บทที่ 430 โลกพันอนันต์ หลี่มู่อีเข้าฝัน – ตอนที่ต้องอ่านของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
ตอนนี้ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 430 โลกพันอนันต์ หลี่มู่อีเข้าฝัน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 430 โลกพันอนันต์ หลี่มู่อีเข้าฝัน
เมื่อเห็นหลี่ว์ปู้และหม่าเชาถูกย้ายมาที่นี่ ทุกคนก็พากันแตกตื่นขึ้นมาทันที
ยากนักที่จะได้เห็นหานเจวี๋ยจัดวางกำลังเช่นนี้ หรือว่าโลกาสวรรค์ที่ต้นฝูซังเชื่อมต่อด้วยนั้นจะไม่ธรรมดา?
ทุกคนต่างก็เตรียมตัวพร้อมรบ
ลี่เหยาถามขึ้น “เจ้าสำนัก จะมีอันตรายหรือ จะให้โค่นต้นไม้ลงหรือไม่เจ้าคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ต้นฝูซังก็สั่นเป็นไหวไม่หยุด
“ไม่เอา! ไม่เอา!” มันกรีดร้องอย่างน่าสยดสยอง รู้สึกว่าลี่เหยาช่างน่ากลัวเหลือเกิน เอะอะก็จะโค่นมันอยู่ท่าเดียว
หานเจวี๋ยครุ่นคิด
ไก่คุกรัตติกาลจ้องมองลี่เหยา ก่อนจะตวาดขึ้นมา “โค่นมันงั้นรึ แล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ใดเล่า”
อีกาทองเจ้าใหญ่ เจ้ารองพลันพยักหน้าหงึกหงัก
รังของพวกมันยังอยู่บนต้นฝูซัง จึงไม่สามารถโค่นต้นไม้ลงได้
ศิษย์ค่อยๆ ทยอยมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘อีกนานเท่าไรต้นฝูซังจึงจะเชื่อมต่อกับโลกาสวรรค์อื่น’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสิบล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
[3,890 วัน]
‘ถ้าแม่นยำถึงขั้นระบุวันได้แบบนี้ก็คงไม่เป็นอะไรแล้วกระมัง’
หานเจวี๋ยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็ปล่อยให้หลี่ว์ปู้และหม่าเชาคอยเฝ้าอยู่ตรงต้นฝูซัง ส่วนตนเองก็กลับไปยังถ้ำเทวา
อู้เต้าเจี้ยนเดินตามหลังเขามาทันที
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในถ้ำเทวาแล้ว หานเจวี๋ยก็ถามขึ้น “มีอันใด”
อู้เต้าเจี้ยนที่เดินตามหลังเขามา หัวเราะแห้งๆ พลางกล่าว “นายท่าน ท่านน่าจะต้องพูดถึงข้าหน่อยหรือไม่ ข้ารู้สึกว่าอีกเพียงก้าวเดียวข้าก็จะไปถึงระดับจักรพรรดิแล้ว!”
หลังจากได้มรรคกระบี่เทียมฟ้า ตบะของอู้เต้าเจี้ยนก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด คุณสมบัติของนางเดิมทีก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว จึงทำให้เข้าใกล้ระดับจักรพรรดิมากยิ่งขึ้นไปโดยปริยาย
หานเจวี๋ยนั่งอยู่บนบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร พินิจมองอู้เต้าเจี้ยน แล้วกล่าว “มรรคกระบี่เทียมฟ้าของเจ้าแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอ หากในงานประลองประจำศตวรรษเจ้ากลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้ที่มีระดับต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ ข้าจะช่วยเจ้าพิสูจน์จักรพรรดิเอง”
เมื่อฟังจบสีหน้าของอู้เต้าเจี้ยนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย นางไม่ได้เอ่ยปฏิเสธแต่กลับให้สัญญา “ได้เจ้าค่ะ! ข้าทำได้แน่นอน!”
หานเจวี๋ยโบกมือ เป็นการสื่อให้นางออกไป
อู้เต้าเจี้ยนลุกขึ้น นางจ้องมองหานเจวี๋ยครู่หนึ่ง อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไป
และในที่สุดนางก็จากไป
หานเจวี๋ยสัมผัสใบหน้าของตน และบ่นพึมพำ “เกือบลืมไปแล้วว่าใบหน้าของข้าเป็นหนึ่งไม่มีสอง เจ้าต้นหญ้านี่โตแล้วสินะ ถึงได้คิดอะไรเพ้อเจ้อกับข้า”
ดูเหมือนว่ามหามรรคทรงเสน่ห์ของข้าเองก็เพิ่มพูนขึ้นด้วยเช่นกัน
หานเจวี๋ยหัวเราะ ก่อนจะฝึกบำเพ็ญต่อ
…
สิบปีต่อมา หานเจวี๋ยนั่งไม่ติดที่อีกต่อไป
เมื่อรู้สึกว่าต้นฝูซังอาจจะเชื่อมต่อกับโลกาสวรรค์อื่นได้ตลอดเวลา หานเจวี๋ยก็ไม่สามารถฝึกบำเพ็ญได้อย่างสบายใจอีก
อย่างไรก็ยังไม่ถึงเวลา เช่นนั้นก็สาปแช่งต้าจิ่วเทียนไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน
ผ่านมาหลายปีถึงเพียงแล้ว คนผู้นี้คงจะไม่ได้อยู่ข้างกายอริยะอีกต่อไปแล้วกระมัง
อริยะไม่น่ารำคาญบ้างหรือไร
หานเจวี๋ยสาปแช่งอีกฝ่ายอย่างช้าๆ ห้าวันให้หลังอายุขัยของเขาก็เริ่มลดลง เพราะเขาไม่ได้เพิ่มพลังเวทเข้าไป พลังคำสาปแช่งจึงอยู่ในระดับธรรมดา ดังนั้นอัตราการลดลงของอายุขัยจึงช้าลงตามไปด้วย
ในที่สุด
ต้นฝูซังก็เติบโตเต็มวัย หานเจวี๋ยรีบวางหนังสือแห่งความโชคร้ายลงทันที แล้วหายตัวมาปรากฏตัวเบื้องหน้าต้นฝูซัง
ศิษย์สำนักซ่อนเร้นทั้งหมดหันไปมองเป็นตาเดียว ทุกคนต่างตื่นตระหนกกันยกใหญ่
หานเจวี๋ยย้ายตัวหลี่ว์ปู้และหม่าเชามาที่นี่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเตรียมพร้อมสู้รบอย่างเต็มที่
สายตาของหานจวี๋ยจับจ้องไปที่กิ่งหนึ่งของต้นฝูซังซึ่งอยู่ตรงกลางลำต้น และกำลังเชื่อมกับคลื่นวนสีเงินพร่างพราว
“อยู่นั่น!”
หานเจวี๋ยจัดสรรให้องครักษ์สองคนมาอยู่เบื้องหน้าของคลื่นวนสีเงิน
เขาส่งจิตรับรู้เข้าไปข้างใน ผ่านอุโมงค์มิติทอดยาว จิตรับรู้ของเขาทะลวงผ่านเมฆหมอกขมุกขมัว ก่อนจะเห็นโลกาสวรรค์ที่แสนกว้างใหญ่ไพศาล
โลกาสวรรค์นี้ตั้งอยู่ท่ามกลางความมืดมิด เวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุด
หานเจวี๋ยรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่มากมาย ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากจนต้องรีบดึงจิตรับรู้ของตนกลับมาอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เจ้าปิดกั้นโลกใบนี้ได้หรือไม่”
ต้นฝูซังตอบกลับ “ไม่ได้”
ลี่เหยาเอ่ยอย่างเหลืออด “โค่นมันสักทีเถิด!”
คนอื่นๆ ต่างทำท่าทางคล้อยตาม แน่นอนว่าพวกเขาส่วนใหญ่ล้อเล่นเท่านั้น
ต้นฝูซังสั่นไหวไปทั้งต้นด้วยความตกใจ จนใบไม้ร่วงลงมาเป็นจำนวนมาก
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นทางเข้านี้ได้หรือไม่’
อาณาเขตเต๋าปิดกั้นการสอดแนมระดับมรรคาสวรรค์ได้ หากว่าสามารถปิดกั้นทางเข้านี้ได้ สิ่งมีชีวิตที่อยู่อีกด้านจะหาทางเข้าเจอได้อย่างไร
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการ!
แค่หนึ่งร้อยล้าน คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!
[โลกพันอนันต์: ดินแดนมรรคาสวรรค์ ถือกำเนิดขึ้นโดยอริยะนิกายเหริน เนื่องจากความวุ่นวายจากมหาเคราะห์ จึงถูกอริยะทอดทิ้ง ซ่อนเร้นอยู่ในแดนต้องห้ามอันธการ มีดวงชะตารุนแรง ห่างไกลจากมหาเคราะห์มรรคาสวรรค์]
ไม่ใช่แดนเทพหวนปัจฉิม แต่เป็นโลกพันอนันต์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยอริยะนิกายเหริน
หานเจวี๋ยรู้สึกงุนงง
ในเมื่อนิกายเหรินเองก็มีโลกาสวรรค์เป็นของตัวเอง เหตุใดยังต้องไปก่อสงครามแย่งชิงดวงชะตาที่แดนเซียนด้วย
เป็นไปได้หรือไม่ว่าแดนเซียนมีพันธนาการบางอย่างกับอริยะมรรคาสวรรค์?
เมื่อคิดอย่างละเอียด บุคคลผู้อยู่เหนือสรรพสิ่งอย่างปรมาจารย์ลัญจกรสรวงและตี้จวิน ก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจในแดนเซียนหรือมรรคาสวรรค์เลยแม้แต่น้อย
หานเจวี๋ยแอบรู้สึกยินดีเล็กๆ โชคดีที่ตนเองไม่รับปากหนี่ว์วาไป
ไม่เช่นนั้นอาจจะเจอกับดักก็เป็นได้!
แน่นอนว่าสำหรับสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่แล้ว ความปรารถนาอยากเป็นอริยะมรรคาสวรรค์นั้นเป็นเรื่องเกินเอื้อมและเพ้อฝันทั้งสิ้น
หากแต่หานเจวี๋ยมั่นใจในตนเองอย่างเต็มเปี่ยม หากให้เวลาเขาสักหน่อย ไม่ช้าก็เร็วเขาจะเอาชนะอริยะมรรคาสวรรค์ได้อย่างแน่นอน
[หลี่มู่อีต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
ตัวอักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของหานเจวี๋ย
หลี่มู่อีปัจจุบันเป็นเจ้านิกายเหริน แต่ไม่ใช่อริยะมรรคาสวรรค์
อีกฝ่ายจะเข้าฝันเขาเพื่ออะไรกัน
หรือจะเป็นเพราะหานเจวี๋ยใช้จิตรับรู้เข้าไปสำรวจโลกพันอนันต์เมื่อครู่
หานเจวี๋ยแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
ครึ่งชั่วยามต่อมา
[หลี่มู่อีต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
ไม่เห็น!
เช้าวันรุ่งขึ้น
[หลี่มู่อีต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
หานเจวี๋ยหมดคำพูด พวกอริยะไม่ต้องรักษาศักดิ์ศรีกันบ้างหรืออย่างไร
ตื๊ออะไรขนาดนี้!
………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...