บทที่ 429 ความใฝ่ฝันของฟางเหลียง ต้นฝูซังโตเต็มวัย
หลังจากสลายแดนความฝันไป หานเจวี๋ยก็สาปแช่งต้าจิ่วเทียนต่อทันที
เพิ่งสาปแช่งเสร็จสิ้นไปไม่นาน ดังนั้นแม้จะเพิ่งเริ่มสาปแช่งใหม่ ก็ยังผลาญอายุขัยของเขาต่อไปอยู่ดี
อายุขัยหนึ่งแสนล้านปี!
อายุขัยสองแสนล้านปี!
เมื่อสั่งสมไปถึงห้าแสนล้านปี ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับต้าจิ่วเทียน
หานเจวี๋ยไม่เชื่อ และสาปแช่งอีกฝ่ายต่อไป
เมื่อผลาญอายุขัยไปอีกประมาณห้าหมื่นล้านปี หานเจวี๋ยก็เห็นจดหมายฉบับหนึ่ง
[ต้าจิ่วเทียนศัตรูคู่อาฆาตของท่านก่อเกิดมารในใจเนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน แต่โชคดีที่อริยะใช้เสียงธรรมปกป้องจิตวิญญาณเอาไว้]
‘อริยะเช่นนั้นหรือ’
หานเจวี๋ยวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงในทันใด
มิน่าเล่าที่เขาสาปแช่งมาตลอดถึงไม่ส่งผลกับอีกฝ่ายเลย
ชายคนนี้หลบซ่อนอยู่ข้างกายอริยะ
เยี่ยมจริงๆ!
“ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะหลบซ่อนไปได้ทั้งชีวิตหรือไม่!” หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ แต่ในใจกลับเดือดเป็นไฟ
ตั้งห้าแสนล้านปี คำนวณกลไกสวรรค์ได้ไม่รู้ตั้งกี่รอบต่อกี่รอบ!
เยี่ยมจริงๆ!
หานเจวี๋ยคิดในใจอย่างเงียบเชียบ ‘ข้าอยากรู้ว่าอริยะผู้ใดที่ปกป้องต้าจิ่วเทียน’
เขาไม่บังอาจสาปแช่งอริยะ แต่หากในภายหน้าบังเอิญได้เจอกับอริยะผู้นี้ เขาจะอยู่ห่างๆ เอาไว้ จะได้ไม่ถูกอีกฝ่ายหลอกใช้
อริยะเวลาพูดจานั้นไร้ซึ่งอารมณ์ ทำให้อ่านความรู้สึกได้ยาก และง่ายต่อการล่อลวงคน
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
[เทพสูงสุดหนานจี๋: ไม่ทราบตบะ อริยะมรรคาสวรรค์ เจ้านิกายฉ่าน มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต]
เจ้านิกายฉ่าน!
หานเจวี๋ยไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างไรเสียต้าจิ่วเทียนก็เป็นคนของนิกายฉ่าน
นิกายฉ่านเป็นนิกายที่ลึกลับมาก ตั้งอยู่ในคุนหลุน ไม่เข้าร่วมการต่อสู้ แต่สร้างสถานการณ์ใหญ่บ้างเป็นครั้งคราว เพื่อปลุกปั่นกระแสในแดนเซียน
กลุ่มอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ยากจะวัดระดับ
อย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่านิกายเจี๋ย
ก่อนที่นิกายเจี๋ยจะบุกวังสวรรค์และพ่ายแพ้อยางย่อยยับ ทั้งสองฝ่ายต่างไม่อาจเทียบกันได้เลยหานเจวี๋ยลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจากถ้ำเทวา
เพิ่งทะลวงระดับสำเร็จ ก็คิดอยากจะมอบความกรุณาให้แก่คนรอบข้างบ้าง
หานเจวี๋ยตัดสินใจแสดงธรรมเป็นเวลาสิบปี
เซียนทองต้าหลัวแสดงธรรม หากเป็นที่แดนเซียนคงหาได้ยากยิ่ง
…
ในอุทยานของวังสวรรค์
ฟางเหลียงและยอดแม่ทัพเทพนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ในขณะที่จี้เซียนเสินกำลังฝึกพลังวิเศษห่างออกไปไม่ไกล
ยอดแม่ทัพเทพเหลือบมองจี้เซียนเสินครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “ผู้สูงศักดิ์แห่งนิกายฉ่านเล่า ช่วงนี้ไม่เห็นเขาปรากฏตัวเลย หรือว่าคิดจะกลับคำพูด”
ฟางเหลียงกล่าว “เราไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ พวกเราไม่อาจไว้ใจนิกายฉ่านได้ทั้งหมด เราได้รับข่าวมาว่ามีผู้ทรงพลังเผ่ามารแฝงตัวอยู่ในทะเลเลือดไร้สิ้นสุด เราเกรงว่าเมื่อสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และวังสวรรค์ดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด เผ่ามารจะเข้ามาคว้าผลประโยชน์ไปฝ่ายเดียว”
“ฝ่าบาทต้องการให้ข้าทำเช่นไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เรียกตัวแม่ทัพเทพสวรรค์มา นำกำลังทหารสวรรค์และแม่ทัพสวรรค์จำนวนหนึ่งล้านนายไปสนับสนุนมหาจักรพรรดิอีกสามพระองค์”
“เช่นนั้นวังสวรรค์ก็…”
“ไม่ต้องห่วง ยังมีนิกายเหรินอยู่อีกสองคน”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
ฟางเหลียงพยักหน้าและส่งสัญญาณให้ยอดแม่ทัพเทพถอยออกไป
ยอดแม่ทัพเทพหายตัวไปจากจุดที่เขาอยู่ในพริบตา
ฟางเหลียงหันไปพูดกับจี้เซียนเสินว่า “ท่านยังจำโจวฝานได้หรือไม่ เด็กคนนั้นถูกคุมขังอยู่ในทะเลเลือดไร้สิ้นสุด”
จี้เซียนเสินเอ่ยไม่แยแส “เขาเป็นหนอนบ่อนไส้ เหตุใดข้าต้องจดจำเขาด้วย”
ฟางเหลียงส่ายหัวและกล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าเขาเป็นหนอนบ่อนไส้ หากว่าวังสวรรค์พ่ายแพ้ ท่านยังสามารถพึ่งพาเขาได้ ข้าตกลงกับเขาแล้ว”
เมื่อฟางเหลียงกล่าวจบ จี้เซียนเสินก็พลันหยุดการเคลื่อนไหว เขาหันหน้ามามองฟางเหลียง เอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้ว “วังสวรรค์เกรียงไกรถึงเพียงนี้ ยังจะพ่ายแพ้ได้อีกหรือ”
“วังสวรรค์แข็งแกร่งมากก็จริง หากแต่ก็ไม่ใช่เหล็กกล้า ข้าเองก็ไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ท่านเข้าใจหรือไม่”
“ก็จริง”
“เมื่อเสาหลักทั้งหมดของหอสูงแตกหักจนสิ้นแล้ว หอนั้นจะไม่พังทลายลงได้หรือ ผู้ที่อยู่บนยอดหอสูงเมื่อตกลงมาย่อมเจ็บหนักกว่าใคร”
ฟางเหลียงดูเศร้าโศก ไม่เหลือเค้าความน่าเกรงขามก่อนหน้านี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...