บทที่ 525 มรรคาสวรรค์มีจิตวิญญาณ พญายมตื่นตะลึง
“ฮึ ปราณม่วงอนธการ อริยะอย่างพวกเจ้ามีปราณม่วงอนธการอยู่เท่าไรกันแน่ ข้ามาเพียงเพื่อชดใช้เวรกรรมคืนให้เผ่ามาร มิได้ต้องการปราณม่วงอนธการจากเจ้า เรื่องนี้หยุดไว้เท่านี้เถอะ”
มารพันคลั่งส่ายหน้าพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
อริยะได้ฟังดังนั้นก็เงียบไป ไม่พูดมากอีก
หลังมารพันคลั่งจากไป เมฆดำทะมึนที่ครอบคลุมอยู่เหนือเขตเซียนร้อยคีรีพลันสลายตัวไป
เมื่อหานเจวี๋ยเห็นเขาจากไป จึงไม่ได้ลงมือ
ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ความ เช่นนั้นก็แล้วไปเถอะ
หานเจวี๋ยไม่กลัวเลยว่าอีกฝ่ายจะลงมือ ค่ายกลของอาณาเขตเต๋ายกระดับถึงขั้นอริยะแล้ว ต้องกลัวผู้ใดอีก
‘หลังจากบรรพจารย์ซานชิงพ่ายแพ้ไป ยังจะมีผู้ใดมากล้ามาโจมตีอีก อีกฝ่ายเป็นครึ่งอริยะ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ใดรู้จัก จะต้องมีคนวางแผนอยู่เบื้องหลังแน่ โดยนำบางสิ่งที่ทำให้พวกเขายินดีจะเสี่ยงภัยมาหลอกล่อ’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
มีเพียงปราณม่วงอนธการที่ทำให้ครึ่งอริยะหวั่นไหวได้
หรือว่าอริยะจะตลบตะแลงหลอกลวงอีกแล้ว
ต้องทำนายดูสักรอบ!
หานเจวี๋ยใช้ระบบทำนายดูทันที ‘ข้าอยากรู้ผู้ใดใช้มารพันคลั่งมา’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
ในสมองของหานเจวี๋ยปรากฏเงาร่างหนึ่งผุดขึ้นมา
เป็นเขา!
ฉิวซีไหล!
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ฉากหน้าเขามีไมตรีต่อฉิวซีไหล เหตุใดฉิวซีไหลจึงอดไม่รนทนไม่ไหวมาวางแผนปองร้ายเขาเช่นนี้
ด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อฉิวซีไหล ฉิวซีไหลไม่เคยแสดงออกอย่างมุทะลุเช่นนั้น
‘ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดฉิวซีไหลต้องเรียกมารพันคลั่งมาสร้างความเดือดร้อนให้กับข้า’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
หมื่นล้านปี!
นี้มิใช่ค่าตัวของอริยะมรรคาสวรรค์แล้วหรอกหรือ!
หานเจวี๋ยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที หรือว่าจะมีศัตรูใหม่
เขาเลือกดำเนินการต่อ!
เขาเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ
ที่นี่คืออาณาเขตเต๋าของฉิวซีไหล ฉิวซีไหลในรูปลักษณ์พุทธรูปทองแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว ราวกับรูปปั้น
หานเจวี๋ยร่อนลงบริเวณห้องโถง เขามองไปที่ฉิวซีไหล
ต้องกล่าวเลยว่า ภาพลักษณ์นี้ของฉิวซีไหลดูศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ทำให้คนเห็นแวบแรกยากจะเชื่อว่าเขาเป็นตัวตนที่ชั่วร้าย ดูราวกับตัวแทนของความยุติธรรมและเมตตา
ฉิวซีไหลลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน
เขาเปิดปากถาม “ผู้ใด”
หานเจวี๋ยมองไปรอบๆ เขาไม่เห็นใครอื่นเลยจึงอดไม่ได้ที่จะตกใจ หรือว่าฉิวซีไหลจะคุยกับเขา
แบบนั้นก็น่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง!
ฉิวซีไหลขมวดคิ้วเอ่ยว่า “กลิ่นอายอันผันผวนนี้…ไม่ถูกสิ มิใช่กลิ่นอาย แต่เป็นดวงชะตามรรคาสวรรค์”
สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนในทันใด ถามด้วยความตื่นตะลึง “มรรคาสวรรค์ บรรพชนเต๋าหรือ”
น้ำเสียงเย็นชาสายหนึ่งแว่วขึ้น “มรรคาสวรรค์เกิดตัวตนพิสดาร หวังว่าอริยะจะให้ความช่วยเหลือมรรคาสวรรค์ได้”
หานเจวี๋ยตะลึงงัน ล้อเล่นอะไรอยู่
มรรคาสวรรค์
ฉิวซีไหลขมวดคิ้ว ถามขึ้น “ที่แท้แล้วเจ้าคือมรรคาสวรรค์ หรืออริยะ”
“สรรพสิ่งล้วนมีวิญญาณ เหตุใดมรรคาสวรรค์จะมีไม่ได้เล่า บรรพชนเต๋าจากไปนานแล้ว มรรคาสวรรค์ก็คือมรรคาสวรรค์”
น้ำเสียงเย็นชาแว่วขึ้นอีกครั้ง ฉิวซีไหลฟังแล้วพลันเกิดความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้า
หานเจวี๋ยเองก็ตกใจเช่นกัน
มรรคาสวรรค์มีจิตวิญญาณ เช่นนั้นจะใช้ได้หรือ
แล้วมรรคาสวรรค์จะยุติธรรมได้อย่างไร
มิใช่ว่ามรรคาสวรรค์ไร้ปรานี มิฝักใฝ่ฝ่ายใดหรอกหรือ
ยามนี้มรรคาสวรรค์มีจิตวิญญาณของตนแล้วมิใช่จะบังเกิดวิจารณญาณและความรู้สึกของตนขึ้นง่ายๆ หรือ
อย่าว่าแต่หานเจวี๋ยเลย ฉิวซีไหลก็ขนลุกชันเช่นกัน
เหตุผลที่อริยะอย่างพวกเขาสูงส่งเหนือปวงชน ก็เพราะมรรคาสวรรค์เสมือนสิ่งสมมุติ ไม่อาจควบคุมบงการพวกเขาได้
แต่ตอนนี้…
ฉิวซีไหลเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่น่ามอง “เจ้าคิดจะทำอะไร”
มรรคาสวรรค์ตอบ “กำจัดตัวตนพิสดาร ฟื้นฟูระเบียบกฎเกณฑ์”
“ผู้ใดคือตัวตนพิสดาร”
“ว่าที่อริยะรายใหม่ หานเจวี๋ย”
“บรรพชนเต๋ากล่าวว่าเขาคือตัวแปร…”
“ตัวแปรก็คือตัวตนพิสดาร เพราะเขา มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งก่อนจึงสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว”
สีหน้าฉิวซีไหลเขียวครึ้ม
ฉากสถานการณ์พังทลายลงตรงนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...