึงขีดจำกัดของวิญญาณมนุษย์แล้ว ระดับตบะจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไร เว้นแต่ว่าท่านจะเป็น…ช่างเถอะ พูดเรื่องพวกนี้กับท่านไปก็ไร้ความหมาย”
“พูดมา เมื่อก่อนท่านเคยเขียนนิยายหรืออย่างไร”
หานเจวี๋ยซักถามอย่างร้อนใจ
พูดมาแค่ครึ่งเดียว จะบ้าตาย!
เจียงอี้ถามด้วยความประหลาดใจ “นิยายคืออะไร”
“นั่นไม่สำคัญ พี่ใหญ่รีบพูดมาเถอะ!”
“เว้นแต่ว่าท่านจะเป็นสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้า ว่ากันว่าก่อนจะเกิดมหาเคราะห์สถาปนาเทพ แดนเซียนกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด นั่นเป็นช่วงเวลาที่ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์และไม่มีเทพเซียน หลังจากมหาเคราะห์สถาปนาเทพ สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าเกือบจะสูญสิ้น มรรคาสวรรค์ยิ่งสมบูรณ์พร้อม ความยากลำบากของการฝึกบำเพ็ญก็เพิ่มมากขึ้นทุกที
บรรพชนเผ่าเทพอีกาทองของข้าก็คือสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้า”
เช่นนี้นี่เอง
ตามตำนานเล่าขานของจีน ยิ่งเก่าแก่ก็ยิ่งยิ่งใหญ่
กายดาราอนธการย่อมต้องร้ายกาจกว่าสิ่งมีชีวิตกำเนิดฟ้าอยู่แล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การเพิ่มพูนตบะอย่างไม่รู้จบนั้นเป็นเรื่องดี
ยิ่งมีพรสวรรค์สูงมากเท่าไร การสั่งสมที่จำเป็นในทุกขอบเขตพลังก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ต้องเก็บเล็กผสมน้อย!
แต่ไหนแต่ไรพรสวรรค์ก็ไม่ใช่เพียงการฝึกบำเพ็ญอย่างรวดเร็ว!
“รีบบอกข้ามาเร็ว นิยายคือสิ่งใด” เจียงอี้เอ่ยถาม
หานเจวี๋ยตอบกลับว่า “มันก็คือนิทาน”
เจียงอี้ถามอย่างประหลาดใจ “ข้าไม่แต่งนิทาน ในแดนเซียนมีน้อยคนนักที่แต่งนิทาน”
“อืม เช่นนั้นก็หมดเรื่องแล้ว”
“แปลว่าท่านตกลงแล้วใช่หรือไม่”
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีของท่าน แต่ขออภัยด้วย ข้าไม่อยากไป”
หานเจวี๋ยบอกด้วยสีหน้าขอโทษ ระดับเทพน่าดึงดูดใจก็จริง แต่เขาไม่ต้องการ
เจียงอี้ขมวดคิ้ว
หานเจวี๋ยปฏิเสธเขาอีกแล้ว!
นี่เป็นการปฏิเสธครั้งที่สองแล้วด้วย!
เขารับไม่ได้!
เขาเป็นถึงบุตรแห่งสวรรค์ผู้ไร้เทียมทานของเผ่าเทพอีกาทอง มีใครหน้าไหนกล้าไม่ไว้หน้าเขาเช่นนี้?
เจียงอี้แค่นเสียงหยัน “ซือหม่าอี้ ท่านสำคัญตัวเองมากไปแล้วกระมัง ข้าปฏิบัติต่อท่านด้วยความจริงใจ แต่ท่านกลับปฏิเสธข้าครั้งแล้วครั้งเล่า หรือว่าท่านกำลังดูถูกข้าอยู่”
หานเจวี๋ยโบกมือกล่าว “จะเป็นไปได้อย่างไร ได้คบหากับท่านนับเป็นโชคดีในสามภพของข้า เพียงแต่ข้านั้นขี้ขลาด รักตัวกลัวตาย และไม่อยากเสี่ยงอันตราย ไม่เช่นนั้นข้าจะหลบซ่อนเป็นเทพในโลกมนุษย์ตัวเล็กๆ อยู่ที่นี่ทำไม ขนาดจักรพรรดิสวรรค์เชิญข้าเข้าร่วมวังสวรรค์ ข้าก็ปฏิเสธไปหลายครั้ง ข้าไม่อยากเสี่ยงอันตรายจริงๆ อยากฝึกบำเพ็ญอย่างสงบเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจียงอี้ขมวดคิ้วและจับจ้องหานเจวี๋ยอย่างเย็นชา
หานเจวี๋ยประหม่า ‘คนผู้นี้คงไม่คิดจะลงมือหรอกกระมัง ไม่รู้ว่าข้าจะรับมือไหวหรือไม่
หรือจะยอมดี?
ไม่ได้ ขืนยอมชีวิตนี้ก็จบเห่แล้ว หลังจากนั้นคงต้องเป็นหมารับใช้ให้เจียงอี้
และยังมีอื่นๆ อีกมากมาย!
ข้ากลัวเสียที่ไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...