บทที่ 421 เสียชาติเกิดเป็นครึ่งอริยะ แข่งขันกับบรรพชนเต๋า
เมื่อเผชิญหน้ากับคำสาปแช่งของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ต้าจิ่วเทียนหาได้ตื่นตะหนกเช่นเดียวกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนไม่
เขายกมือขึ้น และเสกบัลลังก์ดอกบัวสีเขียวออกมาใต้ร่างของตน
จักรพรรดิสวรรค์ที่อยู่ข้างๆ กำลังนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญ รอบกายโอบล้อมด้วยไอดำอันแปลกประหลาด ราวกับถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงร่าง ดูน่าสยดสยองยิ่งนัก
ห้าวันต่อมา
ต้าจิ่วเทียนสัมผัสได้ว่าจู่ๆ แรงสาปแช่งก็ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างกะทันหัน จนเขาขมวดคิ้วแน่น
ทำไมต้องหลังจากห้าวันทุกครั้งด้วย
หรือจะมีความลึกลับใดๆ ซ่อนอยู่กันแน่?
ต้าจิ่วเทียนช่วยจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนต่อต้านคำสาปแช่ง เขาจึงสามารถจดจำรายละเอียดนี้ได้
เขาครุ่นคิดไปพลาง ต้านแรงสาปแช่งไปพลาง
…
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยจ้องหน้าจอแสดงคุณสมบัติตาเขม็ง
หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นล้านปี!
หนึ่งแสนห้าหมื่นล้านปี!
สองแสนล้านปี!
สองแสนห้าหมื่นล้านปี!
เนื่องจากต้าจิ่วเทียนไม่เคยผูกสัมพันธ์กับหานเจวี๋ยในทางใดเลย จึงทำให้หานเจวี๋ยไม่ทราบถึงสถานการณ์ในฝั่งของเขา
‘ช่างมันเถอะ! ใช้ไปสามแสนล้านปีก็พอ!’
หานเจวี๋ยยังสาปแช่งต่อไป
จนกระทั่งอายุขัยสะสมจนถึงสามแสนล้านปีแล้ว หานเจวี๋ยจึงยั้งมือ
หลังจากผลาญอายุขัยไปกว่าหกแสนล้านปีติดต่อกัน แม้ว่าหานเจวี๋ยจะไม่ได้รับผลกระทบหนักหนาสาหัส แต่ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
หากจะพูดให้ถูกต้องคือเขารู้สึกผิด เขาละอายใจต่อวิญญาณและมรรคจิตของตน
แต่จักรพรรดิสวรรค์กำลังตกอยู่ในอันตราย เขาต้องออกโรงอย่างช่วยไม่ได้
‘ไม่รู้เลยว่าเจ้านั่นจะบาดเจ็บบ้างหรือไม่’ หานเจวี๋ยครุ่นคิดอย่างสลดหดหู่ใจ
หรือจะลองคำนวณดูสักครั้งดีหรือไม่ ช่างมันเถอะ! อีกฝ่ายเป็นถึงครึ่งอริยะ หากคำนวณก็ต้องหักอายุขัยอีกมาก
หานเจวี๋ยเริ่มปรับอารมณ์ของตน เตรียมพร้อมสู่การฝึกบำเพ็ญ
…
ในพระราชวังหลวง ต้าจิ่วเทียนยังคงนั่งสมาธิรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึม เดี๋ยวบ้าคลั่ง เดี๋ยวโกรธแค้น เดี๋ยวหวาดกลัว เดี๋ยวเซื่องซึม ราวกับคนที่มีหลายบุคลิก
จักรพรรดิสวรรค์ที่นั่งอยู่ข้างๆ จ้องมองเขานิ่ง
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน
ต้าจิ่วเทียนลืมตาขึ้น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียด เขากล่าวพึมพำ “บัดซบ! เหตุใดแรงสาปแช่งของคนผู้นี้ถึงน่ากลัวเช่นนี้ เขาสังเวยชีวิตผู้คนไปกี่มากน้อยกันแน่”
เขาเชื่อว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการต้องสังเวยชีวิตของผู้คนเพื่อสาปแช่งศัตรู การใช้อายุขัยเพื่อสาปแช่งศัตรูจะทำให้คำสาปแช่งมีผลรุนแรงที่สุด
ไม่มีใครยอมสละอายุขัยของตนเองเพื่อสาปแช่งศัตรูเป็นแน่ แม้แต่เซียนทองต้าหลัวเองก็ตาม
เซียนทองต้าหลัวที่อ้างว่าเป็นอมตะไม่ตายนั้น แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงคำนิยามของสรรพชีวิตเท่านั้น ไม่มีเซียนทองต้าหลัวคนใดที่ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกโลกาสวรรค์มาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะตาย หรือทะลวงระดับขึ้นไปยังขอบเขตพลังที่สูงขั้น แก่นแท้ชีวิตก็จะยกระดับขึ้นอีกครั้ง
นอกจากนี้หากใช้อายุขัยของตนเองมาสาปแช่งศัตรู ย่อมเป็นการบิดเบือนผลกรรม ถือเป็นสิ่งต้องห้ามร้ายแรงสำหรับเซียนทองต้าหลัว รวมถึงครึ่งอริยะด้วย
ต้าจิ่วเทียนยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นภัยร้ายที่แอบแฝง หากปล่อยให้เขาเติบโตเช่นนี้ต่อไป ในภายภาคหน้าต้องเป็นหายนะต่อมรรคาสวรรค์อย่างแน่นอน!
“เรื่องนี้จะต้องรายงานอริยะ!”
ต้าจิ่วเทียนครุ่นคิดอย่างเงียบงัน ในตอนนั้นเอง มารในใจเขาก็อาละวาดขึ้นมา เขาตกใจจนต้องรีบใช้พลังเวทสูงสุดกดข่มเอาไว้ ทว่ามารในใจแข็งแกร่งเกินไป จนทำให้พลังเวทแตกกระเจิง มรรคผลสั่นคลอน พลังมรรคถดถอยลงเล็กน้อย
‘เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเฮงซวย! หากแค้นนี้ไม่ได้ชำระ ก็เสียชาติเกิดที่ได้เป็นครึ่งอริยะ!’
ทันใดนั้น!
จักรพรรดิสวรรค์ที่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างต้าจิ่วเทียนก็โจมตีเขาทันที เขากางมือออก ปราณสีดำทะมึนจำนวนนับไม่ถ้วนก็เกี่ยวพันร่างของต้าจิ่วเทียนร่างกับอสรพิษ
ต้าจิ่วเทียนหันหน้าไปมอง เบิกตาโพลงและคำรามลั่น “เจ้า!”
จักรพรรดิสวรรค์ดึงมือขวาหนึ่งครั้ง ปราณสีดำทะมึนก็เกี่ยวพันกันดั่งสายฟ้าฟาด ฉีกทึ้งกายเนื้อของต้าจิ่วเทียนจนขาดสะบั้น
“หึ! ปีศาจอย่างเจ้าคิดจะขัดขืนงั้นหรือ ไม่เจียมตัว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...