ตอน บทที่ 483 หลี่มู่อีมาเยือน จาก ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 483 หลี่มู่อีมาเยือน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 483 หลี่มู่อีมาเยือน
ตู้ม!
เสียงปะทะดังสนั่นไปทั่วเขตเซียนร้อยคีรี เสียงดังอึกทึกครึกโครม
หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ต้องลืมตาขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ เห็นเจียงตู๋กูพยายามจะทะลวงเข้ามาในอาณาเขตเต๋า
‘รนหาที่ตายเสียแล้ว!’
หานเจวี๋ยก่นด่าในใจ พลางประเมินตบะของเจียงตู๋กู
ครึ่งอริยะระยะกลาง!
‘ระดับเท่านี้ยังกล้าบุกรุกอาณาเขตเต๋าของข้าอีกหรือ?’
หานเจวี๋ยพ่นลมหายใจออกมา ลำพังเจียงตู๋กูคนเดียวไม่ว่าจะทำลายอาณาเขตเต๋าอย่างไร ก็ไม่อาจทะลวงผ่านเข้ามาได้
เพียงแต่เสียงการโจมตีมันดังหนวกหูเกินไป!
เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นต่างแผ่จิตรับรู้ออกไป จนไปพบเข้ากับเจียงตู๋กู
“นั่นเขา…”
สีหน้าของโจวฝานเปลี่ยนไปเล็กน้อย สีหน้าฉายแววโกรธแค้นออกมาเช่นเดียวกับหลงเฮ่า
ในตอนนี้เอง องครักษ์ซือหม่าอี้ก็พุ่งตัวออกไปจากอาณาเขตเต๋า
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม…
เสียงระเบิดดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าภายนอกอาณาเขตเต๋า สั่นสะเทือนไปทั่วภูเขาลำธาร ลมพายุคลั่งพัดพาม่านเมฆกระจายออกไป
ชาวสำนักซ่อนเร้นทุกคนต่างพากันออกไปชมการต่อสู้ที่ริมอาณาเขตเต๋า
ซือหม่าอี้เป็นร่างจำลองของสือตู๋เต้า การต่อสู้กับเจียงตู๋กูจึงนับว่าเป็นมหาสงครามที่สะเทือนโลกา
เจียงตู๋กูถูกโจมตีจนย่อยยับอยู่ฝ่ายเดียว!
ซือหม่าอี้ยกมือซ้ายไพล่หลัง มือขวาปล่อยพลังเวทอัดแน่นจนเป็นรูปเจดีย์ เพียงปลายนิ้วกระตุก เจดีย์ก็กดทับร่างของเจียงตู๋กูด้วยความเร็วสูง จนเจียงตู๋กูไม่อาจโต้ตอบได้ทัน
แม้ว่าเจดีย์จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ทุกครั้งที่มันตกลงมา ก็จะปรากฏรอยแยกของมิติที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ราวกับตะขาบสีดำลำตัวยืดยาว ดูน่าเกลียดน่ากลัว
“สือตู๋เต้า! เป็นไปได้อย่างไร!”
ดวงตาสองข้างของเจียงตู๋กูเบิกโพลง เขาไม่อยากเชื่อสายตาของตนเอง
ซือหม่าอี้สะบัดแขนทั้งสองข้างออก พลังเวทอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ลอยขึ้นไปปกคลุมท้องฟ้า นำพาความมืดมิดมาสู่โลกาสวรรค์
เจียงตู๋กูหน้าเปลี่ยนสี รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ซือหม่าอี้ไม่ได้ไล่ตามไป แต่กลับหยุดและกลับเข้าไปในอาณาเขตเต๋าดังเดิม
โจวฝาน หลงเฮ่า เฮ่าเทียนต่างก็มองดูด้วยความตะลึงพรึงเพริด
พวกเขารู้ว่าองครักษ์อาณาเขตเต๋านั้นแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เจียงตู๋กูยังไม่ทันใช้ยอดสมบัติก็ต้องหนีเตลิดเปิดเปิงไปเสียก่อนแล้ว
อย่างน้อยเขาก็ยอมปล่อยให้เจียงตู๋กูหนีไป หานเจวี๋ยต้องการข่มขู่สำนักดวงชะตา ไม่ให้มาหาเรื่องกับเขาอีก
ต่อให้ถูกอริยะล่วงรู้ หานเจวี๋ยก็ไม่สน
ก็ให้มันรู้กันไป!
กล้าเข้ามาหาเรื่องเขาถึงแดนเซียนเชียวหรือ
หานเจวี๋ยแสยะยิ้ม จากนั้นก็ฝึกบำเพ็ญต่อไป
เวลาผ่านไปกว่าสองพันปีนับตั้งแต่การทะลวงระดับครั้งล่าสุด ด้วยความเร็วในการบำเพ็ญของหานเจวี๋ย ย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่จะทะลวงระดับอีกครั้งภายในห้าพันปี
…
ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม
เจียงตู๋กูคุกเข่าต่อหน้าหลี่มู่อี ซึ่งเปล่งแสงเรืองรองดั่งดวงจิตเบิกฟ้าทั่วทั้งร่าง
“จริงหรือ” หลี่มู่อีถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เจียงตู๋กูทำสีหน้าเหยเกและกล่าว “ไม่ผิดขอรับ เป็นสือตู๋เต้าจริงๆ”
หลี่มู่อีกล่าว “สือตู๋เต้าฝึกบำเพ็ญอยู่ที่อาณาเขตเต๋าของเทพสูงสุดหนานจี๋ ไม่มีทางเป็นเขาไปได้”
เขานับนิ้วคำนวณ แต่ก็ต้องพบว่าตนไม่สามารถคำนวณถึงอาณาเขตเต๋าแห่งนั้นได้
มีบางอย่างผิดปกติ!
เจียงตู๋กูกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ที่สำคัญที่สุดคืออาณาเขตเต๋าแห่งนั้น ข้าบุกทะลวงค่ายกลของมันไม่ได้เลย ราวกับกำลังทลายค่ายกลของอริยะอย่างไรอย่างนั้น!”
“เป็นไปไม่ได้!”
หลี่มู่อีตัดบทอย่างเด็ดขาด
เจียงตู๋กูนิ่งเงียบไป
หลี่มู่อีเองก็ครุ่นคิดอยู่เช่นกัน ผ่านไปไม่กี่อึดใจเขาก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าจะไปดูให้เห็นกับตา”
เจียงตู๋กูดวงตาเป็นประกาย รีบพยักหน้าทันที
อริยะไม่สามารถเข้าไปในแดนเซียนได้ด้วยตนเอง แต่สามารถส่งร่างแยกหรือร่างจำลองไปแทนได้ ไม่ใช่เรื่องยาก
…
ห้าสิบปีต่อมา
หานเจวี๋ยที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ในอารามเต๋า จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนกำลังแสดงธรรม เสียงแสดงธรรมนั้นลอยมาจากที่ไกลๆ ราวกับเสียงแว่ว
เขาลืมตาขึ้น และตรวจสอบพบศัตรูที่แข็งแกร่งนอกอาณาเขตเต๋าทันที
[หลี่มู่อี: ครึ่งอริยะระยะสมบูรณ์ หนึ่งในสามอริยะ]
เมื่อได้ยินมันพูดเช่นนั้น ดวงตาของคนอื่นๆ ก็พลันสดใสขึ้น
ลี่เหยากล่าวว่า “พวกผู้อาวุโสองครักษ์ทั้งหลายยังไม่ออกมา ท่าทางผู้อาวุโสคงจะควบคุมสถานการณ์ได้ อีกฝ่ายแสดงธรรมเช่นนี้ ก็เพื่อจะล่อลวงให้พวกเราออกไป”
จ้าวเซวียนหยวนทอดถอนใจกล่าว “พลังวิเศษของท่านอาจารย์ช่างยิ่งใหญ่ อาณาเขตเต๋าสามารถขวางกั้นได้แม้กระทั่งอริยะ”
คนอื่นๆ ต่างก็ทอดถอนใจไปตามๆ กัน พูดคุยนั่นนี่ไปเรื่อย หลี่มู่อีที่ฟังอยู่ไกลๆ ได้แต่กระตุกมุมปาก
หลี่มู่อีแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และแสดงธรรมต่อ
ไม่นาน เหล่าศิษย์ก็แยกย้ายกลับไปฝึกบำเพ็ญต่อ
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า
สิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าที่อยู่ด้านนอกเขตเซียนร้อยคีรีนับวันยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมองออกไป ก็เห็นแต่สรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่ทั่วภูเขา มีทั้งนกและสัตว์น้อยใหญ่นานาชนิด
ร้อยปีต่อมาสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าในที่แห่งนี้ก็เพิ่มจำนวนขึ้นจนทะลุหลักแสน และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ดูท่าทาง หลี่มู่อีคิดจะปักหลักตั้งอาณาเขตเต๋าอยู่ที่นี่หรืออย่างไร?
หานเจวี๋ยต้องถ่ายทอดเสียงไปหาเขาอย่างช่วยไม่ได้ “ผู้อาวุโส มีเรื่องอันใดหรือ”
หลี่มู่อีส่งเสียงตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “สหายน้อยช่างเก่งกาจนัก ไม่คิดจะเชื้อเชิญข้าเข้าไปในอาณาเขตเต๋าบ้างหรือไร”
“ข้ากลัวตายขอรับ”
“เจ้าน่าจะคาดเดาตัวตนของข้าได้อยู่แล้ว ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ก่อนหน้านี้ข้าเคยเข้าฝันเจ้ามาหนหนึ่ง แต่เจ้าอยู่ที่แดนต้องห้ามอันธการ จึงไม่ได้ตอบรับ”
“เช่นนั้นแล้วท่านมีธุระอันใดหรือ”
“เจ้าต้องการตำแหน่งอริยะหรือไม่”
ไอ้หมอนี่! อริยะมีปัญญาทำได้แค่นี้เองหรือ
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “อริยะฉิวซีไหลเคยให้สัญญาว่าจะมอบตำแหน่งอริยะให้กับข้าแล้ว หรือว่าอริยะนั้นมีสองตำแหน่ง”
หลี่มู่อีใบหน้ากระตุก และกล่าวว่า “เขามีตำแหน่งอริยะเสียที่ไหนกัน เจ้าอย่าได้หลงกลเชียว”
“จริงหรือ เช่นนั้นข้าคงต้องถามเขาด้วยตัวเอง”
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างงุนงงกลับไป
“หึ!”
เสียงเย็นยะเยือกดังก้องกังวานไปทั่ว เป็นเสียงของฉิวซีไหลนั่นเอง
เจ้าลาเฒ่าหัวโล้นกำลังสอดแนมพวกเขาอยู่จริงๆ ด้วย!
หลี่มู่อีคล้ายจะได้ยินอะไรบางอย่าง จึงค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะกลายร่างเป็นลำแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจ ปล่อยให้ฉิวซีไหลและหลี่มู่อีคอยคุมเชิงกันเองนั่นแหละดีแล้ว จะได้มาตอแยเขาน้อยลง
………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...