ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 388

สรุปบท บทที่ 388 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส อภัยให้ไม่ได้!: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 388 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส อภัยให้ไม่ได้! – ตอนที่ต้องอ่านของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ตอนนี้ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 388 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส อภัยให้ไม่ได้! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 388 พลิกวิกฤตเป็นโอกาส อภัยให้ไม่ได้!

“ขอบพระคุณเจ้าสำนัก หากข้ารอดจากเคราะห์นี้ไปได้ จะกลับมาแสวงหามหามรรคไปพร้อมกับท่านแน่นอน หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากท่าน จะไม่เป็นฝ่ายร้องขอออกไปอีกเด็ดขาด!”

ต้วนหงเฉินกล่าวด้วยความตื้นตัน จากนั้นก็โขกศีรษะให้หานเจวี๋ยหลายครั้ง

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “สุดท้ายแล้วชีวิตก็เป็นของเจ้า หากว่าเจ้ายังรู้สึกว่าตนเป็นคนของสำนักซ่อนเร้นอยู่ เจ้าสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ แต่เจ้าอย่าได้หวังว่าข้าจะไปช่วยเจ้า ให้ความช่วยเหลือเจ้า อย่างน้อยๆ ในมหาเคราะห์ข้าก็ไม่อาจยื่นมือเข้าช่วยได้ เนื่องจากตัวข้าก็ต้องรับผิดชอบสำนักซ่อนเร้นทั้งสำนักเช่นกัน”

ต้วนหงเฉินพยักหน้าอย่างหนักแน่น เอ่ยตอบว่า “ข้าเข้าใจทุกอย่างขอรับ อันที่จริงชีวิตในสำนักซ่อนเร้นของข้าก็ดียิ่งนัก ท่านไม่เคยปฏิบัติต่อข้าอย่างเลวร้ายเลย ข้าซาบซึ้งมาโดยตลอด จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้สำนักซ่อนเร้นเด็ดขาด วันหน้าหากข้าช่วงชิงโชคชะตาอันยิ่งใหญ่มาได้ จะกลับมาแทนคุณสำนักซ่อนเร้นแน่นอน”

หานเจวี๋ยหลับตาลงโบกแขนเสื้อ สื่อว่าให้ออกไปได้

ต้วนหงเฉินลุกขึ้นโค้งคำนับ จากนั้นก็ก้าวออกไป

หานเจวี๋ยมิได้ถ่ายทอดวิชาอัญเชิญเทพให้เขา ถึงแม้ค่าความประทับที่เขามีต่อหานเจวี๋ยจะถึงหกดาวแล้ว แต่ความประทับใจที่หานเจวี๋ยมีต่อเขาค่อนข้างจำกัด ยิ่งไปกว่านั้นคือคนผู้นี้เป็นผู้ฝ่าเคราะห์

มีความเป็นได้แปดถึงเก้าส่วนที่ต้วนหงเฉินจะสิ้นชีพในมหาเคราะห์

มีผู้ฝ่าเคราะห์มากมายถึงเพียงนั้น สุดท้ายจะเหลือรอดอยู่สักกี่คน

หานเจวี๋ยอดนึกห่วงพวกจักรพรรดิสวรรค์ จี้เซียนเสิน ฟางเหลียงและโจวฝานไม่ได้

สหายของเขากลายเป็นผู้ฝ่าเคราะห์ไปไม่น้อย คาดว่าอาจต้องตายกันหลายคน มิเช่นนั้นคงไม่สมเหตุสมผล

หานเจวี๋ยหวังให้พวกเขารอดชีวิตกันทั้งหมด หากว่าตายกันจริงๆ เช่นนั้นเขาก็ทำได้เพียงไว้อาลัยให้เงียบๆ

ด้วยระดับของหานเจวี๋ยในปัจจุบัน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสละทุกสิ่ง ถึงขั้นที่ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ก็ไม่มีข้อยกเว้น!

แม้ว่าจักรพรรดิสวรรค์จะดีต่อหานเจวี๋ยยิ่งนัก แต่หานเจวี๋ยก็ทำได้เพียงให้ความช่วยเหลือในขอบเขตสถานการณ์ที่จะไม่ส่งผลคุกคามถึงชีวิตของตน

หากจำเป็นต้องเลือกระหว่างชีวิตของตนกับจักรพรรดิสวรรค์ หานเจวี๋ยก็ทำได้เพียงเลือกตนเองไว้ก่อน

ไม่ว่าจะเปลี่ยนจากจักรพรรดิสวรรค์ไปเป็นคนอื่น ก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน!

หากว่าเขาตายไปด้วย เช่นนั้นทุกอย่างที่ทำมาจะมีความหมายอันใด

ในช่วงเวลาแห่งการบำเพ็ญอันเนิ่นนาน หานเจวี๋ยเตือนตัวเองอยู่เสมอ อย่าได้หลงลืมปณิธานแรกเริ่ม

บางทีรอจนเขาก้าวไปจนถึงปลายทางของเส้นทางบำเพ็ญ เขาก็คงทำทุกอย่างได้ตามปรารถนา บรรลุสิ่งที่หวัง รวมถึงการชดเชยต่อเรื่องที่น่าเสียใจในอดีตด้วย

….

การจากไปของต้วนหงเฉินก่อให้เกิดระลอกคลื่นเล็กๆ ขึ้นในสำนักซ่อนเร้น ถึงอย่างไรก็อยู่ด้วยกันมานาน ทุกคนยังคงสะท้อนใจนัก เนื่องด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเริ่มถกประเด็นเรื่องผู้ฝ่าเคราะห์กันขึ้นมา

ในฐานะบรรพชนพุทธภควัต ฉู่ซื่อเหรินทราบเรื่องมากที่สุด จึงเริ่มอธิบายให้ทุกคนรู้ว่าผู้ฝ่าเคราะห์คืออะไร

หานเจวี๋ยไม่ได้ใส่ใจว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เพียงสงบใจฝึกบำเพ็ญ

ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ มีผู้คนผ่านเข้ามาและมีผู้คนเดินจากไปอยู่เสมอ

หานเจวี๋ยตั้งใจฝึกบำเพ็ญ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับต้าหลัว

ระดับปฐมเทพขั้นสี่อยู่ห่างจากระดับต้าหลัวครึ่งทางแล้ว

วันเวลาไหลผ่านไปดั่งกระสวยทอผ้า

ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านพ้นไปสี่สิบปี

ในระหว่างนี้ สิงหงเสวียนใช้วิชาอัญเชิญเทพเรียกหาหานเจวี๋ยหนึ่งครั้ง เคี่ยวกรำกันอยู่เกินครึ่งปี หานเจวี๋ยถึงได้กลับมา

จะเรียกว่าเคี่ยวกรำก็ไม่ได้ ในมุมมองของหานเจวี๋ย นับว่าเป็นการผ่อนคลายที่หาได้ยากนัก

สิงหงเสวียนมีวิธีทำให้หานเจวี๋ยพอใจได้ตลอด นางปฏิบัติต่อหานเจวี๋ยด้วยความเร่าร้อนอยู่เสมอ หานเจวี๋ยจึงต้องถ่ายทอดพลังวิเศษให้นาง ช่วยให้นางแข็งแกร่งขึ้น

ความรู้สึกก็เป็นเช่นนี้ มีทั้งให้ทั้งรับสลับกันอยู่เสมอ

หากมีคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายให้อยู่ตลอด นั่นไม่ถูกต้องเลย และไม่ยุติธรรมด้วยเช่นกัน

ในวันนี้

หานเจวี๋ยหยุดฝึกบำเพ็ญ หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา จากนั้นก็สาปแช่งหลี่เสวียนเอ้าเล่นๆ

เขาตรวจดูจดหมายไปด้วย

[ต้วนหงเฉินสหายของท่านเข้าร่วมลัทธิอันธการ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[จักรพรรดิสวรรค์สหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[หลงเฮ่าศิษย์ของท่านความโชคร้ายพัวพันกาย บังเกิดจิตมาร เนื่องจากคำสาปแช่งของเซวี่ยหมิงเหอสหายของท่าน]

[โจวฝานสหายของท่านทะลวงระดับในระหว่างความเป็นความตาย ตระหนักรู้มหามรรคพิฆาต พิสูจน์ระดับจักรพรรดิ]

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ เนื่องจากมียอดสมบัติคุ้มกาย จึงไม่ได้รับผลกระทบ]

อันตรายขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!

หานเจวี๋ยต้องบรรลุต้าหลัวให้ได้ในเร็ววัน เช่นนี้อาจจะสามารถยกระดับระบบหรือไม่ยกระดับอาณาเขตเต๋าได้ เมื่อเป็นแบบนี้ความปลอดภัยของเขาก็จะเพิ่มขึ้น

ด้วยโอบอุ้มความคิดเช่นนี้ไว้ หลังจากหานเจวี๋ยสาปแช่งหลี่เต้าคงเรียบร้อยก็จมจ่อมอยู่กับการฝึกบำเพ็ญ

….

วังสวรรค์ ณ พระราชวังเทียมเมฆา

เทพเซียนมาชุมนุม ส่งเสียงเซ็งแซ่ปานตลาดสด

หลี่เต้าคง หลี่เสวียนเอ้า ยอดแม่ทัพเทพ แม่ทัพเทพยุทธ์และแม่ทัพเทพสวรรค์ล้วนอยู่กันพร้อมหน้า

สายตาของจักรพรรดิสวรรค์มองไปที่ยอดแม่ทัพเทพ กลิ่นอายของยอดแม่ทัพเทพแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสามยอดแม่ทัพเทพ แต่ก่อนเขาท้าสู้กับเทพสงครามที่ประตูสวรรค์เพื่อช่วงชิงดวงชะตา ผ่านมานานหลายปี ไม่มีเทพสงครามคนใดเอาชนะเขาได้เลย จนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ไม่มีผู้ใดกล้ามาท้าสู้กับเขาอีก

ดวงชะตาถ่ายเทสู่ร่าง ยอดแม่ทัพเทพได้รับการยอมรับจากมรรคาสวรรค์แล้วว่าเป็นเทพสงครามที่แข็งแกร่งที่สุด!

แม่ทัพเทพยุทธ์สังเกตเห็นสายตาของจักรพรรดิสวรรค์ จึงแอบขบริมฝีปาก

หลี่เสวียนเอ้าก็พิจารณายอดแม่ทัพเทพเช่นกัน เอ่ยหยอกเย้าด้วยรอยยิ้ม “ยอดแม่ทัพเทพ สำเร็จเป็นต้าหลัวแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง”

ยอดแม่ทัพเทพเอ่ยตอบด้วยสีหน้าที่ไม่แปรเปลี่ยน “พูดไปเจ้าก็คงไม่เข้าใจ”

ใบหน้าหลี่เสวียนเอ้าเขียวคล้ำในทันใด

หลี่เต้าคงยิ้มละไมกล่าวไปว่า “หากมีเวลาว่างแล้วมาประลองกันดูเถิด ให้ข้าได้สอนเจ้าว่าต้าหลัวนั้นสู้กันอย่างไร”

เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่เต้าคง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันร้อนแรงแผ่ซ่านออกมาจากดวงตาของยอดแม่ทัพเทพ แต่ก็มิได้เอ่ยวาจาตอบโต้

จักรพรรดิสวรรค์พลันเปิดปากกล่าวขึ้นว่า “วังมังกรและเผ่าเทพอีกาทองร่วมมือกัน แต่พวกเขาปราชัยไปแล้ว คงไม่อาจตั้งตัวกลับมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แต่วังสวรรค์จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูใหม่อีกครั้ง เกี่ยวกับเผ่ามนุษย์ พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไร”

ทันทีที่เอ่ยเช่นนี้ เหล่าเทพเซียนพากันสงบปากลง เงยหน้ามองจักรพรรดิสวรรค์ สีหน้าต่างกันไป

นับตั้งแต่มหาเคราะห์เปิดฉากขึ้น ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ของเผ่ามนุษย์ล้วนมารวมตัวกัน ยามนี้ก่อตัวเป็นกลุ่มอิทธิพลแล้ว เขาไม่เชื่อถือในเทพเซียน ไม่ศรัทธาอริยะอีกต่อไป ประกาศว่าจะต่อสู้เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ของตน

ด้วยฐานะตัวเอกแห่งมรรคาสวรรค์ ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่ามนุษย์คือจำนวนคน รวมถึงความสัมพันธ์เส้นสายที่เชื่อมต่อกันไปนับไม่ถ้วน กลุ่มอิทธิพลใหญ่ๆ แทบทั้งหมดล้วนมีคนของเผ่ามนุษย์อยู่

หลี่เต้าคงเอ่ยขึ้นก่อน “ถึงแม้นิกายเหรินจะมีรากฐานจากเผ่ามนุษย์ แต่ตอนนี้เผ่ามนุษย์เลอะเลือนงมงายก่อความวุ่นวายต่อองค์รวม ควรได้รับบทเรียนเสียบ้าง พวกเขาเดิมทีก็เป็นตัวเอกแห่งมรรคาสวรรค์อยู่แล้ว ยังคิดจะควบคุมมรรคาสวรรค์อีก ความผิดฐานละเมิดลบหลู่ อภัยให้ไม่ได้!”

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ