ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 565

บทที่ 565 อริยะแซ่หาน

สิทธิ์ในการพิสูจน์มรรค!

เมื่อหานทั่วได้ฟัง ลมหายใจพลันกระชั้นขึ้นมา

ถึงแม้เขาจะห่างไกลจากหนทางพิสูจน์มรรคอย่างยิ่ง แต่เขารู้ว่าการพิสูจน์มรรคยากลำบากเหลือคณา บุตรแห่งสวรรค์มากมายต่างสิ้นชีพตรงหน้าธรณีประตูสู่ระดับครึ่งอริยะ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการพิสูจน์มรรคที่อยู่เหนือขึ้นไปอีกเลย

หานทั่วกล่าวว่า “ขอบพระคุณผู้อาวุโส ผู้เยาว์เข้าใจแล้ว!”

เขาลุกขึ้นจากไปทันที

หลังออกจากเขตเซียนร้อยคีรี เขาถึงได้สติขึ้นมา

เขายิ้มหยันกับตัวเอง

ใช่การมอบโอกาสให้เขาเสียที่ไหน เป็นการดูแคลนเขาอย่างเต็มที่ต่างหาก

ช่างเถอะ!

ข้าหานทั่วย่ำไปทั่วหล้า ต้องพึ่งพาสำนักนิกายตั้งแต่เมื่อไรกัน

แววตาของหานทั่วเด็ดเดี่ยวขึ้นมาอีกครั้ง ในเมื่อสำนักซ่อนเร้นไม่ต้อนรับเขา ไยเขาต้องฝืนดึงดันเล่า

ล้านปีอย่างนั้นหรือ

ฮ่าๆ!

ดวงตาหานทั่วฉายแววเด็ดเดี่ยว ไม่คิดเรื่องพวกนี้อีก

บางทีเขาคงเกิดมาเพื่อเป็นอิสระ ไร้สิ่งยึดเหนี่ยวผูกมัด สยายปีกโบยบินทั่วฟ้า

หานเจวี๋ยเฝ้ามองหานทั่วจากไป เขารับรู้ถึงความเซื่องซึมและไม่พอใจของบุตรชายคนนี้ได้ แบบนี้ก็ไม่เลวเลย

ลูกเอ๋ย เหตุผลที่พ่อเลี้ยงเจ้าแบบปล่อย นั่นเป็นเพราะมั่นใจเต็มที่ว่าคุ้มครองเจ้าได้

หานเจวี๋ยรู้สึกสะท้อนใจ

ถึงอย่างไรเขาก็เฝ้ามองหานทั่วเติบโตขึ้นมา เขาหวังว่าหานทั่วจะกลายเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองอย่างเต็มที่ มิใช่เอาแต่พึ่งพาบิดาอย่างเดียว

เขายังคงพอใจกับประสบการณ์ในปัจจุบันนี้ของหานทั่วยิ่งนัก

รู้สถานการณ์ แต่ก็ไม่กริ่งเกรงศัตรูที่แข็งแกร่ง!

….

ภายในอาณาเขตฟ้าบุพกาล

เงามนุษย์ห้าร่างรวมตัวกัน ต่างคนต่างเห็นหน้ากันเพียงเลือนราง

โจวฝานยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ช่วงนี้ข้าอยู่ที่เมืองฟ้าบุพกาลเจริญรุ่งเรืองนัก คบหาบุตรแห่งสวรรค์เป็นพี่น้องไม่น้อยเลย”

เต้าจื้อจุนแค่นเสียงเอ่ย “อย่าลืมฝึกบำเพ็ญ”

“จะเป็นไปได้อย่างไร!”

โจวฝานหันไปหาอี๋เทียน เอ่ยว่า “หนุ่มน้อย ชื่อเสียงเจ้าเลื่องลือนัก แพร่มาถึงเมืองฟ้าบุพกาลแล้ว อย่าไปคลุกอยู่กับเผ่าปีศาจเลย ข้าขอแนะนำให้เจ้ามาที่สำนักซ่อนเร้นหรือไม่ก็เมืองฟ้าบุพกาล จะได้รับทรัพยากรในการบำเพ็ญอย่างไร้ขีดจำกัด”

อี๋เทียนกล่าวว่า “เฮอะ ข้าไม่ต้องการทรัพยากรอะไรทั้งนั้น ขอยืนยันคำเดิม พรสวรรค์ของข้าเป็นหนึ่งในโลกา!”

“นั่นเป็นเพราะเจ้ายังไม่เคยเจอกับข้า มิเช่นนั้นฝ่ามือเดียวก็ทำให้เจ้าคุกเข่าได้แล้ว!”

“ก็เจ้าฝึกบำเพ็ญมานานกว่าข้าหลายหมื่นปีมิใช่หรือ วันหน้าข้าต้องสำเร็จเป็นอริยะแน่ ส่วนเจ้า อย่างมากก็คงเป็นครึ่งอริยะ!”

“ฮ่าๆ เจ้าจะอาศัยสิ่งใดมาสำเร็จเป็นอริยะเล่า”

โจวฝานและอี๋เทียนเริ่มโต้เถียงกัน

จ้าวเซวียนหยวนมองหานทั่ว เอ่ยถาม “ไยเจ้าไม่มาที่สำนักซ่อนเร้น”

หานทั่วกล่าวว่า “เจ้าสำนักซ่อนเร้นให้ข้าไปอีกครั้งในอีกล้านปีให้หลัง ตั้งเงื่อนไขให้ข้าพิสูจน์ครึ่งอริยะก่อน”

พวกเต้าจื้อจุนทั้งสามไม่เคยเปิดเผยฐานะตัวตนของหานเจวี๋ยเลย รวมถึงชื่อด้วย ถึงอย่างไรในอดีตที่ผ่านมาหานเจวี๋ยก็ไม่เคยเปิดเผยตัวตนในอาณาเขตฟ้าบุพกาล

เต้าจื้อจุนส่ายหน้าพลางเอ่ย “เจ้าก็แซ่หานเช่นกัน หลงนึกว่าอาจารย์จะเห็นใจเมตตา น่าเสียดาย”

หานเจวี๋ยตั้งกฎไว้จริงๆ ไม่บรรลุครึ่งอริยะห้ามออกไป ยามนี้สลับกฎไปใช้กับด้านนอกด้วยก็นับว่าปกติ

หานทั่วถามด้วยความอยากรู้ “เจ้าสำนักซ่อนเร้นก็แซ่หานหรือ”

โจวฝานถลึงตาใส่เต้าจื้อจุนแวบหนึ่ง เอ่ยตำหนิ “ห้ามพูดส่งเดช นามเต็มของอริยะไหนเลยจะเปิดเผยได้!”

เต้าจื้อจุนทราบว่าตนพลั้งปากไปเสียแล้ว อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า

จ้าวเซวียนหยวนเอ่ยยิ้มๆ “อย่าถามเลย แซ่หานเดิมทีก็มีมากมายอยู่แล้ว คงจะให้ลูกหลานแซ่หานทั้งหมดมานับท่านอาจารย์ของพวกเราเป็นบรรพชนไม่ได้กระมัง สายสัมพันธ์ไม่อาจปะปนมั่วซั่วได้”

หานทั่วพยักหน้ารับ

อี๋เทียนแค่นเสียง “อริยะแล้วอย่างไรเล่า อีกไม่ช้าก็เร็วข้าต้องได้เป็นอริยะแน่ พี่ชายทั้งหลาย ช่วงนี้มีผู้กล่าวอ้างว่ามีคุณสมบัติกายฟ้าบุพกาล ทว่าไม่เคยเข้ามาที่นี่เลย ต้องการไปสั่งสอนด้วยกันหรือไม่ อยู่ที่เผ่าสวรรค์แค่นี้!”

จ้าวเซวียนหยวนเอ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์ “เจ้าช่างภักดีต่อเผ่าปีศาจเสียจริงนะ คิดจะฉวยโอกาสใช้พวกเราไปจัดการเผ่าสวรรค์กระมัง ไม่รู้หรือว่าสำนักซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเผ่าสวรรค์”

อี๋เทียนตกตะลึง ถามด้วยความประหลาดใจ “สำนักซ่อนเร้นให้การสนับสนุนเผ่าสวรรค์หรือ เหตุใดข้าถึงไม่รู้”

หานทั่วเอ่ยด้วยความจนใจ “ข้ารู้ทุกอย่าง เจ้าน่ะเอาแต่ต่อสู้รบราทั้งวัน ลูกน้องข้างกายล้วนประจบเอาใจเจ้า แล้วเจ้าจะเข้าใจโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างไร”

อี๋เทียนนิ่งเงียบไม่เอ่ยแย้งใดๆ

หากคนอื่นว่าเขา เขาล้วนเถียงกลับทั้งสิ้น มีเพียงหานทั่วเท่านั้นที่เขาไม่เถียง

นอกเหนือไปจากมิตรภาพสหายแล้ว หานทั่วยังเคยช่วยชีวิตเขาไว้ด้วย

….

พันปีผ่านไปในชั่วพริบตา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ