บทที่ 426 สิ้นจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน กลายเป็นมรรคาสวรรค์
เมื่อได้ฟังคำพูดของฟางเหลียง หลี่เสวียนเอ้าก็หน้าถอดสี คล้ายกับถูกขยี้บาดแผล
จริงๆ แล้วตัวเขาเองก็เคยตั้งคำถามเช่นนี้มาก่อน แต่เมื่อไม่ได้รับคำตอบจึงต้องยอมล้มเลิกไป
หลี่เสวียนเอ้าและหลี่เต้าคงนั้นเข้าสู่เคราะห์แล้ว แม้คิดอยากจะถอนตัว แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว
หลี่เต้าคงกล่าวเสียงเรียบ “ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงต่อสู้เพื่อตนเอง หรือต่อสู้เพื่ออริยบุคคกันแน่”
ฟางเหลียงหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะกล่าว “เหตุใดต้องถามออกมาตรงๆ ด้วยเล่า พวกเจ้าทั้งสองต่างก็ได้รับการปกป้องจากนิกายเหรินมาโดยตลอด จึงเติบใหญ่ขึ้นมาได้อย่างราบรื่นไร้กังวล เรื่องที่ว่าแท้จริงแล้วตัวเรานั้นต้องการสิ่งใด พวกเจ้าเองก็คงจะรับรู้ได้เช่นกัน”
หลี่เต้าคงขมวดคิ้ว
หลี่เสวียนเอ้ารู้สึกโกรธจัด จึงชักกระบี่ออกมาและพูดว่า “ฟางเหลียง เจ้าชักจะเกินไปแล้ว เจ้าคิดว่าเราสองคนเป็นบริวารของเจ้าหรือไร”
ฟางเหลียงส่ายหน้าและกล่าวว่า “เรายังให้การเคารพยกย่องพวกเจ้าทั้งสองไม่พออีกหรือแผนการของอริยะไม่อาจก้าวล่วงได้ ตัวเราเองก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเอ่ยถึงเรื่องนี้”
หลี่เต้าคงหมุนตัวเดินจากไปทันที “ศิษย์น้อง พวกเราไปกันเถิด”
หลี่เสวียนเอ้าจ้องมองฟางเหลียงก่อนครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินตามเขาออกไป
หลังจากที่ทั้งสองจากไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของฟางเหลียงก็พลันหุบลง ฝ่ามือใต้แขนเสื้อกำแน่น ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
…
สิบปีต่อมา
งานประลองประจำศตวรรษเพิ่งจบลง ในบรรดาศิษย์ของหานเจวี๋ย ไม่มีใครสามารถเอาชนะลี่เหยาได้
เจียงอี้เองก็สู้ต่อกับลี่เหยาหนึ่งยก เป็นการต่อสู้ที่กินเวลายาวนาน
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ผ่านพ้นไป เจียงอี้ก็อยู่ไม่สุขอีกต่อไป
เขาเป็นถึงบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งเชียวนะ จะพ่ายแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนได้อย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงผู้หญิง
สิงหงเสวียนไม่ได้เข้าร่วมการประลอง แต่นางรู้สึกทึ่งกับแบบจำลองการทดสอบ พร้อมกับสงสัยในตบะของหานเจวี๋ยมากยิ่งขึ้น
นางไม่เคยเห็นพลังวิเศษระดับนี้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เผ่าพันธุ์มนุษย์มาก่อน
ก่อนหน้านี้นางได้ยินมาว่าหานเจวี๋ยพิสูจน์ต้าหลัวแล้ว
‘เร็วขนาดนี้เชียว…ช่างเก่งกาจเกินใครจริงๆ!’
สิงหงเสวียนเป็นถึงบุตรแห่งสวรรค์ แต่หานเจวี๋ยไม่ใช่ ทั้งยังอายุน้อยกว่าตนมาก
ตอนที่ทั้งสองพบกันครั้งแรก หานเจวี๋ยยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น
หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจงานประลองประจำศตวรรษในครั้งนี้ งานนี้มู่หรงฉี่เป็นคนจัด และไม่มีของรางวัลอะไร แต่ทุกคนในสำนักซ่อนเร้นก็ยังคงตั้งตาคอยกันเช่นเดิม
อยู่มาวันหนึ่ง
หานเจวี๋ยหยุดฝึกบำเพ็ญ เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรู และอ่านจดหมายไปด้วย
สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และวังสวรรค์ยังคงดำเนินต่อไป เวลานี้ยังไม่มีวี่แววว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ
หลี่เต้าคงยังคงต่อสู้กับเจียงตู๋กูอย่างเอาเป็นเอาตาย จนตนเองบาดเจ็บสาหัสอยู่ครั้งหนึ่ง
หานเจวี๋ยไม่เข้าใจความคิดของผู้บำเพ็ญในนิกายเหริน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้สึกตื่นเต้นกับการสู้กับคนของตนเองเหลือเกิน
ครั้งนี้ หานเจวี๋ยตั้งใจจะใช้อายุขัยห้าหมื่นล้านปีสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน
ในตอนที่อายุขัยของเขาลดลงเหลือสี่หมื่นล้านปี เขาก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง
[จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนศัตรูคู่อาฆาตของท่านถูกแรงกรรมพันพัวกาย พลังเวทปะทุ เจตจำนงสุดท้ายถูกมารสวรรค์กลืนกิน ตัวตายมรรคผลสลาย เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
‘ในที่สุดก็ตายแล้วอย่างนั้นหรือ’
หานเจวี๋ยรีบเปิดดูค่าความสัมพันธ์ และเห็นภาพประจำตัวของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนหายไปโดยสมบูรณ์
เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ผู้ที่เกลียดชังเขาในระดับหกดาว สุดท้ายก็ตายด้วยน้ำมือเขาอีกคนแล้ว
นี่แหละมรรควิถี สหายเต๋าตายแต่เราต้องรอด!
หานเจวี๋ยท่องบทสวดพระไวโรจนพุทธะท่อนหนึ่ง เพื่อเป็นการส่งวิญญาณของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน
แม้ว่าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนจะสูญสิ้นทั้งร่างกายและจิตวิญญาณไปทั้งหมดแล้ว แต่หานเจวี๋ยก็รู้สึกดีขึ้น หากได้ทำเช่นนี้
อย่างไรเสียคนผู้นี้ก็เป็นถึงผู้ทรงพลังคนหนึ่ง เป็นถึงมหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต เป็นตัวตนที่สั่นสะเทือนโลกาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
หานเจวี๋ยรู้สึกผิดต่อเขาเล็กน้อย ที่เขาต้องตายไปโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้
แต่ความรู้สึกผิดที่มีต่ออีกฝ่ายก็คงอยู่ไม่นานนัก
‘ยังมีอีกคน ต้าจิ่วเทียน! ต้องสาปแช่งเขาต่อ!’
ห้าวันให้หลัง หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงอีกครั้ง และกลับไปฝึกบำเพ็ญต่อเพื่อทะลวงระดับเซียนทองต้าหลัวระยะกลาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...