ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 352

บทที่ 352 ความเปลี่ยนแปลง ความหวาดกลัวของจักรพรรดิปีศาจ

ในที่สุดก็สาปแช่งศัตรูจนถึงแก่ความตายได้สำเร็จ หานเจวี๋ยฝืนทำใจให้สบาย เฮ้อ! หนทางสู่มหามรรคยังอีกยาวไกล

หานเจวี๋ยแอบพึมพำ “อย่าโทษข้า ต้องโทษตัวเจ้าเองที่คิดจะสังหารข้า” เขาไม่เคยเป็นฝ่ายหาเรื่องคนอื่นก่อน แต่ก็ไม่กลัวที่จะมีเรื่องเช่นกัน ใครก็ตามที่กล้าทำร้ายเขา เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารฝ่ายตรงข้าม หากต้องการให้ศัตรูละทิ้งความแค้นเช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาตายไปเสียดีกว่า!

หานเจวี๋ยปรับสภาพตนเอง เตรียมที่จะสาปแช่งจักรพรรดิปีศาจต่อไป สำหรับจักรพรรดิปีศาจ สาปแช่งเพียงห้าวันก็เพียงพอแล้ว หานเจวี๋ยไม่ต้องการสังหารต้าหลัวสองคนติดต่อกัน เขาเกรงว่าความคิดของเขาจะเปลี่ยนไป นอกจากนี้จักรพรรดิปีศาจยังไม่ใช่บรรพชนมาร แม้ว่าเขาจะเผยตัวตนที่แท้จริงของตนออกมา แต่ก็ไม่อาจถูกสังหารโดยมรรคาสวรรค์ได้

……

วังปีศาจ

หลังจากที่จักรพรรดิปีศาจได้ยินเสียงร้องคำรามของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ หัวใจของเขาเต็มไปความหวาดกลัว ก่อนหน้านี้เขาชิงชังเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสุดขีด เพลิงโทสะสุมในดวงจิต อย่างไรเสียเขาก็มองว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการทำได้เพียงสาปแช่งอยู่ในมุมมืดเท่านั้น

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป! ต้าหลัวผู้ยิ่งใหญ่ถูกสาปแช่งให้ตายไปแล้วหนึ่งคน!

จักรพรรดิปีศาจไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับตัวตนบรรพชนมารในร่างของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ ในมุมมองของเขา เจ้าแดนต้องห้ามอันธการมีพลังอำนาจเพียงพอที่จะสังหารต้าหลัวตั้งแต่แรก แต่ที่บีบให้บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ก็เป็นเพราะต้องการทรมานบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เท่านั้น

น่ากลัวจริงๆ ช่างเป็นคนที่โหดเหี้ยมเหลือเกิน!

จักรพรรดิปีศาจมีชีวิตยาวนานมาจนถึงป่านนี้ ยังไม่เคยพบเจอคนที่จิตใจอำมหิตเช่นนี้มาก่อน

ชายผู้นี้สามารถลงมือสังหารศัตรูได้แท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะสาปแช่งอยู่ในมุมมืด มีเจตนาที่จะทรมานฝ่ายตรงข้าม

ศัตรูเช่นนี้เป็นศัตรูที่น่าหวั่นเกรงอย่างยิ่ง!

ในตอนนี้เอง ก็บังเกิดเศษเสี้ยวความรู้สึกผิดขึ้นในใจของจักรพรรดิปีศาจ ทันใดนั้นเขาคิดอยากขอความเมตตาจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ แต่เขาก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นใคร แม้แต่วิธีค้นหาเจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็ไม่รู้

ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงจู่ถูขึ้นมา เมื่อไม่นานมานี้จู่ถูเลียนแบบเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ หรือว่าจะเป็นเขาจริงๆ?

จู่ถูเองก็มีพลังมากพอที่จะสังหารบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์…ยิ่งจักรพรรดิปีศาจคิดเท่าไรก็ยิ่งหวาดกลัวว่าจะติดอยู่ในสงครามระหว่างสวรรค์และมนุษย์

ในเวลานี้เอง! พลังคำสาปที่คุ้นเคยก็โจมตีเขาอีกครั้ง จักรพรรดิปีศาจกลัวมากจนรู้สึกหวาดผวา คิดว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการกำลังจะสาปแช่งเขาให้ไปสู่ความตาย เขาเริ่มคิดหาทุกวิถีทางเพื่อที่จะหยุดยั้งอีกฝ่าย

แต่ทว่า

ห้าวันต่อมาคำสาปก็หยุดลงอย่างกะทันหัน เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการคล้ายจะหยอกเขาเล่นเท่านั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด จักรพรรดิปีศาจเกิดความรู้สึกประหลาดใจที่ไม่อาจอธิบายได้

‘เขาแสดงความเมตตาแก่ข้าหรือ’ เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของจักรพรรดิปีศาจ ก็เติบโตลุกลามไปทั่ว ไม่ต่างจากวัชพืช

บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เพิ่งตายไป เจ้าแดนต้องห้ามอันธการก็สาปแช่งข้าทันที นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นตามอำเภอใจ แต่ต้องมีความหมายล้ำลึกเป็นแน่

จักรพรรดิปีศาจขมวดคิ้ว ‘ข้าควรทำเช่นไรดี’

หลังจากสาปแช่งศัตรูทั้งหมดของเขาแล้ว หานเจวี๋ยก็เดินออกมาจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน เรียกเซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์ที่ปิดด่านฝึกฝนให้ออกมา และแสดงโอวาทแก่ทุกคน

ทุกคนรู้สึกว่าหานเจวี๋ยต่างไปจากเดิม

ดวงตาของฉู่ซื่อเหรินฉายแววซับซ้อน เขาแอบพึมพำในใจ ‘นี่คือระดับเทพอย่างนั้นหรือ ไม่สิ เขาน่าจะแข็งแกร่งกว่านั้นอีก!’

หลังจากฟื้นคืนความทรงจำในชาติก่อนกลับมา ฉู่ซื่อเหรินเคยทำแบบจำลองการทดสอบและค้นพบว่าคู่ต่อสู้จำนวนไม่น้อยของหานเจวี๋ยเป็นผู้ทรงพลังที่ตัวเขาในชาติก่อนยังต้องให้การยกย่อง

หานเจวี๋ยสามารถจำลองความแข็งแกร่งของผู้ทรงพลังเหล่านั้น แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าพวกคนเหล่านั้นเลย

หานเจวี๋ยมองไปยังฉู่ซื่อเหรินแล้วเอ่ยถาม “เจ้ามีความเห็นอย่างไรกับการจากไปของบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์”

ฉู่ซื่อเหรินเรียกสติกลับมา กล่าวว่า “เขาทำตัวเองขอรับ ตอนที่บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์นำความชั่วร้ายมาสู่สำนักพุทธ ข้าก็สังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าเขาไม่ชอบมาพากล จะต้องนำสำนักพุทธไปสู่ความล่มจมแน่ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

คนอื่นๆ อดสงสัยไม่ได้ ก่อนหน้านี้ฉู่ซื่อเหรินไม่เคยออกความเห็นใดเกี่ยวกับสำนักพุทธ ทำให้พวกเขาไม่กล้าเอ่ยถามซ่อกแซ่ก

หานเจวี๋ยไม่ถามให้มากความอีก และเริ่มแสดงธรรม

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ถ่ายทอดเสียงไปให้เซียนซีเสวียน “ท่านอาจารย์ ศิษย์น้องดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเจ้าค่ะ”

เซียนซีเสวียนตอบกลับ “แค่ระดับขั้นสูงขึ้นเท่านั้น”

นางมองไปยังหานเจวี๋ย ดวงตาฉายแววกริ่งเกรงออกมาอย่างอดไม่ได้

ไม่ใช่เพียงแค่พวกนางที่รู้สึกได้ แต่ศิษย์คนอื่นก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหานเจวี๋ยแผ่รังสีคุกคามออกมา จินกังนู่และจอมปีศาจคุกรัตติกาลดูตกตะลึงที่สุด

เห็นได้ชัดว่าหานเจวี๋ยมิได้แค่ผ่านการทะลวงระดับทั่วๆ ไป แต่เป็นการทะลวงระดับครั้งยิ่งใหญ่!

ตบะของเขานำไปสู่การทะลวงระดับครั้งใหญ่ เช่นนั้นแล้วเขาบรรลุระดับใดล่ะ

พวกเขาไม่กล้าคิดไปไกล

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ