บทที่ 384 เจียงตู๋กู สิงเต้าหรง
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนมียอดฝีมือใต้สังกัดมากมายดุจเมฆา แข็งแกร่งยิ่งกว่าสี่ผู้นำกลุ่มอิทธิพลระดับจักรวรรดิในฉากหน้าของแดนเซียนเสียอีก
บุคคลเช่นนี้ไม่อาจล่วงเกินได้
อย่างน้อยก็สาปแช่งไม่ได้
จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนอย่างน้อยๆ ก็คงเป็นระดับครึ่งอริยะ แข็งแกร่งกว่าต้าหลัวแน่นอน ถึงขั้นที่อาจจะเป็นอริยะเลยด้วยซ้ำ
ตัวตนเช่นนี้ สาปแช่งไปก็ไม่ตายอยู่ดี ซ้ำยังจะดึงดูดความสนใจของเขาล่วงหน้าอีกด้วย
‘ต้องหาทางทำให้เขาเผยตัวออกมา ตัวตนเช่นนี้จะสร้างความตระหนกและหวาดผวาให้แก่สรรพสิ่งเป็นแน่ ข้าไม่เชื่อว่ากลุ่มอิทธิพลทั้งหมดในแดนเซียนจะเป็นลูกน้องของเขากันหมด’
หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้ หากว่าใช่จริงๆ เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงหลบหนีแล้ว
อย่างเลวร้ายที่สุดก็แค่หนีไปอยู่แดนต้องห้ามอันธการ!
สู้ไม่ได้ ข้าก็ยังหนีได้มิใช่หรือ
ยิ่งคิดหานเจวี๋ยก็ยิ่งรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
บนโลกนี้ไม่มีเรื่องยาก ขอเพียงแต่ยอมแพ้เป็น
บนโลกนี้ไม่มีศัตรูที่แข็งแกร่ง ขอเพียงเจ้าหลบให้เป็น
หานเจวี๋ยกระตุ้นความกระฉับกระเฉง ฝึกบำเพ็ญต่อไป
หลังจากมหาเคราะห์สิ้นสุดลง เขาถึงจะถูกปิดล้อม ซึ่งในปัจจุบันนี้ยังมองไม่เห็นเค้าลางการสิ้นสุดของมหาเคราะห์
….
เวลาผ่านพ้นไปทีละปีๆ
แดนชำระบาปเก้าขุมหวนคืนสู่ความสงบอีกครั้ง เผ่าวิหคชาดและนิกายเจี๋ยคล้ายจะบรรลุสนธิสัญญาสงบศึกแล้ว ไม่ต่อสู้ขัดแย้งกันอีก
เรื่องที่หานเจวี๋ยกังวลไม่เกิดขึ้น ไม่มีกลุ่มอิทธิพลรายที่สามเข้ามาในแดนชำระบาปเก้าขุม
เพียงพริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเลยไปอีกสามสิบปี
จากจดหมายที่ได้อ่าน แดนเซียนเริ่มเกิดศึกนองเลือดขึ้นอีกครั้ง สหายของหานเจวี๋ยลดลงไปเรื่อยๆ ไม่เพิ่มขึ้นมานานหลายปีแล้ว สหายสนิทในช่วงนี้มีเพียงเซวี่ยหมิงเหอและจิ่งเทียนกง
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วหานเจวี๋ยคงไม่อาจสอดส่องสถานการณ์ในแดนเซียนได้อีก แต่เรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน ยุคสมัยแห่งมหาเคราะห์ ไม่เหมาะที่จะคบหาสหาย
หานเจวี๋ยเข้าใกล้ระดับปฐมเทพขั้นสี่เข้าไปเรื่อยๆ คาดว่าอย่างมากอีกห้าสิบปีก็น่าจะทะลวงขั้นได้
สาเหตุสำคัญเป็นเพราะแรงกรรมในแดนชำระบาปเก้าขุมหนาแน่นเหลือเกิน มากมายไร้สิ้นสุด ไม่ว่าความเร็วในการดูดซับแรงกรรมของหานเจวี๋ยจะเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน ก็สามารถดูดซับได้ตามที่ต้องการ
ถึงแม้จะดูดซับแรงกรรมปริมาณมหาศาลทุกวัน แต่หานเจวี๋ยก็สัมผัสได้ว่าตนไม่ได้สร้างผลกระทบต่อแดนชำระบาปเก้าขุมเลย
ในวันนี้เอง ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญ
เกิดเสียงตูมดังสนั่นกึกก้องแว่วขึ้นมา หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นด้วยตกใจ
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ชาวสำนักซ่อนเร้นล้วนได้รับความตกใจ พากันลุกออกมา
เหนือแดนชำระบาปเก้าขุม ท่ามกลางความมืดมนปรากฏโพรงแสงสีแดงฉานขนาดมหึมาโพรงหนึ่ง เงาร่างอันน่าหวาดหวั่นร่างหนึ่งค่อยๆ เคลื่อนออกมา
เงาร่างนี้สูงหมื่นจั้งมีสามเศียรหกกร สวมชุดเกราะดูดุดัน เสาต้นใหญ่สูงค้ำฟ้าต้นหนึ่งลอยอยู่ด้านหลังเขา มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าร่างของเขาเสียอีก
เขาลืมตาขึ้น เผยให้เห็นดวงตาขาวซีดคู่หนึ่ง สายตามองไปยังทิศทางหนึ่ง ฉีกยิ้มอย่างน่าสยดสยอง
เขาเงื้อมือขวาขึ้น เสายักษ์ที่อยู่ด้านหลังลอยมาอยู่ในมือเขา
“พินาศให้ข้าซะ!”
ร่างสูงหมื่นจั้งตะโกนกร้าว เขาเหวี่ยงมือขวาออกไป เสาใหญ่สูงค้ำฟ้าระเบิดพลังทะยานออกไป โหมกระพือดั่งคลื่นยักษ์ถาโถม
พลังโจมตีอันน่าหวาดกลัวกวาดม้วนไปทั่วสารทิศ โชคดีที่ค่ายกลมิติภายในอาณาเขตเต๋าเสถียรมั่นคง ด้านในไม่รับรู้ถึงแรงสะเทือนจากรอบเกาะเลย
หานเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจ นั่นคือผู้ใดกัน
เนื่องจากอยู่ห่างไกลเกินไป เขาจึงไม่สามารถตรวจสอบตบะและตัวตนของอีกฝ่ายได้
ทิศทางนั้นดูเหมือนจะพุ่งเป้าไปที่ไท่กู่หยวนเฟิ่ง!
หานเจวี๋ยไม่ได้ใส่ใจมากนัก
ขอเพียงไม่กระทบมาถึงเขาก็พอ
เขาถ่ายทอดเสียงหาชาวสำนักซ่อนเร้น ให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
ในไม่ช้า แรงกดดันจากการต่อสู้ก็โถมเข้ามา หานเจวี๋ยควบคุมเกาะสำนักซ่อนเร้นให้ออกห่างจากทิศทางที่เกิดการต่อสู้
การต่อสู้ครั้งนี้ดำเนินอยู่หลายวัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...