บทที่ 378 เผ่าวิหคชาดเข้าโจมตี
เมื่อได้ยินว่าฉู่ซื่อเหรินสามารถใช้พลังของชาติก่อนได้ ทุกคนล้วนตกตะลึง รวมถึงจินกังนู่ด้วย
ห้ายอดบรรพชนพุทธแห่งสำนักพุทธ ล้วนเป็นตัวตนระดับต้าหลัวทั้งสิ้น!
ฉู่ซื่อเหรินเมื่อถูกทุกคนมองมา จึงเอ่ยด้วยความจนปัญญาว่า “ถึงอย่างไรข้าก็กลับชาติมาเกิดใหม่แล้ว ไม่อาจใช้ตบะในชาติก่อนอย่างสมบูรณ์ได้ ข้าต้องฝึกบำเพ็ญใหม่อีกครั้ง มิเช่นนั้นหากใช้ตบะจากชาติก่อนบ่อยเข้า วิญญาณของข้าจะแบกรับไม่ไหว”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
ทุกคนกระจ่างขึ้นมาทันที จิตใจพลันสงบลง
หากกลับชาติมาเกิดแล้วไม่ต้องเสียสิ่งใดไปเลย เช่นนั้นก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!!
หลังจากทราบว่าฉู่ซื่อเหรินมีตบะจากชาติก่อน ท่าทีที่ชาวสำนักซ่อนเร้นมีต่อเขาก็ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม
หานเจวี๋ยก็มีความหวั่นเกรงต่อฉู่ซื่อเหรินด้วยเช่นกัน แต่ระดับความประทับใจที่ฉู่ซื่อเหรินมีต่อเขาเลื่อนขึ้นไปถึง5.5 ดาวแล้ว ไม่มีทางหักหลังเขาแน่
ต่อให้ฉู่ซื่อเหรินโจมตีเขา ก็ไม่มีทางฝ่าด่านป้องกันของบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรได้
เมื่อวังเทพเข้ามา แดนชำระบาปเก้าขุมก็มิได้สงบสุขเช่นที่ผ่านมาอีกต่อไป
วังเทพและนิกายเจี๋ยมักจะขัดแย้งกันอยู่บ่อยครั้ง เสียงต่อสู้แว่วมาถึงเกาะสำนักซ่อนเร้นเป็นครั้งคราว
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ หานเจวี๋ยไม่ได้ใส่ใจเลย มุ่งแต่ตั้งใจฝึกบำเพ็ญ
ต่อไปต้องพยายามทะลวงสู่ระดับปฐมเทพขั้นสี่ให้ได้!
หลังจากบรรลุระดับปฐมเทพขั้นสี่ ก็อยู่ไม่ไกลจากระดับปฐมเทพขั้นหกแล้ว เมื่อบรรลุระดับปฐมเทพขั้นหกก็อยู่ห่างจากระดับต้าหลัวเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!
หานเจวี๋ยชอบกระตุ้นตัวเองเช่นนี้ เพิ่มกำลังใจของตนให้เต็มเปี่ยม
….
เวลาผ่านไปไวปานติดปีก
ผ่านไปอีกสามสิบปี
ตบะของหานเจวี๋ยก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย แต่ก็ปรากฏเรื่องที่ทำให้เขาปวดหัวขึ้นมา
ต่อจากนิกายเจี๋ยและวังเทพ ตอนนี้มีกลุ่มอิทธิพลใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว
หานเจวี๋ยจ่ายอายุขัยสิบล้านปีเพื่อสอบถาม ผู้มาใหม่เป็นชนเผ่าบรรพกาลเผ่าหนึ่ง เผ่าวิหคชาด!
สำหรับเผ่าวิหคชาด หานเจวี๋ยมีความหลังฝังใจยิ่ง
เมื่อก่อนถูกวิหคชาดตัวหนึ่งทำให้ตกใจจนไม่กล้าเหาะเหิน ความรู้สึกกดขี่นั้นเขายังจดจำมาจนถึงตอนนี้
อย่างไรก็ตามวิหคชาดตัวนั้นดับสูญไปแล้ว ซ้ำยังสิ้นชีพด้วยน้ำมือคนในเผ่าของตนด้วย บุญคุณความแค้นนี้ก็นับว่าจบลงแล้วเช่นกัน
ตอนนี้เรื่องที่หานเจวี๋ยกังวลที่สุดคือแดนชำระบาปเก้าขุมจะกลายเป็นสมรภูมิรบหรือไม่
หลังจากแดนชำระบาปเก้าขุมมีกลุ่มอิทธิพลเพิ่มมากขึ้น ความขัดแย้งก็มากขึ้นเช่นกัน
เนื่องจากมหาเคราะห์แดนเซียนจึงเต็มไปด้วยแรงกรรม ภายหน้าก็คงไม่แตกต่างไปจากแดนชำระบาปเก้าขุม ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การซ่อนตัวอยู่ในแดนชำระบาปเก้าขุมกลับกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มอิทธิพลทั้งหลาย
‘เห็นทีว่าคงต้องหาสถานที่สำรองไว้เสียแล้ว’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
เขาไม่มีทางออกไปค้นหาด้วยตัวเองแน่ แต่ให้หลิวเป้ยไปแทน
หานเจวี๋ยเรียกหลิวเป้ยเข้ามาในถ้ำ บอกเจตนาของตนอย่างชัดเจน
หลิวเป้ยขมวดคิ้ว แม้จะลังเลแต่ก็ยังคงตกปากรับคำ
มิใช่ว่าเขาต่อต้านคำสั่งของหานเจวี๋ย เขาเพียงรับสืบทอดนิสัยของหานเจวี๋ยมาด้วย จึงหวาดกลัวอันตรายเช่นกัน
และด้วยเหตุนี้ หานเจวี๋ยจึงเชื่อมั่นว่าเขาจะเสาะหาสถานที่กบดานชั้นยอดได้
หานเจวี๋ยถ่ายทอดวิชาอัญเชิญเทพให้หลิวเป้ย หากพบอันตราย เขาก็จะลงมือช่วยเหลือหลิวเป้ย
หลังจากเรียนรู้วิชาอัญเชิญเทพ หลิวเป้ยก็สบายใจขึ้นไม่น้อย ออกเดินทางในวันนั้นเลย
หานเจวี๋ยเริ่มสาปแช่งศัตรูพร้อมตรวจดูจดหมายไปด้วย
ระยะนี้สิงหงเสวียนและเซวียนฉิงจวินได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังอีกแล้ว เรื่องนี้ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกไม่ดี
เขาคิดดูแล้ว ตัดสินใจที่จะไปเข้าฝันสตรีทั้งสอง เพียงแค่ไม่ใช้รูปลักษณ์ของเจ้าแดนต้องห้ามเสียก็เป็นพอ
ไม่เพียงแต่ต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ ยังต้องเปลี่ยนฉากสถานที่ด้วย
หนึ่งเดือนผ่านไป หานเจวี๋ยไปเข้าฝันสิงหงเสวียนก่อน
ทั้งสองพบกันในความฝัน เมื่อสิงหงเสวียนมองเห็นหานเจวี๋ยก็พลันยินดีปรีดา
แต่นางยังคงเอ่ยถามด้วยความหวาดระแวงว่า “ข้ามีโอกาสวาสนาประการหนึ่งมามอบให้ท่าน ท่านอยากลองดูหรือไม่”
หานเจวี๋ยพูดไม่ออกเลย
เขาเอ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์ “ไม่เอา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...