ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 501

สรุปบท บทที่ 501 จำนวนของระดับเทพในสำนักซ่อนเร้น เผ่าวานรแขนยักษ์: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ตอน บทที่ 501 จำนวนของระดับเทพในสำนักซ่อนเร้น เผ่าวานรแขนยักษ์ จาก ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 501 จำนวนของระดับเทพในสำนักซ่อนเร้น เผ่าวานรแขนยักษ์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 501 จำนวนของระดับเทพในสำนักซ่อนเร้น เผ่าวานรแขนยักษ์

“เทพเจ้าที่ เผ่าสวรรค์เช่นนั้นหรือ”

หานตั้วเทียนขมวดคิ้ว สีหน้าแปรเปลี่ยนไปนิดขณะพึมพำกับตัวเอง

ชายชราเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มิผิด เป็นเทพเจ้าที่ที่เผ่าสวรรค์ส่งมาวันนี้ ข้ามายังเขตเซียนร้อยคีรี นับเป็นมงคลของพวกเจ้า”

มงคล?

หานตั้วเทียนพลันเดือดดาล ร้องด่า “แม่เจ้าสิ เจ้าคู่ควรอย่างนั้นหรือ”

ความทรงจำด้านภาษาของเขามาจากหานเจวี๋ย คำพูดคำจาก็เหมือนหานเจวี๋ย ด่าแม่แทนด่าว่ามารดา

สาเหตุที่เมื่อครู่เขามีความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้า เป็นเพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องเผ่าสวรรค์มาก่อน

สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ล้วนไม่รู้จักเผ่าสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ส่วนศิษย์ในสำนักซ่อนเร้นที่รู้จักเผ่าสวรรค์ก็มีลำดับอาวุโสสูงกว่าหานตั้วเทียนมากนัก ต่างคร้านจะสนใจเขา ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการเล่าเรื่องแดนเซียนในปัจจุบันให้เขาฟังเลย

เทพเจ้าที่ตะลึงงัน ไม่คิดว่าจู่ๆ หานตั้วเทียนจะฉีกหน้ากัน

จากนั้น ใบหน้าชราของเขาพลันแดงก่ำ ชี้หน้าหานตั้วเทียน เอ่ยเสียงสั่นว่า “เจ้า…จองหอง!”

หานเจวี๋ยร้องด่า “รีบไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าซะ! เจ้ามีคุณสมบัติพอจะเสริมมงคลให้สำนักซ่อนเร้นของพวกเราหรือ เชื่อหรือไม่ว่าข้าเรียกคนอื่นมาได้”

เทพเจ้าที่โมโหจนตัวสั่นไปหมด แต่เขากลัวหานตั้วเทียนจะเรียกคนอื่นมาจริงๆ ชื่อเสียงด้านความดุร้ายของสำนักซ่อนเร้นแพร่ไปทั่ว หากไม่ได้รับคำสั่งจากเผ่าสวรรค์ เขาคงไม่กล้ามา

เขากระทืบเท้า มุดลงดินหายลับไป

หานตั้วเทียนแค่นเสียงหยัน ไม่แยแสแม้แต่น้อย

….

เรื่องเทพเจ้าที่ หานตั้วเทียนไม่ได้แพร่งพรายต่อภายในสำนักซ่อนเร้นเลย เหล่าศิษย์ล้วนไม่ทราบเรื่องนี้

หานเจวี๋ยยังอยู่ระหว่างปิดด่านบำเพ็ญอย่างไม่มีกำหนด

นับตั้งแต่บรรลุระดับครึ่งอริยะขั้นสมบูรณ์ หานเจวี๋ยก็มีความกระตือรือร้นต่อการบำเพ็ญอย่างเต็มเปี่ยม

เขาต้องการบรรลุเป็นอริยะให้ได้ในเร็ววัน!

วันเวลาเคลื่อนคล้อย ชีวิตผกผัน มองย้อนกลับไป ทุกสิ่งเสมือนชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

หนึ่งพันห้าร้อยปีผ่านไป

หานเจวี๋ยยังคงอยู่ห่างไกลจากการพิสูจน์มรรค แต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้หานเจวี๋ยแข็งแกร่งขึ้นมากนัก

ในวันนี้ หานเจวี๋ยได้เผยแพร่มหามรรคต่อสำนักซ่อนเร้นเสร็จสิ้นไปอีกครั้ง

ผ่านการสดับฟังธรรมมามากมายหลายครั้งขนาดนี้ ในสภาวะที่สำนักซ่อนเร้นมิได้มีการขยายตัวขึ้น ศิษย์ทั้งหมดล้วนก้าวเดินบนเส้นทางแห่งมหามรรคต้นกำเนิดแล้ว

มหามรรคต้นกำเนิดรวบรวมพลังอันยิ่งใหญ่ไว้ แม้แต่หลี่เต้าคงที่เป็นครึ่งอริยะแล้วก็เข้าถึงมรรคอย่างง่ายดายเช่นกัน เมื่อมรรคผลผ่านการฝึกบำเพ็ญเป็นระยะเวลาหลายปีเช่นนี้ ก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นมรรคผลแห่งมหามรรคต้นกำเนิดแล้ว

ศิษย์ที่หานเจวี๋ยคาดหวังที่สุดในตอนนี้ก็คือหลี่เต้าคง ความคาดหวังที่มีต่อเขามากกว่าที่มีต่อเต้าจื้อจุน ลี่เหยาและพวกจ้าวเซวียนหยวน

แน่นอน ความคิดนี้ซุกซ่อนอยู่ภายในใจของเขาเท่านั้น ไม่อาจพูดออกไปได้

ท่าทีของเขาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับศิษย์ทุกคน!

ขณะที่หานเจวี๋ยเตรียมจะกลับไปยังอารามเต๋า พลันสัมผัสถึงบางสิ่งได้ ตวัดมือคราหนึ่ง คว้าจับดวงจิตประหลาดที่อยู่นอกอาณาเขตเต๋าผ่านทางอากาศ

ผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้ ดวงจิตประหลาดดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยจริงๆ

หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าพลังที่สถิตในตัวมันเพียงพอจะทำลายล้างครึ่งอริยะธรรมดาทั่วไปได้

เจ้าสิ่งนี้ทำอะไรมากันแน่

เมื่อดวงจิตประหลาดได้พบหานเจวี๋ยอีกครั้งก็ดูตื่นเต้นลิงโลดอย่างเห็นได้ชัด เกาะติดอยู่บนร่างเขา กระเด้งไปมาไม่หยุด

หานเจวี๋ยเล่นเป็นเพื่อนมันอยู่สักพัก ถึงได้ปล่อยให้มันไปตามทางของตัวเอง

ตอนนี้ดวงจิตประหลาดควบคุมพลังในร่างได้แล้ว ไม่มีทางส่งผลร้ายต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในสำนักซ่อนเร้นอีก

เพิ่งกลับถึงอารามเต๋า หานเจวี๋ยยังไม่ทันนั่งสมาธิ ก็ได้รับแจ้งเตือนขอเข้าฝันจากอริยะ

[เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

ไม่สน!

ข้าจะรอดูสิว่าเจ้าจะร้อนรนเท่ามหาจักรพรรดิเซียวกับฉิวซีไหลหรือไม่

หานเจวี๋ยคิดในใจ จากนั้นก็นั่งสมาธิ เริ่มฝึกบำเพ็ญ

เป็นไปตามคาด อริยะทั้งหมดมิได้หน้าหนาเช่นเดียวกับฉิวซีไหล เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยขอเข้าฝันเพียงครั้งเดียวก็เลิกราไป

หลายเดือนต่อมา

[ฟางเหลียงต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

ฟางเหลียงหรือ

เขาอยากขอกลับสู่สำนักซ่อนเร้นยิ่งนัก แต่คำพูดนี้เสมือนติดอยู่ในลำคอ ยากจะเอื้อนเอ่ยออกไป

หานเจวี๋ยไม่ทราบว่าเขากังวลสิ่งใดอยู่ เอ่ยวาจาแฝงความนัยว่า “ขอเพียงเจ้าอยากกลับมา ก็กลับมาได้ทุกเมื่อ ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงปัญหาใดๆ แต่อย่าได้รอจนถึงวันที่เจ้ายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสำนักซ่อนเร้นแล้วถึงคิดจะกลับมา เมื่อถึงเวลานั้น อย่ากล่าวโทษว่าอาจารย์ปู่ใจดำเลย”

ฟางเหลียงสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง เขารู้ดีว่าหานเจวี๋ยไม่ได้ล้อเล่น

หานเจวี๋ยดีต่อเขายิ่งนัก แต่หานเจวี๋ยไม่เคยใจอ่อนเหลือเยื่อใย

นึกถึงหนหลังครั้งอยู่ในโลกมนุษย์ หานเจวี๋ยเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดากลับหาญกล้าท้าทายวังสวรรค์

หานเจวี๋ยในปัจจุบันย่อมไม่กริ่งเกรงต่ออริยะ!

ฟางเหลียงตกอยู่ในการต่อสู้ระหว่างมนุษย์และสวรรค์

หานเจวี๋ยพลันโบกมือ สลายฉากความฝัน ทิ้งท้ายไว้เพียงประโยคเดียว

“ถ้ายังไม่กลับอีก จะไม่มีผู้ใดในสำนักซ่อนเร้นจดจำเจ้าแล้ว”

….

จิตรับรู้กลับสู่อารามเต๋า หานเจวี๋ยไม่คิดมากอีก ฝึกบำเพ็ญต่อ

ฟางเหลียงจะกลับมาหรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขา

สิ่งที่ทำได้หานเจวี๋ยก็ทำไปแล้ว เขาไม่มีทางบังคับให้ฟางเหลียงกลับมา หากทำเช่นนั้น สรุปแล้วเขาเป็นอาจารย์ปู่หรือเป็นบิดากันแน่เล่า

ในวันเดียวกัน

หลี่เสวียนเอ้ามาขอเข้าพบหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยให้เขาเข้ามาในอารามเต๋า

หลี่เสวียนเอ้าก้าวมาหยุดตรงหน้าหานเจวี๋ย ค้อมกายคารวะ เอ่ยว่า “เจ้าสำนัก ข้าอยากรับศิษย์สักคน เป็นวานรแขนยักษ์หนึ่งในสี่วานรวิปโยค พรสวรรค์เลิศล้ำ ข้ามั่นใจว่าจะสั่งสอนมันให้สำเร็จเป็นต้าหลัวได้ ถึงขั้นที่อาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น”

“ใช่แล้ว เจ้าสำนัก เบื้องหลังของวารนรแขนยักษ์อาจยังมีกลุ่มเผ่าพันธุ์วานรแขนยักษ์ทั้งฝูงอยู่ ข้ามีความคิดอาจหาญอย่างหนึ่งขอรับ”

วานรแขนยักษ์หรือ

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตำนานไซอิ๋ว ไม่ใช่แค่ตำนานไซอิ๋ว ในเรื่องห้องสินก็มีวานรแขนยักษ์อยู่ด้วยเช่นกัน

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ