แดนบำเพ็ญพรตไม่ได้มีแค่พวกเขาสองฝ่าย ยังมีสำนักอื่นๆ ด้วย ศัตรูของพวกเขาก็ไม่ได้มีแค่ฝ่ายตรงข้าม
ด้วยเหตุนี้เอง ลัทธิมารฟ้ามืดกับสำนักหยกพิสุทธิ์จึงต่างไม่กล้าเคลื่อนไหวเต็มกำลัง เกรงว่าหากทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บ จะเปิดโอกาสให้สำนักอื่นฉวยผลประโยชน์ได้
ภายในเรือนที่มืดสลัวหลังหนึ่ง มีเงาร่างแปดคนนั่งขัดสมาธิอยู่
จางคุ่นหมัวก็อยู่ในนั้นด้วย
คนที่เป็นหัวหน้าคือชายสวมชุดคลุมสีเลือด ผมสีขาวดำสลับกัน ใบหน้าเฉยเมย ในมือถือแส้จามรีไว้
เขาก็คือต้วนทงเทียน เจ้าลัทธิมารฟ้ามืด!
“นานขนาดนี้แล้วยังจับตัวหลี่ชิงจื่อไม่ได้อีกหรือ” ต้วนทงเทียนถามเสียงทุ้ม
ผู้อาวุโสอีกเจ็ดคนนิ่งเงียบ
พวกเขาตามล่าหลี่ชิงจื่อมาเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่หลี่ชิงจื่อโชคดีหนีรอดไปได้ทุกครั้ง
หลี่ชิงจื่อจงใจไม่กลับสำนักหยกพิสุทธิ์ และดึงความสนใจส่วนมากของลัทธิมารฟ้ามืดอยู่ตลอด
จางคุ่นหมัวเอ่ยปาก “อย่าสนใจเขาเลย บุกโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์เลยเถิด ศิษย์ของข้าตายในสำนักหยกพิสุทธิ์ ลัทธิมารทุ่มเทให้เขามากแค่ไหน พวกท่านจะเลิกราไปง่ายๆ ได้อย่างไร”
ครั้นนึกถึงหานเจวี๋ย เขาก็กัดฟันกรอด
ตอนนั้นเขาทิ้งคำพูดโหดเหี้ยมเอาไว้ ผลคือผ่านมานานหลายปี เขายังไม่ได้คิดบัญชีกับหานเจวี๋ยเลย
เขายังจำสีหน้าเยาะเย้ยของหานเจวี๋ยตอนที่เขาทิ้งคำพูดใหญ่โตไว้ได้อยู่เลย
“ข้าก็คิดเช่นนี้ โจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์โดยตรงเลย กำลังของพวกเราทั้งหมดเหนือกว่าสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว!”
“ตอนงานชุมนุมใหญ่สายมาร สำนักอื่นก็แสดงท่าทีแล้ว พวกเราต้องยึดสำนักหยกพิสุทธิ์ที่อยู่ใกล้ๆ ได้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อเรา”
“นั่นก็ใช่ หากประมุขสายมารสู้ไม่ได้แม้แต่สำนักสายหลักที่อยู่บริเวณใกล้ๆ พวกเขาจะยอมอยู่ใต้อาณัติได้อย่างไร”
“ข้ายินยอมพาศิษย์ไปโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์ด้วยตนเอง!”
“นอกจากหลี่ชิงจื่อแล้ว สำนักหยกพิสุทธิ์ยังมีเฒ่าประหลาดอยู่คนหนึ่ง”
บรรดาผู้อาวุโสพากันถกปัญหา
ต้วนทงเทียนตาเป็นประกาย แต่ไม่ได้เอ่ยปากแทรก
เป็นเวลานานกว่าเหล่าผู้อาวุโสจะหยุดลง และหันมามองเขา รอให้เขาตัดสินใจ
ต้วนทงเทียนกล่าว “ข้าเตรียมจะทะลวงระดับเปลี่ยนวิญญาณ หากเปลี่ยนวิญญาณสำเร็จ ค่อยไปโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์ก็ยังไม่สาย ถึงเวลานั้นมั่นใจได้ว่าการโจมตีจะสำเร็จแน่”
เปลี่ยนวิญญาณ!
บรรดาผู้อาวุโสมองเขาอย่างตื่นตะลึง
จางคุ่นหมัวหายใจเข้าลึกๆ ก่อนถามว่า “เจ้าลัทธิมั่นใจหรือไม่”
ต้วนทงเทียนตอบอย่างสงบ “ข้าเตรียมการมาหลายสิบปีเพื่อการนี้ มั่นใจได้เก้าในสิบส่วน รออีกสามสิบปีก็ยังไม่สาย!”
สามสิบปี!
สำหรับมนุษย์ธรรมดาแล้วอาจจะเป็นครึ่งชีวิต
แต่สำหรับพวกเขาไม่นับว่านานอะไร
……
สิงหงเสวียนจากไปก็สิบปีแล้ว
หานเจวี๋ยฝึกฝนรากวิญญาณวายุถึงระดับรวมแก่นปราณขั้นเก้า รากวิญญาณอัคคีก็ถึงขั้นสามเช่นกัน
ตั้งแต่รากวิญญาณอัสนีของเขาถึงระดับรวมแก่นปราณขั้นเก้า การฝึกฝนรากวิญญาณอื่นๆ ก็ใช้เวลาน้อยแต่ได้ผลมาก
หานเจวี๋ยเห็นระดับปราณก่อกำเนิดกวักมือเรียกตัวเองแล้ว
ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทุกวัน ความรู้สึกนี้วิเศษอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทำให้เขาไม่รู้สึกเลยว่าการปิดด่านฝึกฝนนั้นน่าเบื่อ
บรรลุระดับปราณก่อกำเนิดในเร็ววัน ถึงจะนับว่าหลุดพ้นจากการเป็นผู้อ่อนแออย่างแท้จริง!
ขณะนี้หานเจวี๋ยอายุแปดสิบแปดปีแล้ว ระดับรวมแก่นปราณขั้นเก้าที่อายุแปดสิบแปดปี ในแดนบำเพ็ญพรตไม่มีคนที่สองแน่นอน
แต่เขายังคงรู้สึกว่าไม่พอ
ต่อให้บรรลุระดับปราณก่อกำเนิดก็ยังไม่พอ
เขาต้องการฝึกฝนจนสุดหนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร จะต้องไร้คู่ต่อกรแน่!
วันนี้
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์มาเยี่ยมเยียน
หานเจวี๋ยปิดค่ายกล ต้อนรับนางเข้ามาในถ้ำ
“ศิษย์น้อง ข้ามาเยี่ยมเจ้า ถือโอกาสนำของล้ำค่าฟ้าดินมาให้ด้วยจำนวนหนึ่ง ปลูกไว้ข้างสระจะทำให้พลังวิญญาณในถ้ำเทวาของเจ้าหนาแน่นมากขึ้น ไม่แน่ว่าภายหน้าอาจจะเป็นถ้ำเทวาที่มีพลังวิญญาณดีที่สุดในสำนักหยกพิสุทธิ์ก็ได้” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
นางเดินมาที่ขอบสระและเริ่มโปรยเมล็ดพันธุ์
หานเจวี๋ยยิ้มเอ่ย “ขอบคุณศิษย์พี่หญิงมาก”
“ไม่ต้องขอบคุณข้า ทั้งหมดเป็นรางวัลจากอาจารย์ ศิษย์พี่หญิงของเจ้าก็แค่ช่วยออกแรงนิดหน่อย” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์กล่าวยิ้มๆ
หานเจวี๋ยนึกถึงเซียนซีเสวียนอย่างอดไม่ได้
เขารู้สึกซาบซึ้งอยู่เงียบๆ ในใจ
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เอ่ยต่อ “ตั้งแต่เจ้าปิดด่านฝึกฝน ยอดเขาหยกวิเวกก็มีศิษย์ใหม่เข้ามาหลายคน ศิษย์น้องเถี่ยที่มาทีหลังเจ้าสิ้นอายุขัยเมื่อสองปีก่อน จบชีวิตไปในวัยชราแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...