บทที่ 296 ขยายโลกเขย่าพิภพ คำสาปแช่งลึกลับ
ได้ฟังคำพูดของจี้เซียนเสิน หานเจวี๋ยก็ต่อต้านและปฏิเสธโดยสัญชาตญาณ
‘ยังบอกว่าเจ้าไม่ใช่ผู้ฝ่าเคราะห์อีก!
ข้าหวังดีช่วยเจ้าไว้ เจ้ายังจะลากข้าร่วมเคราะห์ด้วยหรือ’
หานเจวี๋ยค่อนแคะอยู่ในใจ
[ตรวจสอบพบว่าผู้ฝ่าเคราะห์เชิญท่านเข้าร่วมเคราะห์ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ตกลง ช่วงชิงดวงชะตาที่ยิ่งใหญ่กับผู้ฝ่าเคราะห์ จะได้สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]
[สอง ปฏิเสธ ห่างไกลมหาเคราะห์ ถ่อมตนฝึกฝน จะได้รับโอกาสในการยกระดับระบบ]
หานเจวี๋ยมองเห็นอักขระสามแถวปรากฏขึ้นตรงหน้า เขาเลือกตัวเลือกที่สองในทันที
[เริ่มต้นการยกระดับระบบ]
ในที่สุดก็ได้โอกาสในการยกระดับระบบหนึ่งครั้ง!
น่ายินดีเสียจริง
หานเจวี๋ยมีความสุข เขามองไปทางจี้เซียนเสินแล้วส่ายหน้ากล่าว “นิสัยของข้าเจ้ายังไม่รู้อีกหรือ ข้ารักตัวกลัวตาย ช่างเถิดๆ”
จี้เซียนเสินเผยแววตาผิดหวังออกมา
หากมีหานเจวี๋ยคอยช่วยเหลือ เขาก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น
‘ช้าก่อน!
เหตุใดข้าถึงคิดเช่นนี้ได้
ข้าต้องแซงหน้าเฉาเชานะ!’
แววตาของจี้เซียนเสินกลับมาแน่วแน่อีกครั้ง
ทั้งสองไม่พูดอะไรมากอีก
หลายชั่วยามผ่านไป หลังจากกายเนื้อของจี้เซียนเสินฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ หานเจวี๋ยก็จากไปอย่างรวดเร็ว
เงาวิญญาณสายนั้นลอยขึ้นไปบนเหนือศีรษะจี้เซียนเสินอีกครั้ง เขาถอดทอนใจกล่าว “ชีวิตคนเรายากที่จะพบสหายที่จริงใจ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีเพื่อนที่จริงใจระดับนี้ ช่างทำให้ข้ามองด้วยสายตาที่ทึ่งยิ่งนัก”
จี้เซียนเสินอดนึกถึงยามที่รู้จักกับหานเจวี๋ยในโลกมนุษย์ไม่ได้ เขาส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา
……
หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายอย่างบ้าคลั่งในยมโลก หลังจากเคลื่อนย้ายไปหลายหมื่นครั้ง เขาถึงกระโดดกลับไปภายในเกาะสำนักซ่อนเร้น
เมื่อกลับไปถึงใต้ต้นฝูซัง หานเจวี๋ยลอบกระหยิ่มยิ้มย่อง
ครั้งนี้คงไม่มีคนสามารถตามเขาทันกระมัง!
“อาจารย์ เหตุใดท่านถึงกลับมาจากด้านนอกเล่า” ถูหลิงเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้
หานเจวี๋ยกล่าว “ด้านนอกลมแรง ข้าไปหยุดลมมา”
ถูหลิงเอ๋อร์อดมองท้องฟ้าที่ขมุกขมัวไม่ได้ ‘มีลมด้วยหรือ’
หานเจวี๋ยเริ่มสังเกตดูต้นฝูซัง
ดูเหมือนสติปัญญาภายในต้นจะเติบโตขึ้นอยู่บ้าง ครั้งนี้มันไม่ต่อต้านหานเจวี๋ยอีก แม้กระทั่งยามที่เผชิญหน้ากับพลังจิตของหานเจวี๋ย ยังดูสนิทกันมากขึ้นเล็กน้อย
หานเจวี๋ยใช้พลังจิตของตนเองบำรุงเลี้ยงดูมัน แต่เขาไม่คิดจะฝืนดึงต้นกล้าให้โต ให้มันเติบโตอย่างอิสระ
“อาจารย์ มู่หรงฉี่รังแกพวกเรา!”
จู่ๆ หานซานก็วิ่งเข้ามาพูด ส่วนพี่น้องน้ำเต้าคนอื่นๆ ก็โกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง
แม้ลำดับศักดิ์ของพวกเขาจะสูงกว่ามู่หรงฉี่ แต่กลับสู้มู่หรงฉี่ไม่ได้
มู่หรงฉี่ปล่อยมือกล่าวว่า “เพียงแลกมือศึกษากันเท่านั้น อย่าใส่ร้ายข้าสิ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าเคยเอาชนะสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นได้หรืออย่างไร”
สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นพยายามพยักหน้าน้ำตาตกใน
กลับถูกเด็กรุ่นหลังบีบคั้นโจมตี จนความหยิ่งในเกียรติของมันใกล้จะพังทลายลงแล้ว
โจวหมิงเยวี่ยลุกขึ้นตามมาแล้วกล่าวว่า “อาจารย์ลุงมู่หรงฉี่ ไม่สู้ว่าท่านกับข้ามาแลกมือศึกษากันเถิด!”
มู่หรงฉี่มองไปทางโจวหมิงเยวี่ย และพยักหน้าเล็กน้อย
ช่วงนี้สายเลือดของโจวหมิงเยวี่ยเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง สายเลือดเทพปีศาจในอดีตชาติอาจจะฟื้นคืนขึ้นมา พลังต่อสู้และตบะของเขาเพิ่มขึ้นพรวดพราดมาโดยตลอด
ที่ทำให้เขาจิตใจว้าวุ่นก็คือไม่ว่าจะเพียรบำเพ็ญเพียงใด ก็ไม่อาจแซงฉู่ซื่อเหรินอาจารย์ของเขาได้
ฉู่ซื่อเหรินปากบอกว่าไม่อยากฝึกบำเพ็ญ แต่กลับกดเขาให้อยู่ต่ำกว่าหนึ่งระดับใหญ่ตลอด ทำให้เขาอยากกระอักเลือดออกมายิ่งนัก
“พวกเจ้าก็แลกมือศึกษากันตามสบาย แต่อย่าได้ลงมือรุนแรงนัก คนร่วมสำนักทำร้ายกันถือว่าผิดกฎสำนัก”
หานเจวี๋ยกล่าวอย่างไม่อินังขังขอบ เดิมทีการเพียรบำเพ็ญในเกาะก็จืดชืดอยู่แล้ว สามารถแลกมือศึกษากันได้ก็เป็นเรื่องดี
แต่พื้นที่เกาะของสำนักซ่อนเร้นมีจำกัด บรรดาศิษย์ไม่อาจกระทำการด้วยพลังทั้งหมด มิเช่นนั้นอาจจะสั่นสะเทือนผนึกควบคุมและปรโลกได้
หลังจากบำรุงต้นฝูซังไปชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป หานเจวี๋ยก็กลับไปฝึกบำเพ็ญในถ้ำเทวาฟ้าประทานต่อ
เขานั่งเปิดดูค่าความสัมพันธ์อยู่บนเตียงไม้ หลังจากแน่ใจว่ารูปประจำตัวของจักรพรรดิเทพอีกาทองมหาวิมุตไม่อยู่แล้วถึงวางใจลง
ในที่สุดศัตรูตัวฉกาจผู้นี้ก็ตายเสียที และไม่มีความเกลียดชังอันใหม่ปรากฏขึ้นมา
พลังวิเศษแห่งกรรมช่างร้ายกาจจริงๆ สามารถปฏิเสธขั้นตอนการกระทำซ้ำซ้อนได้
หานเจวี๋ยคิดอยู่เช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...