บทที่ 573 จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการโจมตี
ตอนนี้ตระกูลหานมีลูกหลานหลายร้อยคน ซ้ำยังมีข้าทาสอีกหลายพันคน นอกจากหานทั่วแล้ว ระดับตบะที่แข็งแกร่งที่สุดก็เพิ่งถึงระดับปราณก่อกำเนิดเท่านั้น
ตระกูลหานคล้ายจะไม่ทราบระดับตบะของหานทั่ว ทั้งยังมีความบาดหมางขัดแย้งกับตระกูลอื่นๆ ที่อยู่ในเมืองเดียวกัน
หานเจวี๋ยถอนสายตากลับมา ฝึกบำเพ็ญต่อไป
สำหรับตระกูลหานสายนี้เขาไม่ให้การยอมรับ ยิ่งไม่มีทางยื่นมือเข้าค้ำจุนพวกเขา
แม้ว่าจะมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด แต่ในด้านความรู้สึกทั้งสองฝ่ายแทบจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
หานเจวี๋ยอยากปกป้องดูแลหานทั่วเท่านั้น ส่วนตระกูลหาน ก็ขึ้นอยู่กับหานทั่วแล้วว่าอยากปกป้องดูแลหรือไม่
ถึงแม้การฝึกบำเพ็ญจะน่าเบื่อ แต่หานเจวี๋ยก็ไม่คิดหาเรื่องลำบากใส่ตัวเพิ่ม
หานเจวี๋ยเริ่มคาดหวังแล้วว่าครั้งนี้ตนจะฝึกฝนร่างจำลองเทพมารฟ้าบุพกาลได้ถึงไหน
สิบปีต่อมา
หานเจวี๋ยได้ร่างจำลองเทพมารเพิ่มสิบสี่ตน แบ่งออกเป็น เทพมารพิสดาร เทพมารหมื่นชั่ง เทพมารเสื่อมสูญ เทพมารแดนสรวง เทพมารเอกอนันต์ เทพมารวาที เทพมารวังเวง เทพมารเสมือนมรรค เทพมารจิตมาร เทพมารไร้ตัวตน เทพมารกลืนแสง เทพมารตื่นจำศีล เทพมารกลืนพิรุณ เทพมารตรึงมรรค
เดิมทีเขาต้องการฝึกฝนต่อ จนปัญญาที่ปรากฏความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ขัดจังหวะการฝึกของเขา
เขาลืมตามองออกไป
มองเห็นทางทิศตะวันออกของแดนเซียน สุดปลายขอบโลก มีหมอกดำตลบอบอวลลุกลามออกมาจากแดนต้องห้ามอันธการ แผ่โขมงขยายไกล ทรงพลังเกินต้านทาน
ผู้บำเพ็ญลึกลับหลายสิบคนพลันปรากฏตัวขึ้น ร่วมมือกันจัดการหมอกดำ แต่ทันทีที่พลังเวทของพวกเขาสัมผัสหมอกดำ ก็จะหายวับไปทันที ไม่เกิดผลลัพธ์ใดๆ เลย
“เกิดอะไรขึ้น”
“หมอกนี้ประหลาดนัก คงมิใช่ว่ามารสวรรค์บุกโจมตีอีกแล้วกระมัง”
“เห็นทีต้องรายงานเมืองฟ้าบุพกาลแล้ว”
“ศิษย์น้องสาม เจ้าจงไปที่เมืองฟ้าบุพกาลเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!”
ศิษย์ที่ประจำการอยู่ ณ ปลายขอบฟ้าทิศตะวันออกมาจากนิกายเจี๋ย ระดับบำเพ็ญอย่างน้อยที่สุดก็ระดับเทพ ผู้นำกลุ่มคือเซียนทองต้าหลัว แต่พวกเขาร่วมมือกันแล้วยังไม่อาจชะลอความเร็วของหมอกดำได้เลย ทำให้พวกเขาตื่นตระหนก
หานเจวี๋ยมองหมอกดำที่อยู่ไกลออกไปกวาดม้วนเข้ามาหาแดนเซียน คิ้วของเขาขมวดแน่น
หมอกดำนี้ผิดปกติ
มิใช่มารสวรรค์ แต่ก็คล้ายกันอยู่บ้าง
หรือจะเป็นมารมรรคาจากแดนเทพหวนปัจฉิม?
หานเจวี๋ยสงสัยยิ่ง ทว่าไม่ได้คิดจะลงมือ ถึงฟ้าจะถล่มลงมาก็ยังมีอริยะรายอื่นค้ำยันอยู่
เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
วันนั้น เทพสูงสุดหนานจี๋และมหาจักรพรรดิเซียวเร่งรุดไปที่ชายขอบแดนเซียน ใช้พลังเวทอันล้นเหลือของตนสกัดกั้นการรุกคืบของหมอกดำได้สำเร็จ แต่ก็ทำได้เพียงสกัดกั้น ไม่อาจขจัดหมอกดำได้
[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]
….
คนผู้นี้เริ่มรัวคำขอมาอีกครั้ง ไม่ได้ทำเช่นนี้มานานมากแล้ว คาดว่าคงเกี่ยวข้องกับหมอกดำนอกแดนเซียน
หานเจวี๋ยใคร่ครวญดูครู่หนึ่งยังคงเลือกยอมรับ
หลังเข้าสู่แดนความฝัน ฉิวซีไหลพุ่งเข้ามาหาทันที เอ่ยด้วยความร้อนรน “จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการบุกโจมตี เจ้าต้องออกโรงแล้ว พวกเราเหล่าอริยะมรรคาสวรรค์มิใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการหรือ
หานเจวี๋ยสอบถาม “ผู้ใดบอกมา”
“หลี่มู่อี! เขาเคยเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ รู้ดียิ่ง เขาบอกว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการอาจจะตามมาสังหารเขา”
“ใช่หรือ”
หานเจวี๋ยไม่เชื่อ เขาเคยทำนายดูมาก่อน ยังมีเวลาอีกนานกว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการจะมาโจมตีแดนเซียน
“เป็นความจริง!”
“ได้!”
หานเจวี๋ยสลายแดนความฝัน จิตรับรู้กลับสู่ความเป็นจริง
‘ข้าอยากรู้ว่าหมอกดำที่เข้าโจมตีแดนเซียนมีที่มาอย่างไร’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยเจ็ดหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
เงาร่างหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองของหานเจวี๋ย อักษรแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
[หลัวโหว: อริยะเสรีระยะสมบูรณ์ ปฐมบรรพชนมาร มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต บุตรแห่งมรรคาสวรรค์ ร่างมารบรรพชนเต๋า]
เหตุใดจึงเป็นเขา
หานเจวี๋ยทรุดนั่งด้วยความตกใจ ไม่กล้าไปช่วยสนับสนุนแล้ว
เขาจะต่อกรกับอริยะเสรีระยะสมบูรณ์ได้อย่างไร
ช้าก่อน!
หลี่มู่อีจะจำผิดคนไปได้อย่างไร
หรือว่าหลัวโหวมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...