ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 283

สรุปบท บทที่ 283 แดนเซียนแห่งที่สอง: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 283 แดนเซียนแห่งที่สอง – ตอนที่ต้องอ่านของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ตอนนี้ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 283 แดนเซียนแห่งที่สอง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 283 แดนเซียนแห่งที่สอง

ร่วมมือกันสังหารจักรพรรดิปีศาจ?

บ้าไปแล้วหรือ

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าเต้าจื้อจุนอยากขุดหลุมพรางหลอกล่อตน

วังปีศาจกำราบวังสวรรค์ วังเทพและสำนักพุทธ บุตรแห่งสวรรค์ของวังเทพคนหนึ่งอย่างเจ้าอาศัยอะไรถึงกล้าบอกว่าจะสังหารจักรพรรดิปีศาจ?

หานเจวี๋ยถามว่า “ท่านไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใด”

เต้าจื้อจุนกล่าวตอบ “จักรพรรดิปีศาจธาตุไฟเข้าแทรก ดูคล้ายจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ในความเป็นจริงเขาลดความระแวดระวังลงกว่าที่ผ่านมา เขาต้องไม่คิดว่าจะมีใครกล้าลอบโจมตีตอนที่เขาเผยคมออกมาเป็นแน่”

“นี่เป็นความคิดของท่านหรือของวังเทพ”

“แล้วต่างกันหรือ”

“ข้ากลัวว่าวังเทพจะวางกับดักข้า”

“วังเทพเคยล่วงเกินท่านหรือ”

“จั้งกูซิงพี่ใหญ่ของข้าก็ถูกพวกท่านจับไปคุมขัง”

“หือ? ท่านกับจั้งกูซิงมีความสัมพันธ์ร่วมสาบานกันด้วย?”

“ถือว่าใช่กระมัง”

หานเจวี๋ยตอบแบบกำกวม เลี่ยงไม่ให้วังเทพเอาจั้งกูซิงมาขู่เขา

เต้าจื้อจุนนิ่งเงียบ

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “การฆ่าจักรพรรดิปีศาจอันตรายเกินไป ข้ากลัวตาย ลืมมันไปเสียเถิด”

ล้อเล่นน่า!

จักรพรรดิปีศาจมีระดับความเกลียดชังต่อเขาหกดาว แค่เข้าใกล้ก็ต้องตายแล้ว!

เต้าจื้อจุนโน้มน้าว “ท่านและข้าล้วนมีคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล ข้ามีวิธีซ่อนท้องฟ้าข้ามทะเล ขอเพียงเข้าใกล้จักรพรรดิปีศาจพวกเราก็จะมีโอกาส ข้ามียอดสมบัติชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ ต้องสามารถปลิดชีพจักรพรรดิปีศาจได้แน่”

“ช่างเถอะๆ ข้ากลัวจริงๆ”

“ฮึ!”

เต้าจื้อจุนโกรธจนแขนเสื้อสะบัด

หากเปลี่ยนเป็นบุตรแห่งสวรรค์คนอื่นๆ ต้องตื่นเต้นเกินบรรยายแน่ นี่เป็นถึงโอกาสอันดีในการสร้างชื่อให้ตัวเองเชียวนะ!

เต้าจื้อจุนฝืนข่มความโกรธแล้วพูดว่า “หากสามารถสังหารจักรพรรดิปีศาจได้ ท่านกับข้าก็จะได้รับดวงชะตายิ่งใหญ่ การบรรลุต้าหลัวในวันหน้าก็ไม่ใช่ฝันเฟื่องแล้ว!”

ต้าหลัว!

พออ้าปากก็เอ่ยถึงต้าหลัว หากคำพูดเหล่านี้เล่าลือออกไป ผู้คนต้องไม่เชื่ออย่างแน่นอน แต่เต้าจื้อจุนเป็นถึงคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล ทั่วทั้งแดนเซียนมีเขาแค่คนเดียว เขามีคุณสมบัติที่จะพูดคำเช่นนี้จริงๆ!

สำหรับหานเจวี๋ย ความจริงแล้วเขาไม่ได้มีคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล เขาเป็นคุณสมบัติกายดาราอนธการที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า!

“มหาเคราะห์มาถึงแล้ว พวกเราเข้าไปยุ่งให้น้อยหน่อยจะดีกว่า คุณลักษณะของพวกเราแกร่งขนาดนี้ ทั้งที่สามารถเก็บตัวเงียบฝึกบำเพ็ญได้ แล้วจะต้องไปยุ่งทำไมกัน

ยุคสมัยของพวกเราไม่ใช่ปัจจุบัน แต่เป็นอนาคต”

หานเจวี๋ยกล่าวทัดทานอย่างจริงจัง ถ้าเต้าจื้อจุนตายในมหาเคราะห์ เช่นนั้นหลังจากมหาเคราะห์ผ่านพ้น หานเจวี๋ยก็ไม่มีคู่ต่อสู้แล้วน่ะสิ

หากเป็นเช่นนั้นจะเงียบเหงามากทีเดียว!

เต้าจื้อจุนส่ายศีรษะพูดว่า “ช่างเถอะ! อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกต่อก็แล้วกัน!”

ทันทีที่สิ้นเสียง เต้าจื้อจุนก็หายตัวไปในอาณาเขตฟ้าบุพกาล

หานเจวี๋ยก็ไม่ได้คิดมากความ จิตรับรู้กลับคืนสู่กายเนื้อ

เขาไม่หวั่นไหวกับคำเชิญของเต้าจื้อจุนเลยสักนิด เจ้าหมอนี่ไม่เกิดความประทับใจต่อเขาด้วยซ้ำ แล้วจะเชื่อใจได้อย่างไร

หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อไป

…….

ผ่านไปอีกสิบปี

หานเจวี๋ยเพิ่งสาปแช่งจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตและจอมปีศาจอินทรีทองเสร็จ ก็เริ่มสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจด้วย

เขาเริ่มตรวจดูจดหมาย

[จักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตศัตรูของท่านมารในใจสูงพุ่งพรวดเพราะคำสาปของท่าน ถูกแรงกรรมฟ้าดินรุกล้ำจิตวิญญาณ]

[จอมปีศาจอินทรีทองศัตรูของท่านจิตใจสับสนวุ่นวายเพราะคำสาปของท่าน พลังมรรคลดฮวบ]

หานเจวี๋ยยิ้มด้วยความพึงพอใจ

สวรรค์ย่อมไม่หักหลังคนพากเพียร

ตราบใดที่ยอมบากบั่นพยายาม ย่อมส่งผลลัพธ์เสมอ

หานเจวี๋ยตั้งตารอฉากที่สามคนนี้ถูกเขาสาปแช่งจนตายยิ่งนัก

ยามนี้ศัตรูของเขามีไม่มากนัก ไม่ควรจะข้องเกี่ยวกับผลกรรมมากเกินไป

เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ประสบมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต ในใจหานเจวี๋ยยังไม่สบายใจอย่างยิ่ง

ห้าวันหลังจากสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจ หานเจวี๋ยลุกขึ้นเดินออกมาจากถ้ำเทวา เริ่มอบรมสั่งสอนศิษย์สำนักซ่อนเร้นให้ฝึกบำเพ็ญ

เผยแผ่คำสั่งสอนเป็นสิ่งดี แต่หลังจากเป็นที่นิยม รูปแบบก็จะตกต่ำลง

เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ผู้คนในโลกจะรู้สึกว่านิกายฉ่านไม่สู้สำนักอื่น

ทว่านิกายฉ่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ย เขาจึงคร้านจะห้ามปราม

โลกเขย่าพิภพยิ่งแข็งแกร่งยิ่งดี

ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีทางหาได้จากโลกมนุษย์อื่นแล้ว

ราวกับสัมผัสได้ถึงพลังจิตของหานเจวี๋ย พุทธะอาภรณ์ขาวพลันลืมตาขึ้นกล่าวว่า “เจ้าสำนัก ข้ามีเรื่องจะขอร้องท่าน”

พลังจิตของหานเจวี๋ยจับจ้องเขา เอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”

“นิกายฉ่านกำลังจับตามองข้าอยู่เพราะโลกเขย่าพิภพ”

“นิกายฉ่านจะมาก่อกวนเจ้าหรือ”

“อาจจะมา แต่ว่านิกายฉ่านไม่กล้าลงไปยมโลก ท่านมีความสัมพันธ์อันดีกับจักรพรรดิสวรรค์ไม่ใช่หรือ จักรพรรดิสวรรค์และนิกายฉ่านมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวต่อกัน พอจะทำให้จักรพรรดิสวรรค์ควบคุมนิกายฉ่านสักนิดได้หรือไม่”

“เหตุใดจักรพรรดิสวรรค์ต้องช่วยเจ้า”

“ข้ามั่นใจว่าจะสรรสร้างโลกเขย่าพิภพให้เป็นแดนเซียนแห่งที่สองได้ แทนที่วังสวรรค์จะชิงแดนเซียนกับฝ่ายอื่น ไม่สู้สร้างแดนเซียนแห่งต่อไปขึ้นมาเสียเลย!”

พุทธะอาภรณ์ขาวกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ

หานเจวี๋ยพูดอย่างไม่เกรงใจ “เหตุใดเจ้าถึงมีความมั่นใจในตัวเองเช่นนี้ได้”

พุทธะอาภรณ์ขาวกล่าวตอบว่า “ข้าชำนาญวิถีพุทธ วิถีฉ่าน ทั้งยังเคยท่องไปในแดนเซียน ได้ครอบครองวิชาสืบทอดมานับไม่ถ้วน เพียงพอที่จะรังสรรค์ให้โลกเขย่าพิภพเป็นแดนเซียนแห่งถัดไปได้ ถึงตอนนั้นดวงชะตาของวังสวรรค์กับโลกเขย่าพิภพจะผสานเข้าด้วยกัน โชคชะตาต้องยิ่งใหญ่ขึ้นมากแน่

พวกเราอยู่ในยมโลก นิกายฉ่านไม่อาจรับรู้การดำรงอยู่ของพวกเรา แต่ก็เกรงว่าจะมีคนอยากมาตรวจสอบข้า เมื่อได้รู้ว่าโลกเขย่าพิภพเติบโตอย่างรวดเร็วจะเกิดเจตนาร้ายได้”

“เช่นนั้นก็ได้”

หานเจวี๋ยตกปากรับคำ

พุทธะอาภรณ์ขาวทำได้ไม่เลวจริงๆ หากไม่มีเขา โลกเขย่าพิภพยากจะรุ่งเรืองเช่นวันนี้ได้

หานเจวี๋ยดึงพลังจิตกลับคืนมา ให้อู้เต้าเจี้ยนออกไปจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน จากนั้นก็เรียกจักรพรรดิสวรรค์

ทว่า…

ผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็ม จักรพรรดิสวรรค์ก็ยังไม่ตอบเขา

อย่าบอกนะว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับวังสวรรค์

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ความวิตกกังวลในใจเริ่มแผ่กระจาย

…………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ