ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 354

บทที่ 354 ผู้บงการเบื้องหลัง ทางเลือกสองทาง

หานเจวี๋ยตกอยู่ในความลังเล ‘เขาต้องไปหรือเปล่านะ’

คนที่ใช้วิชาอัญเชิญเทพได้มีเพียงศิษย์และคู่บำเพ็ญเพียรของเขา นานทีปีหนจึงจะเกิดขึ้นสักครั้ง และคาดเดาได้เลยว่าต้องมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นเป็นแน่

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ไม่นานก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปทันที กระแสน้ำวนสีดำปรากฏขึ้นตรงหน้า หานเจวี๋ยนั่งบนบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรและเหาะเข้าไปในกระแสน้ำวน หากไร้ซึ่งยอดสมบัติ ใจของเขาคงอยู่ไม่เป็นสุข ถึงแม้ว่าเขาจะบรรลุระดับเทพแล้ว แต่ก็ยังต้องระวังตัวอยู่ดี

ในโลกอันมืดมิด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เหนือพื้นดินเต็มไปด้วยโครงกระดูกกลาดเกลื่อน

ฟางเหลียง จี้เซียนเสิน และหานมิ่งอยู่ด้วยกัน

ทั้งสามติดอยู่ภายในค่ายกลสีทอง ด้านนอกมีปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานมาจากด้านหน้าและด้านหลัง โจมตีค่ายกลสีทองอย่างบ้าคลั่ง หมายจะทะลวงเข้ามา

เสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เสียงดังอึกทึก

จี้เซียนเสินกัดฟันกรอด “ไอ้เด็กเหลือขอ ตกลงเจ้าเรียกอาจารย์ปู่ของเจ้าได้หรือเปล่า! ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะใช้วิชาต้องห้ามแล้วนะ!”

ฟางเหลียงกัดฟัน “หากเจ้าใช้วิชาต้องห้ามอีกครั้ง ดวงวิญญาณของเจ้าจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง อีกทั้งยังเป็นไปไม่ได้สำหรับระดับจักรพรรดิ ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ใช้วิชาต้องห้ามก็ใช่ว่าจะหนีออกไปจากที่นี่ได้”

เขามองไปทั่วทั้งสี่ทิศ ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

หานมิ่งยืนอยู่ด้านหลังของทั้งสองคน สีหน้าสลด

ในตอนนี้เอง

กระแสน้ำวนสีดำปรากฏเหนือศีรษะของทั้งสาม หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยแสงสีม่วงที่สาดส่องลงมา ทั้งสามเผยสีหน้าตกตะลึง

หานเจวี๋ยมาจริงๆ ด้วย! เห็นเพียงร่างร่างหนึ่งใจกลางแสงสีม่วง เขานั่งอยู่บนดอกบัว เครื่องหน้า และบัลลังก์ดอกบัวนั้นกลับดูเลือนราง

จี้เซียนเสินตะโกนลั่น “สหายกวนในที่สุดเจ้าก็มาจนได้!”

หานเจวี๋ยชะงักงัน เขาเกือบลืมชื่อของตนเองไปแล้ว

เขาสำรวจยอดฝีมือที่รายล้อมอยู่ทันที คนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงระดับจักรพรรดิที่มาจากเผ่ามาร หานเจวี๋ยคร้านจะจดจำชื่อของอีกฝ่าย

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น”

ฟางเหลียงกล่าวอย่างลำบากใจ “ที่นี่คือหุบเหวมาร พวกเราถูกวังปีศาจตามล่าจนหลงทางมาถึงที่นี่ อาจารย์ปู่ ขออภัยจริงๆ ทีแรกข้าก็ไม่อยากจะรบกวนท่าน…แต่ว่า…ที่นี่มีเพียงท่านที่เป็นญาติทางสายเลือดเพียงคนเดียว…”

หานเจวี๋ยทอดสายตามองหานมิ่ง เขารู้สึกได้ว่ากลิ่นอายสายเลือดของหานมิ่งใกล้ชิดกับเขา แต่เขาไม่สนใจ

หานเจวี๋ยจ้องเขม็ง เหล่าปีศาจด้านนอกของค่ายกลสีทองสลายหายไปจนเกือบหมดราวกับควัน

ทั้งจี้เซียนเสิน ฟางเหลียง และหานมิ่งต่างตกตะลึง

หานมิ่งถามด้วยความรู้สึกประหลาดใจ “พวกมันถอยไปหมดแล้วหรือ”

ฟางเหลียงหันขวับไปมองหานเจวี๋ย และกล่าว “ไม่ใช่ เป็นฝีมืออาจารย์ปู่ของเจ้า เป็นจิตนึกคิด!”

หานเจวี๋ยกล่าวเป็นนัยล้ำลึก “เจ้าดูจะรู้อะไรอยู่ไม่น้อย ดูท่าทางเมื่อก่อนคงจะมีประสบการณ์มาไม่น้อยสิท่า”

เขาไม่ลืมว่าวิญญาณของฟางเหลียงท่องกาลดึกดำบรรพ์ แต่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเด็กคนนี้อยู่ในกาลดึกดำบรรพ์มานานเพียงไร

จี้เซียนเสินถามด้วยความตกตะลึง “ตายหมดแล้วหรือ เช่นนั้น…”

“พวกเจ้ารีบออกไปจากที่นี่ซะ” หานเจวี๋ยตัดบท เขาแอบรำคาญอยู่เล็กน้อย ทันทีที่พูดจบก็เตรียมตัวกลับเข้าไปในกระแสน้ำวนอีกครั้ง

“เดี๋ยวก่อน! ข้า…” จู่ๆ หานมิ่งก็ก้าวตามมา และเอ่ยปากขึ้น

หานเจวี๋ยนิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เกือบลืมเจ้าไปเสียแล้ว”

เพียงเขาสะบัดมือขวาครั้งเดียว หานมิ่งก็กลายเป็นหมอกโลหิต สาดกระจายไปทั่ว ดวงวิญญาณสองดวงตกไปอยู่ในมือของเขา

ฟางเหลียงและจี้เซียนเสินไม่ได้โง่ พวกเขาเข้าใจในทันที

“ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงมีสองดวงวิญญาณล่ะ” จี้เซียนเสินขมวดคิ้ว

ฟางเหลียงตระหนักได้ทันที “เด็กเมื่อครู่นี้ไม่ใช่พี่น้องของอาจารย์ปู่จริงๆ…”

หานเจวี๋ยเก็บวิญญาณทั้งสองดวงไว้ในฝ่ามือ เอ่ยคำพูดทิ้งท้ายก่อนจะจากไป “จำไว้ให้ดี ต่อให้เป็นคนที่พวกเจ้ารู้จัก ก็อย่าได้ไว้ใจง่ายๆ”

พูดจบ หานเจวี๋ยก็หันกลับเข้าไปกระแสน้ำวนสีดำและกลับไปยังถ้ำเทวาฟ้าประทาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ