บทที่ 468 ซือหม่าอี้ ความกังวลของอริยะมิ่งจี
อาศัยเพียงหมื่นกระบี่ก่อกำเนิด หานเจวี๋ยยังคงเอาชนะผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับอริยะลงไปได้ เขาลองท้าทายอริยะดู ผลลัพธ์คืออีกฝ่ายสามารถทำลายพลังวิเศษของเขาได้ภายในฝ่ามือเดียว จากนั้นก็สังหารเขาทันที
ถึงแม้หมื่นกระบี่ก่อกำเนิดจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถทำลายแก่นแท้ของพลังเวท
นั่นแปลว่าไม่สามารถสำแดงพลังในห้วงอวกาศได้
ห้วงอวกาศไม่มีสิ่งใดอยู่ จึงไม่อาจแปลงสิ่งใดเป็นกระบี่
หากว่าอยู่ในโลก หมื่นกระบี่ก่อกำเนิดจะมีพลังทำลายล้างสูงกว่าร่างจำลองเสรีสุญญตา แต่ก็ไม่มีความแน่นอนเท่าร่างจำลองเสรีสุญญตาที่สามารถใช้งานได้ทุกที่
อย่างไรก็ตาม หานเจวี๋ยครอบครองพลังวิเศษมหามรรคไว้สองอย่าง นับว่ายึดครองตำแหน่งผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งภายใต้ระดับต่ำกว่าอริยะไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว
แม้รู้เช่นนี้ทว่าหานเจวี๋ยก็มิได้ยโส ยังคงบำเพ็ญตบะต่อไป
ต้องบรรลุระดับครึ่งอริยะให้ได้ในเร็ววัน นี่สิถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ
พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปอีกสิบเจ็ดปี
อยู่มาวันหนึ่ง
ไก่คุกรัตติกาล สุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้น ราชามังกรสามหัว จอมปีศาจคุกรัตติกาล เจียงอี้ เจ้าใหญ่และเจ้ารองต่างมาขอเข้าพบ
หานเจวี๋ยให้พวกเขาเข้ามาในอารามเต๋า
การที่คนมากมายเช่นนี้มาหาเขาพร้อมกัน ต้องไม่ธรรมดาแน่
หานเจวี๋ยมองพวกเขา ไม่รีบร้อยเอ่ยอันใด
เจียงอี้สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง กล่าวว่า “พวกเราอยากออกไป!”
หานเจวี๋ยถาม “เพราะเหตุใด”
เจียงอี้อธิบาย “สัตว์ร้ายมากมายทำลายผนึกปรากฏตัวขึ้นบนโลก พวกเรารับรู้ได้จากสัญชาตญาณว่าหากกลืนกินสัตว์ร้ายเหล่านั้น คุณสมบัติของพวกเราจะพัฒนาขึ้น”
หานเจวี๋ยเพิ่งสังเกตว่าผู้ที่มาล้วนเป็นเผ่าปีศาจ
เขามองไปที่ไก่คุกรัตติกาล
ไก่คุกรัตติกาลยืนอยู่ด้านหลังฝูงชน ตัวสั่นพั่บๆ รู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง
หานเจวี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าก็อยากออกไปหรือ”
เมื่อถูกสายตาของหานเจวี๋ยจับจ้อง ไก่คุกรัตติกาลก็กลืนน้ำลายพลางตอบ “ไม่อยากอย่างยิ่ง…”
จอมปีศาจคุกรัตติกาลกล่าวว่า “ให้มันตามพวกเราออกไปเถิด พวกเราเดินทางไปด้วยกัน ไม่มีทางเกิดเรื่อง มิเช่นนั้นด้วยคุณสมบัติของมัน วันหน้ายากประสบความสำเร็จได้”
หานเจวี๋ยไม่ได้ตอบตกลงทันที แต่ใคร่ครวญดูอย่างลึกซึ้งก่อน
ราชามังกรสามหัวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายท่าน ให้พวกเราไปเถิดขอรับ แม้ว่าสัตว์ร้ายเหล่านั้นจะแข็งแกร่ง แต่มิใช่คู่ต่อสู้ของเจียงอี้เลย พวกเรานัดแนะกันไว้เรียบร้อยแล้ว จะล่าสัตว์ร้ายทุกตัวด้วยกัน”
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘หากพวกเขาออกไปล่าสัตว์ร้าย จะถูกมรรคาสวรรค์ควบคุมหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่ นี่เป็นเพียงขั้นตอนวิวัฒนาการของมรรคาสวรรค์ ปลุกสัญชาตญาณของพวกเขา มิใช่เคราะห์]
หานเจวี๋ยคิดๆ ดูแล้วจึงตอบว่า “ไปเถอะ ระวังตัวด้วย”
ได้ฟังดังนั้นพวกเขาก็พากันดีอกดีใจและเอ่ยปากรับคำเขาทันที
หานเจวี๋ยพลันนึกขึ้นได้ว่าดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่ไก่คุกรัตติกาลออกไปท่องโลก
ไม่ทราบเช่นกันว่ามันจะข้ามผ่านอุปสรรคในใจไปได้หรือไม่
เหล่าปีศาจแห่งสำนักซ่อนเร้นต่างออกเดินทางกันภายในวันนั้น จอมปีศาจคุกรัตติกาลก็พาหงส์คุกรัตติกาลตัวอื่นไปด้วย
ห้าปีผ่านไป
หานตั้วเทียนแปลงกายจากร่างศิลาพลัดสวรรค์แล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้างกายโจวหมิงเยวี่ยจึงมีเด็กหนุ่มรูปงามคนหนึ่งเพิ่มขึ้นมา โจวหมิงเยวี่ยไปไหน เขาก็ไปด้วย
สำหรับศิษย์ใหม่แห่งสำนักซ่อนเร้นคนนี้ ศิษย์คนอื่นๆ ล้วนสนใจใคร่รู้กันยิ่งนัก ต่างมาหาหานตั้วเทียนกันเป็นประจำ ถึงขั้นที่ชี้แนะการบำเพ็ญให้แก่เขาด้วย
แม้ว่าหานตั้วเทียนจะกราบโจวหมิงเยวี่ยเป็นอาจารย์ ทว่าก็ได้รับการดูแลจากคนทั้งสำนักซ่อนเร้น
ถูหลิงเอ๋อร์มองเขาแล้วรู้สึกโศกเศร้าอยู่เสมอ นางนึกถึงหลงเฮ่า
ปีนั้นนางเฝ้ามองหลงเฮ่าเติบใหญ่ ยามนี้มหาเคราะห์จบลงแล้ว หลงเฮ่าก็ไม่กลับมา มีความเป็นไปได้เก้าในสิบว่าจะสิ้นชีพไปแล้ว
โจวฝานเคยบอกว่า นอกจากเผ่าสวรรค์และสำนักดวงชะตาแล้ว สรรพสิ่งที่อยู่ต่ำกว่าระดับต้าหลัวลงไปต่างล้มตายแทบทั้งสิ้น เผ่ามังกรแท้ก็บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน จักรพรรดิสวรรค์ดับสูญแล้ว เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถปกป้องหลงเฮ่าได้
ไม่ใช่แค่หลงเฮ่าเท่านั้น ซูฉีและหยางเทียนตงก็หายสาบสูญไปนานมากแล้วเช่นกัน
ศิษย์รุ่นที่สองของสำนักซ่อนเร้นสูญหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เหล่าศิษย์ต่างห่วงว่าหานตั้วเทียนจะซ้ำรอยของหลงเฮ่า ดังนั้นจึงหยิบยกหลงเฮ่ามาเป็นอุทาหรณ์ตักเตือนเขา
โชคดีที่หานตั้วเทียนนิสัยอ่อนโยน ไม่มีความทะเยอทะยานมากนัก เขาไม่ได้สนใจด้านการบำเพ็ญมากนัก คาดว่าคงไม่ต้องการจะออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...