ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 509

บทที่ 509 ลี่จื้อไจ้ กำเนิดเทพมารมรณะ

หานเจวี๋ยจับสังเกตปราณเทพมาร ราวกับเฝ้ามองสิ่งมีชีวิตใหม่สี่สิบเก้าตนถือกำเนิดขึ้น

สำหรับปราณเทพมารเหล่านี้ หานเจวี๋ยมีความหวังอย่างยิ่ง ถึงขั้นให้ความสำคัญกว่าเผ่าเอกาเสียอีก

หากว่าสามารถสร้างเทพมารฟ้าบุพกาลได้จริงๆ เช่นนั้นย่อมไร้เทียมทาน!

ช้าก่อน!

หานเจวี๋ยพลันบังเกิดความคิดอาจหาญขึ้นมาอย่างหนึ่ง

วิญญาณของซูฉียังอยู่กับเขา หลับใหลมาโดยตลอด หากว่าซูฉีถือกำเนิดใหม่ในร่างเทพมารฟ้าบุพกาลได้…

ทันทีที่ความคิดนี้บังเกิดขึ้น ก็ได้หยั่งรากฝังลึกลงในสมองหานเจวี๋ยอย่างรวดเร็ว ไม่อาจเก็บกลับคืนได้

ต้องลองดูสักหน่อย!

หากทำสำเร็จ หานเจวี๋ยจะได้ครองโอกาสใหญ่ที่ทำให้สรรพสิ่งคุ้มคลั่งได้!

‘ศิษย์คนดี อาจารย์จะลองทดสอบกับเจ้า หากรอดไปได้ย่อมจะรุ่งโรจน์เทียมฟ้า หากล้มเหลว เช่นนั้นก็อย่ากล่าวโทษอาจารย์เลย!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ สายตาเขาจ้องอยู่ที่ร่างของเทพมารมรณะ

ซูฉีเป็นเทพแห่งความโชคร้าย ผู้ใดพบเขาผู้นั้นต้องตาย เหมาะสมกับตัวตนแห่งความตายยิ่ง

คิดได้ดังนั้นหานเจวี๋ยก็ผสานวิญญาณของซูฉีเข้ากับปราณเทพมารของเทพมารมรณะ

เขารู้สึกกังวลยิ่งนักว่าซูฉีจะถูกมหามรรคของเทพมารมรณะบีบคั้นจนสิ้นชีพ เลยใช้พลังเวทของตนคุ้มกันดวงวิญญาณของอีกฝ่าย จากนั้นจึงค่อยๆ ผสานเข้าไป

เวลาผ่านไปไวเหมือนติดปีก

ผ่านไปวันแล้ววันเล่า

แม้หานเจวี๋ยจะบรรลุระดับครึ่งอริยะขั้นสมบูรณ์แล้วยังอดรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้ แม้ว่าเทพมารฟ้าบุพกาลจะเป็นเพียงร่างจำลอง แต่ก็มีพลังแข็งแกร่งยิ่งนัก อาจฉีกทึ้งซูฉีเป็นชิ้นๆ ได้ทุกเมื่อ

เวลาผ่านไปสามสิบปีเต็ม หานเจวี๋ยรอจนกระทั่งซูฉีผสานรวมกับเทพมารมรณะ แต่ขั้นตอนการผสานรวมกลับเชื่องช้ายิ่งนัก ให้ความรู้สึกน่าเหนื่อยหน่ายอย่างยิ่ง

หานเจวี๋ยจำเป็นต้องแบ่งสมาธิทำสองอย่างพร้อมกัน กำกับควบคุมการผสานรวมของซูฉีไปด้วย ฝึกบำเพ็ญไปด้วย

ถึงอย่างไรก็ตึงเครียดมาสามสิบปี ตอนหลังหานเจวี๋ยถึงได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง

และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เขตเซียนร้อยคีรีค่อยๆ พัฒนาไป ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยเงาร่างสิ่งมีชีวิตที่ฝึกบำเพ็ญ มีเสียงต่อสู้กันแว่วอยู่ในอากาศเป็นครั้งคราว

มิใช่ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนสามารถเข้าใช้แบบจำลองการทดสอบได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงฝึกวิชาต่อสู้กันในโลกแห่งความจริง เผื่อศิษย์สืบทอดได้เห็น แล้วรับตนไปเป็นศิษย์

บางครั้งหากลงมือกันหนักเกินไป หานตั้วเทียนจะลงโทษอย่างหนักภายใต้การชี้แนะของหลี่เสวียนเอ้า ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในภายหน้าอีก

ลี่เหยามาขอเข้าพบหานเจวี๋ยอย่างกะทันหัน หานเจวี๋ยอนุญาตให้เข้ามาในอารามเต๋า

สาวน้อยคนนี้กำลังจะพิสูจน์ต้าหลัว!

รวดเร็วกว่าโจวฝานและเจียงอี้เสียอีก

นับว่าควรค่ากับการพากเพียรบำเพ็ญของนางแล้ว คนอื่นๆ รวมถึงโจวฝานและจ้าวเซวียนหยวน มักจะเข้าไปในแบบจำลองการทดสอบเป็นระยะๆ ทว่าลี่เหยาเก็บตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ตลอด ถึงขั้นที่ไม่เข้าร่วมงานประลองใหญ่ประจำศตวรรษ มุ่งมั่นจดจ่ออยู่กับมหามรรคต้นกำเนิด

“ข้าอยากสร้างมหามรรคแห่งกระบี่ของตนขึ้นจากมหามรรคต้นกำเนิด ท่านคิดเห็นเช่นใด” ลี่เหยาถาม

หานเจวี๋ยย้อนถาม “เจ้าชมชอบกระบี่จริงๆ น่ะหรือ”

พลังวิเศษที่หลี่เหยาฝึกฝนส่วนใหญ่เป็นพลังวิเศษมรรคกระบี่ แต่หานเจวี๋ยกลับรู้สึกว่านางมิได้ชมชอบวิถีกระบี่อย่างแท้จริง แต่ได้รับอิทธิพลมาจากการตระหนักรู้มรรคกระบี่เสียมากกว่า

เมื่อตระหนักรู้มรรคกระบี่ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้บำเพ็ญกระบี่ขนานแท้ ในจุดนี้แม้แต่หลี่เต้าคงก็เทียบไม่ติด หลี่เต้าคงถึงแม้จะเป็นผู้บำเพ็ญกระบี่อันดับหนึ่งแห่งแดนเซียน แต่ยังคงเจือปนวิถีทางอื่นด้วย ค่อนข้างซับซ้อน เพียงแต่วิถีกระบี่โดดเด่นมากกว่าเท่านั้น

ลี่เหยาเอ่ยว่า “ความชอบไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือข้ามีความมั่นใจ ข้าอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านมรรคกระบี่”

แววตานางจริงจัง น้ำเสียงราบเรียบ

หานเจวี๋ยรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง

เขาก็มิได้ชมชอบมรรคกระบี่อย่างแท้จริงเช่นกัน แต่สถานะหลักคือผู้บำเพ็ญกระบี่เท่านั้น

คนที่บำเพ็ญมรรควิถี ไม่สมควรใส่ใจกับความชอบจริงๆ ตราบใดที่มีประโยชน์ต่อตน ล้วนฝึกฝนได้ทั้งสิ้น

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ข้าอยากรู้ว่ามรรคกระบี่ของเจ้าเป็นอย่างไร”

ลี่เหยาขมวดคิ้ว “พูดกันตามจริง ข้าไม่เคยใคร่ครวญดูเลย แต่ข้าอยากเป็นเช่นเดียวกับท่าน ปลิดชีพศัตรูได้ในดาบเดียว สำหรับข้า ผู้บำเพ็ญกระบี่ที่จำเป็นต้องสำแดงกระบวนท่าที่สองออกมา ล้วนไม่นับเป็นอันใดได้เลย”

“หนึ่งกระบี่พิฆาตศัตรู หนึ่งกระบี่เบิกฟ้า หนึ่งกระบี่สะบั้นมรรคา จัดการทุกคนที่ขวางข้าได้ภายในดาบเดียว”

ลี่เหยาเอ่ยด้วยสีหน้ามีชีวิตชีวา นางกล่าวต่อว่า “ข้าคิดว่าข้าค้นพบแล้ว นี่คือมรรคกระบี่ของข้า ท่านชี้แนะข้าได้หรือไม่”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างมีนัยยะ “เช่นนั้นสิ่งที่เจ้าควรแสวงหาคือพลังเวทของตน พลังวิเศษต่อให้แข็งแกร่งเพียงใดก็ยังต้องอาศัยพลังเวทมหาศาล ข้าจะแสดงธรรมแก่เจ้า เป็นแรงเกื้อหนุนให้เจ้า ส่วนจะบรรลุถึงระดับต้าหลัวเมื่อไรนั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้า”

ต้องกล่าวเลยว่า พรสวรรค์ด้านความเข้าใจของลี่เหยาแกร่งกล้าเหลือเกิน เพิ่งอายุสามหมื่นกว่าปีก็จะพิสูจน์ต้าหลัวแล้ว ช่างอาจหาญยิ่งนัก

คงมิใช่ว่ามีสูตรโกงอยู่กระมัง

หานเจวี๋ยนึกถึงดวงชะตาแต่กำเนิดของโจวฝานและฟางเหลียงที่แปรผันไป เช่นนั้นแล้วลี่เหยาจะแปรผันไปด้วยหรือไม่?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ