ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 467

บทที่ 467 ยุคสมัยแห่งสัตว์ร้าย หมื่นกระบี่ก่อกำเนิด

ศิษย์รุ่นที่สองของสำนักซ่อนเร้นได้แก่หยางเทียนตง ซูฉี สวินฉางอัน ถูหลิงเอ๋อร์ หลงเฮ่า จ้าวเซวียนหยวน เต้าจื้อจุน โจวฝาน

ศิษย์รุ่นที่สามได้แก่มู่หรงฉี่ ฟางเหลียง ฉู่ซื่อเหริน

ศิษย์รุ่นที่สี่ก็ได้แก่โจวหมิงเยวี่ย หลี่ว์ฮว่าซวี ส่วนรุ่นที่ห้าได้แก่หานตั้วเทียน

คนเหล่านี้นับว่าเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของหานเจวี๋ย ส่วนอยู่นอกเหนือจากนี้เช่น ลี่เหยา เจียงอี้ จินกังนู่ จอมปีศาจคุกรัตติกาล อู้เต้าเจี้ยน แปดพี่น้องหาน เจ้าใหญ่ เจ้ารอง ไก่คุกรัตติกาล สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น ราชามังกรสามหัว สิงหงเสวียน เซียนซีเสวียน และฉางเยวี่ยเอ๋อร์นับว่าเป็นศิษย์สำนักซ่อนเร้น แต่ไม่นับเป็นศิษย์ของหานเจวี๋ย

ปัจจุบันนี้ ศิษย์สำนักซ่อนเร้นรวมถึงเผ่าเอกา ตบะที่อ่อนด้อยที่สุดคือระดับเซียนทองไท่อี่

เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์แม้จะเป็นคนธรรมดา แต่ได้ฟังหานเจวี๋ยแสดงธรรมเป็นประจำ ประกอบกับพลังวิญญาณอันเข้มข้นในอาณาเขตเต๋าทำให้ทั้งคู่ต่างก็บรรลุระดับเซียนทองไท่อี่แล้ว แต่จะสำเร็จถึงระดับจักรพรรดิได้หรือไม่ นั้นก็ขึ้นอยู่กับวาสนา

หลังจากบรรลุตบะระดับเซียนทองไท่อี่ได้ เส้นทางจากนี้ไปก็ว่ากันยากนัก

แม้ว่าหานเจวี๋ยจะเป็นเซียนทองต้าหลัว แต่ก็ยังไม่อาจปลุกปั้นจักรพรรดิเซียนขึ้นมาได้อย่างง่ายดายนัก

หลังจากโจวฝานเข้าสำนัก สำนักซ่อนเร้นที่เดิมทีค่อนข้างผ่อนคลายก็พลันตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง เพียงเพราะตบะของโจวฝานคือระดับปฐมเทพขั้นสอง คนผู้นี้อายุยังไม่ถึงเก้าพันปีเลยด้วยซ้ำ!

ด้วยศักยภาพเช่นนี้ทำให้เหล่าศิษย์อย่างเจียงอี้ ลี่เหยา ถูหลิงเอ๋อร์ต่างเต็มไปด้วยความกดดัน

หานเจวี๋ยยังคงแสดงธรรมแก่เหล่าศิษย์ในยามที่มีเวลาว่าง

ห้าสิบปีผ่านไป

เจียงอี้บรรลุระดับเทพแล้ว อยู่ในอาณาเขตเต๋าไม่ต้องเผชิญด่านเคราะห์ แต่ทุกคนล้วนรับรู้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งของเขาได้

ศิษย์ที่จะทะลวงระดับเทพได้เป็นคนต่อไปน่าจะเป็นลี่เหยา

สาวน้อยคนนี้ไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด หากมิใช่เพราะความเร็วในการบำเพ็ญอันน่าตกตะลึงของนาง ก็ยังไม่แน่ว่าเจียงอี้จะสามารถทะลวงระดับได้รวดเร็วเช่นนี้

ในวันนี้ ขอบฟ้าเต็มไปด้วยเมฆาม่วง แผ่ขยายไร้สิ้นสุด งดงามดั่งภาพวาด

หานเจวี๋ยสัมผัสถึงกลิ่นอายอันทรงพลังขุมหนึ่งได้

มีคนกำลังพิสูจน์ต้าหลัวอยู่!

สรรพสิ่งภายใต้มรรคาสวรรค์ดับสูญ ผู้ที่รอดชีวิตมาได้ล้วนเป็นผู้ทรงพลังที่อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตสามัญ และจะกลายเป็นตัวตนในตำนานชื่อเสียงสะท้านฟ้าดินในภายภาคหน้า

หานเจวี๋ยได้ทำนายว่าเป็นผู้ใดกันที่พิสูจน์ต้าหลัว ตอนนี้นอกจากอริยะมิ่งจีแล้ว เขาก็ไม่มีศัตรูคนอื่นอีก

อริยะมิ่งจีเป็นอริยะ เป็นไปไม่ได้ที่จะมาพิสูจน์ต้าหลัวเวลานี้

หานเจวี๋ยบำเพ็ญต่อไป มุ่งหมายสู่ระดับครึ่งอริยะ

นับจากการฝ่าทะลวงในครั้งก่อน เวลาล่วงเลยมาเกือบพันปีแล้ว แต่หานเจวี๋ยยังคงอยู่ห่างไกลจากระดับครึ่งอริยะ

ความเร็วในการบำเพ็ญช่างเชื่องช้าเหลือเกิน!

แต่หานเจวี๋ยก็ไม่วิธีใดเร่งให้เร็วขึ้นเช่นกัน ได้แต่ย้ำเตือนตัวเองว่า ให้ยืนอยู่บนความเป็นจริง

วันนี้ปฐพีสั่นไหวอย่างรุนแรง เนื่องจากมีอาณาเขตเต๋าป้องกันอยู่เขตเซียนร้อยคีรีจึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ หากแต่หานเจวี๋ยก็รับรู้ได้ชัดเจนว่าพื้นดินนอกอาณาเขตเต๋ากำลังสั่นสะเทือน

รัศมีการสั่นสะเทือนช่างกว้างยิ่งนัก หานเจวี๋ยแผ่จิตรับรู้ออกไป รัศมีของมันเทียบได้กับการเขย่าโลกหลายสิบใบ

อะไรกัน

แผ่นดินไหวอย่างนั้นหรือ

หรือว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้น?

หานเจวี๋ยนึกสงสัยอยู่ในใจ

เขาถามในใจทันที ‘ข้าอยากรู้ว่า ณ ปัจจุบันนี้มีผู้ทรงพลังในแดนเซียนคนใดเตรียมการจะสังหารข้าอยู่หรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[ขณะนี้ยังไม่มี]

หานเจวี๋ยรู้สึกโล่งอก เช่นนั้นก็ดี

เขาหลับตาลง บำเพ็ญต่อไป

….

ใต้หมู่เมฆา ปฐพีกว้างไกลไร้ขอบเขตกำลังสั่นสะเทือน ขุนเขาธาราปริแยก ณ หุบเหวขนาดมหึมาที่ลึกจนมองไม่เห็นก้น ทอดตัวยาวนับหมื่นพันลี้

ในส่วนลึกของหุบเหวมีดวงตาใหญ่ยักษ์ข้างหนึ่งปรากฏขึ้น แววตาอำมหิตเย็นชา ดวงตาสั่นสะระริกไม่หยุด

“กรรซ์…”

ทันใดนั้นเสียงคำรามดังเสียดหูพลันแว่วขึ้นในโลกา พลันมีศีรษะมังกรขนาดใหญ่ยักษ์เศียรหนึ่งโผล่ออกมาจากหมู่เมฆ ดวงตามังกรใหญ่โตกว่าขุนเขา ดูราวกับว่าสามารถเขมือบฟ้ากลืนดินได้ภายในครั้งเดียว

นั่นเป็นมังกรดำตัวหนึ่ง

มังกรดำก้มมองดวงตาที่อยู่ในส่วนลึกของหุบเหว จากนั้นก็แผ่เจตนาสังหารออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ