ผู้อาวุโสจากสิบแปดยอดเขาล้วนบาดเจ็บสาหัส บ้างก็นั่งสมาธิรักษาบาดแผล บ้างก็นอนอยู่บนพื้นไม่อาจลุกขึ้นมาได้
พวกเขาทั้งหมดจ้องไปบนฟ้า หลี่ชิงจื่อและผู้อาวุโสสูงสุดกำลังต่อสู้กับต้วนทงเทียนอย่างดุเดือด
ต้วนทงเทียนสวมชุดคลุมสีดำสะบัดตามลม ด้านหลังมีภูเขาดำขนาดมหึมาลอยอยู่ สายฟ้าฟาดตัดสลับกันอยู่เหนือภูเขานั้น แรงดึงดูดที่มหาศาลนี้ทำให้หลี่ชิงจื่อและผู้อาวุโสสูงสุดเคลื่อนไหวยากลำบาก ลมคลั่งพัดโหมบนภูเขา ม้วนเอาต้นไม้นับไม่ถ้วนลอยขึ้นมา ฝุ่นละอองปลิวว่อนปะปนกับประกายไฟ
หลี่ชิงจื่อและผู้อาวุโสสูงสุดต่างบาดเจ็บ ชุดคลุมขาดวิ่น ผมหลุดลุ่ย สภาพจนตรอกยิ่ง
ถึงแม้พละกำลังของพวกเขาจะแผ่วปลาย แต่ก็ยังต้องต่อสู้
พวกเขารู้ดีว่าหากตนเองตาย สำนักหยกพิสุทธิ์ต้องจบสิ้นเป็นแน่!
ผิวกายของทั้งสองเปล่งแสงสีทอง กล้ามเนื้อภายใต้เสื้อคลุมที่ฉีกขาดเต็มไปด้วยพลังโจมตี
วิชากายทองเทียนกัง!
หากไม่พึ่งสุดยอดวิชานี้ พวกเขาดับดิ้นไปนานแล้ว
ต้วนทงเทียนมองลงมายังพวกเขา แสยะยิ้มกล่าวว่า “ยอมแพ้เสียเถอะ พวกเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเลยสักนิด หากพวกเจ้าคุกเข่าขอความเมตตา บางทีข้าอาจยอมให้ศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์ของพวกเจ้าทรมานน้อยกว่านี้สักหน่อย”
“บุญคุณความแค้นที่ต่อเนื่องมาหลายร้อยปี ก็ควรจบลงได้แล้ว!”
หลี่ชิงจื่อถ่มเลือดออกมา มือถือไม้วัดทองพลางตะโกนด่า “ต้วนทงเทียน ศิษย์สำนักหยกพิสุทธิ์แม้ต้องตาย ก็จะไม่ยอมก้มหัวให้ฝ่ายมารเด็ดขาด!”
เขาตวัดไม้วัดออกไป วายุเพลิงลุกโชนขึ้นจากพื้นดิน ก่อนม้วนกวาดไปยังต้วนทงเทียน
ต้วนทงเทียนสะบัดมือเบาๆ ภูเขาสีดำด้านหลังก็ดูดเอาวายุเพลิงเข้าไป
ผู้อาวุโสสูงสุดลอบสบถ กัดฟันกล่าวขึ้นว่า “เขาลูกนี้เป็นแม่เหล็กทมิฬตามธรรมชาติ พลังวิญญาณถูกมันดูดกลืนเข้าไปแล้วจะดับสลาย มารเช่นนี้ไม่ต้องร่ายวิชา อาศัยแม่เหล็กทมิฬตามธรรมชาติก็สังหารเราได้แล้ว!”
ต้วนทงเทียนยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ แต่จงใจหยอกล้อ ทรมานพวกเขา
“สมควรตาย! พวกเราควรทำอย่างไรดี?”
หลี่ชิงจื่อกำหมัดทั้งสองข้างแน่น ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ผู้อาวุโสสูงสุดนิ่งเงียบ
เซียนซีเสวียนที่อยู่ไม่ไกลถอนหายใจ
ท้ายที่สุดสำนักหยกพิสุทธิ์ก็จบสิ้นอยู่ดี!
เซียนซีเสวียนอดนึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมาไม่ได้
เจ้าเด็กนั่นน่าจะยังปิดด่านฝึกฝนอยู่!
เซียนซีเสวียนทั้งโกรธทั้งหมดหนทาง ในใจเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม
เมื่อคิดถึงศิษย์คนอื่นๆ นางยิ่งรู้สึกผิดกว่าเดิม
“เป็นถึงอาจารย์แต่ปกป้องพวกเจ้าไม่ได้ ทำได้เพียงให้พวกเจ้าหนีไปก่อน…”
เซียนซีเสวียนลุกขึ้นมาช้าๆ ร่างของนางโงนเงนไปมา แต่แววตาเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
แม้จะต้องตาย นางก็ขอตายเพื่อสำนักหยกพิสุทธิ์!
…
ริมหน้าผาสูงชัน โม่จู๋ถูกผู้บำเพ็ญสายมารสองคนขวางเอาไว้
“ฮิๆ คนงาม หากเจ้ายอมปรนนิบัติพวกเราสองพี่น้อง ทำให้พวกข้ามีความสุข บางทีอาจไม่ต้องตายก็ได้!”
หนึ่งในนั้นเอ่ยพร้อมหัวเราะแปลกๆ สายตาที่มองโม่จู๋หื่นกระหาย
โม่จู๋มองไปทางด้านหลังพวกเขา โม่ฟู่โฉวถูกผู้บำเพ็ญระดับรวมแก่นปราณของลัทธิมารฟ้ามืดมารสามคนล้อมไว้ ไม่สามารถปลีกตัวมาช่วยนางได้
“น่ารังเกียจนัก…”
โม่จู๋กัดฟัน หมุนตัวแล้วพลันกระโดดลงไป
ต่อให้นางต้องตาย ก็ไม่ยอมถูกผู้บำเพ็ญสายมารย่ำยีศักดิ์ศรี!
นางร่วงลงมากลางอากาศ ร่างทะลุผ่านทะเลเมฆชั้นแล้วชั้นเล่า
นางอยากใช้วิชาขี่กระบี่ แต่พลังวิญญาณภายในร่างหมดสิ้นแล้ว
นางยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ในอีกไม่ช้าก็จะตายจริงๆ แล้ว
โม่จู๋ปิดเปลือกตาลงช้าๆ ใบหน้าคนคนหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาในความคิด
ใบหน้าล้ำเลิศที่งดงามเสียยิ่งกว่าสตรี
‘หากว่าข้ามีความมุ่งมั่นเช่นเขา บากบั่นฝึกฝนเสมอมา ถึงตอนนี้จะต้องตายก็คงกำจัดผู้บำเพ็ญสายมารได้อีกสักสองสามคน
เฮ้อ
หานเจวี๋ย เราจะได้พบกันอีกในชาติหน้าหรือไม่?
ไม่สิ
หวังว่าในภพหน้าของข้า ท่านจะสำเร็จมรรคกลายเป็นเซียนแล้ว’
หยดน้ำตาใสรินไหลออกจากหางตาของโมจู๋
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าตนเองถูกใครบางคนรับไว้
น้ำเสียงที่คุ้นเคยลอยเข้ามา
“แม่นางโม่ เหตุใดท่านร่วงลงมาได้?”
หานเจวี๋ย!
โม่จู๋ตะลึงงัน อะไรคือร่วงลงมา?
หรือว่าหานเจวี๋ยตายไปแล้ว?
พวกเขาพบกันที่ปรโลกหรือ?
โม่จู๋ลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นคือใบหน้าหล่อเหลาเหนือใครของหานเจวี๋ย
นางกำลังนอนซบอยู่ในอ้อมอกเขา
หานเจวี๋ยสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของโม่ฟู่โฉว จึงรีบอุ้มโม่จู๋โบยบินขึ้นไปทันที
ไม่พูดไม่ได้ว่า เรือนร่างของเด็กสาวคนนี้ชวนตะลึงไม่เบาเลย กอดแล้วนุ่มสบายดีจริง!
ถุย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...