ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 379

บทที่ 379 กินวิหคชาด ถ่ายทอดกุศล

หานเจวี๋ยได้ยินความเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก เขาอดทนจนทนไม่ไหวแล้ว จึงส่งเสียงตะคอกออกไป “ไสหัวไป!”

วิหคชาดระดับเทพสะดุ้งโหยง เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ใต้เท้าเป็นผู้ใด ไยจึงมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่”

พอพูดจบ เขาเรียกหอกเพลิงเล่มหนึ่งออกมา เตรียมเข้าโจมตีต่อ

หานเจวี๋ยพูดไม่ออกเลย

คนผู้นี้โง่เง่ากระมัง

ทำลายค่ายกลอาคมอาณาเขตเต๋าไม่ได้ ยังจะกล้าโจมตีต่ออีกหรือ

ระดับเทพของเขาฝึกฝนมาได้อย่างไรกัน

ในเมื่ออยากรนหาที่ตาย เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าหานเจวี๋ยไม่ปรานี

หานเจวี๋ยกระโจนออกจากอาณาเขตเต๋าทันที กระบี่พิพากษาอนธการปรากฎขึ้นในมือ เขายกกระบี่ขึ้นฟันคราหนึ่ง

ยอดปราณกระบี่!

ปราณกระบี่อันน่าหวาดหวั่นระเบิดออกมา กวาดม้วนเข้าหาวิหคชาดระดับเทพจากสี่ทิศแปดทาง

วิหคชาดระดับเทพเห็นหานเจวี๋ยปรากฏตัว เขามิได้ตกใจเลย กลับขยับทวนเพลิงในมือ พลังเวทปฐมเทพกระจายตัว ก่อตัวเป็นโดมป้องกันขนาดใหญ่ สกัดขวางยอดปราณกระบี่

เกิดเสียงดังตูมขึ้นมา!

ร่างของวิหคชาดระดับเทพแหลกสลายในทันใด เขาเป็นเพียงระดับปฐมเทพขั้นสอง ไหนเลยจะต้านทานการโจมตีจากระดับปฐมเทพขั้นสามอย่างหานเจวี๋ยได้

หานเจวี๋ยสามารถต่อสู้กับระดับปฐมเทพขั้นหกอย่างพอฟัดพอเหวี่ยงได้ด้วยซ้ำ!

หานเจวี๋ยสำแดงแสงเทพเบญจธาตุ ซัดเข้าใส่วิญญาณของอีกฝ่าย ดูดมาเก็บในบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร

เขากระโจนกลับเข้าสู่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน

ภายในบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร วิหคชาดระดับเทพเพิ่งจะควบรวมก่อสังขารใหม่ แรงกรรมนับไม่ถ้วนก็เข้าท่วมทับเขา

“แรงกรรม! เป็นไปได้อย่างไร!”

วิหคชาดระดับเทพตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี รีบต่อต้านแรงกรรมที่เข้าทำร้าย น่าเสียดายที่ไร้ประโยชน์

เขาอยากหนีออกจากบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร แต่ถูกหานเจวี๋ยใช้พลังเวทอันยิ่งใหญ่สะกดไว้ ไม่มีทางหนีออกไปได้

“ไม่…”

[วิหคชาดชื่อเยี่ยนเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]

หานเจวี๋ยมองข้อความที่เด้งขึ้นมาตรงหน้า ส่ายหน้าแล้วหลุดหัวเราะออกมา

รนหาที่ตายจริงๆ

หานเจวี๋ยควบคุมเกาะสำนักซ่อนเร้นย้ายตำแหน่ง เลี่ยงไม่ให้ถูกเผ่าวิหคชาดมาพบเข้าอีก

ถ้ามากันจริงๆ แบบนั้นก็วุ่นวายแล้ว

อย่างไรก็ตามหานเจวี๋ยเชื่อมั่นอยู่เล็กน้อยว่า ในเผ่าวิหคชาดไม่มีผู้สามารถบุกเข้ามาในอาณาเขตเต๋าของเขาได้

ใต้ต้นฝูซัง ไก่คุกรัตติกาลถามด้วยความสงสัยว่า “คนผู้นั้นถูกนายท่านสังหารแล้วกระมัง รวดเร็วจริงๆ!”

จินกังนู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นั่นมันแน่อยู่แล้ว เจ้าสำนักแข็งแกร่งระดับใดแล้ว วิหคชาดตัวเมื่อครู่นั้นถึงแม้จะแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นเพียงวิหคชาด”

มู่หรงฉี่พยักหน้าพลางเอ่ยว่า “เผ่าวิหคชาดไร้ซึ่งต้าหลัว”

ไม่รู้ว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร พวกเขาต่างเห็นพ้องต้องกันว่าอย่างน้อยๆ ตบะของหานเจวี๋ยก็ต้องเป็นระดับต้าหลัว

หากว่าไม่ใช่ แล้วจะสรรค์สร้างทุกอย่างนี้ได้อย่างไร

เจียงอี้เอ่ยด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม “เผ่าวิหคชาดในปัจจุบันสู้สมัยก่อนไม่ได้แล้ว ห่างชั้นกับเผ่าเทพอีกาทองของพวกเรา อีกาทองอย่างพวกเรากินมังกรเป็นอาหาร สัตว์เทพล้วนเป็นอาหารของพวกเรา!”

จอมปีศาจคุกรัตติกาลส่ายหน้า ไม่ยอมรับ

“อันที่จริงเผ่าพันธุ์ก็เป็นข้อผูกมัดอย่างหนึ่ง จักรพรรดิสวรรค์ไม่เคยกล่าวอ้างเลยว่ามาจากเผ่ามังกรแท้ จักรพรรดิปีศาจก็ไม่เคยกล่าวถึงเผ่าพันธุ์ต้นกำเนิดของตน ความผูกพันทางสายเลือดบางครั้งก็เป็นทั้งอำนาจและเป็นทั้งจุดอ่อน” จู่ๆ ฉู่ซื่อเหรินก็พูดขึ้นมา

คำพูดของเขาทำให้เจียงอี้และจอมปีศาจคุกรัตติกาลจมอยู่ในภวังค์ความคิด

ราชามังกรสามเศียรหัวเราะพลางกล่าวว่า “ใช่แล้วๆ เผ่ามังกรไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลย ข้าเป็นคนของสำนักซ่อนเร้น”

คนที่เหลือต่างพากันประจบประแจง หวังให้หานเจวี๋ยได้ยิน

เวลานี้เอง

หานเจวี๋ยพลันเดินออกมาจากประตูถ้ำ

พอมองเห็นเขา ทุกคนต่างพากันหุบปาก

หานเจวี๋ยได้สร้างบารมีอันแกร่งกล้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทุกคนต่างไม่กล้าหยอกล้อส่งเดชแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ