บทที่ 353 จักรพรรดิปีศาจยอมรับความกลัว การยกระดับระบบ
“ผู้ที่ตายคือบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์แห่งสำนักพุทธ พระรูปนี้เป็นบรรพชนมารปลอมตัวมา แม้แต่ความตายก็ยังไม่สาสมกับความเลวทรามของมัน”
จักรพรรดิสวรรค์พูดเนิบๆ ราวกับพูดถึงเรื่องธรรมดาสามัญทั่วไป
หานเจวี๋ยรู้สึกเศร้าใจหนักกว่าเดิม ‘ชมกันสักคำมันจะตายหรือไง’
จักรพรรดิสวรรค์เปลี่ยนหัวข้อการสนทนา “แต่จะว่าไปเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการสามารถทำให้ต้าหลัวคนหนึ่งกลายเป็นบ้า จนถึงขั้นปลิดลมหายใจได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายดายจริงๆ จักรพรรดิปีศาจกลัวหัวหดจนป่าวประกาศว่าจะเชิญเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเข้าไปอยู่ในวังปีศาจ ให้รับตำแหน่งที่เทียบเท่ากับเขาและยังจะสถาปนาเป็นกษัตริย์ปีศาจ”
หานเจวี๋ยตะลึงงัน ‘จักรพรรดิปีศาจเล่นลูกไม้อะไรเนี่ย หลอกหมาไปฆ่าทิ้งหรือ งานเลี้ยงลอบสังหารหรืออย่างไร’ หานเจวี๋ยรู้สึกว่าตนต้องลงมือกับจักรพรรดิปีศาจอีกสักที
ตราบใดที่ความเกลียดชังระดับหกดาวของจักรพรรดิปีศาจที่มีต่อเขายังไม่ลดลง เขาก็ยังคงคิดอยากสังหารจักรพรรดิปีศาจอยู่ดี
หานเจวี๋ยกล่าวถาม “สถานการณ์ในวังสวรรค์เป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้ตกเป็นเป้าของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“บางครั้งก็สาปแช่งเราบ้าง แต่โดยรวมตอนนี้วังสวรรค์ไม่ได้รับผลกระทบจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมากนัก ต่อไปวังสวรรค์จะต่อสู้กับวังปีศาจ มหาเคราะห์เริ่มต้นขึ้นระยะหนึ่งแล้ว ควรจะยกระดับให้เข้าสู่มหาสงครามที่แท้จริงสักที” จักรพรรดิตรัสยิ้มๆ น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความมั่นใจ
หานเจวี๋ยรู้สึกว่าเขากำลังลำพองตน
กลัวว่าสถานการณ์จะพลิกผันเหลือเกิน เขาไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ ได้แต่อวยพรขอให้จักรพรรดิสวรรค์กรีฑาทัพไปสู่ชัยชนะ
ทั้งสองสนทนากันอยู่ไม่นาน ก็จบการสนทนาไปอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อไป
ปฐมเทพขั้นหนึ่งไม่เพียงพอ ยังห่างไกลจากต้าหลัวอีกมากโข เป้าหมายของหานเจวี๋ยคือการไปถึงระดับต้าหลัวในเร็ววัน ขนาดบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ยังตายตกอย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับระดับเทพ การบำเพ็ญไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ!
…
แปดปีต่อมา
ในที่สุดการยกระดับระบบก็สำเร็จลุล่วง!
[อาณาเขตเต๋ายกระดับ ค่ายกลยกระดับสู่ระดับครึ่งอริยะ ขอบเขตมิติภายในอาณาเขตเต๋าขยายใหญ่ขึ้น]
[ไอเซียนอาณาเขตเต๋าเพิ่มขึ้นสิบเท่า ปราณฟ้าประทานเพิ่มขึ้นห้าเท่า]
[อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นการสอดแนมจากพลังจิตระดับอริยบุคคลได้]
[ระบบเพิ่มความสามารถใหม่ สามารถทำการคัดลอกผู้ทรงพลังระดับต้าหลัวจากแบบจำลองการทดสอบมาเป็นองครักษ์ได้หนึ่งราย ผู้เป็นองครักษ์จะซื่อสัตย์ภักดีต่อท่าน ไม่สามารถออกจากอาณาเขตเต๋าเกินครึ่งชั่วยามได้ มิฉะนั้นจะละลายหายไปทันที]
หลังจากอ่านข้อความทั้งสี่ที่ปรากฏขึ้น หานเจวี๋ยก็ตกตะลึง
ความรู้สึกปลอดภัยที่ไม่เคยมีมาก่อนท่วมท้นหัวใจของเขา
ค่ายกลระดับต้าหลัว แสดงว่าศัตรูระดับต่ำกว่าต้าหลัวจะไม่สามารถกล้ำกรายเข้ามาได้!
ก่อนหน้านี้คือการปิดกั้นการสอดแนมของครึ่งเทพ แต่ตอนนี้เขาสามารถปิดกั้นการสอดแนมของอริยบุคคลได้แล้ว! จากนี้ไปเขาจะสามารถปิดกั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือความสามารถองครักษ์ที่สามารถคัดลอกต้าหลัวออกมาได้หนึ่งคน! ความรู้สึกปลอดภัยพลันพุ่งพล่านในอกของเขา
‘ระบบนี่ยิ่งยกระดับก็ยิ่งแข็งแกร่งจริงๆ มิน่าเล่า ช่วงนี้ถึงมีตัวเลือกยกระดับระบบโผล่ขึ้นมาบ่อยมาก ดูท่าทางระบบเองก็อยากยกระดับเหมือนกันสินะ’
หานเจวี๋ยหลับตาและเริ่มต้นเลือกต้าหลัว คิดไปคิดมา เขาก็เลือกจู่ถูเป็นคนแรก มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตคนที่หนึ่ง!หานเจวี๋ยกลัวเพียงว่าตัวเขาจะแข็งแกร่งกว่าต้าหลัว
[การเลือกประสบความสำเร็จ ยินดีด้วยท่านได้รับองครักษ์อาณาเขตเต๋าคนแรก เมื่อองครักษ์อาณาเขตเต๋าสิ้นชีพ จะไม่สามารถคืนชีพได้อีก]
[การคัดลอกองครักษ์ต้องใช้เวลา โปรดรอคอยด้วยความอดทน]
หานเจวี๋ยถอนหายใจอย่างโล่งอก ‘เรียบร้อยแล้ว’
ทว่าองครักษ์อาณาเขตเต๋าสามารถอยู่ได้แต่ในเกาะเท่านั้น หากจากไปเกินสามชั่วโมงก็จะหายไปโดยอัตโนมัติกล่าวได้ว่า องครักษ์คนนี้ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ได้อย่างเดียว ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นมือสังหารได้ แต่สำหรับหานเจวี๋ยเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
หานเจวี๋ยรู้สึกลำพองใจ นับแต่นี้ต่อไป ตราบใดที่เขาอยู่ในอาณาเขตเต๋าตลอดเวลา เขาก็จะไร้เทียมทาน! อย่างน้อยก็ภายใต้มรรคาสวรรค์!
“จู่ถูเป็นผู้ที่มหาเคราะห์แข็งแกร่งที่สุด ครึ่งเทพไม่น่าจะเข้ามาได้ อริยบุคคลยิ่งไม่ต้องพูดถึง” หานเจวี๋ยรู้สึกว่าเมฆดำที่ปกคลุมเหนือศีรษะของตนนั้นสลายไป ร่างกายพลันรู้สึกผ่อนคลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...