สรุปตอน บทที่ 576 เผ่าเรืองนามเผยตัว จอมอริยะเสวียนตู – จากเรื่อง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet
ตอน บทที่ 576 เผ่าเรืองนามเผยตัว จอมอริยะเสวียนตู ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 576 เผ่าเรืองนามเผยตัว จอมอริยะเสวียนตู
หานทั่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจยิ่ง ชายวัยกลางคนได้ฟังก็รีบเอ่ยขออภัย
สองพ่อลูกพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ชายวัยกลางคนขอตัวลากลับไปคัดเลือกศิษย์ที่เหมาะสม
หานทั่วมองแผ่นหลังเขาที่ก้าวลงเขาไป อดถอนหายใจไม่ได้
ทุกครั้งที่เห็นบุตรธิดา หานทั่วจะนึกถึงภรรยาที่ตายไปแล้วของตน เหตุผลที่เขามาแต่งงานมีครอบครัวในโลกมนุษย์ก็เพื่อหาประสบการณ์เท่านั้น ทำให้กระจ่างแจ้งสภาวะจิตใจของตนมากขึ้น
ภรรยาในแดนเซียนสิ้นชีพด้วยน้ำมือศัตรู ภรรยาในโลกมนุษย์สิ้นอายุขัยด้วยความชรา
เดิมทีหานทั่วคิดว่าชีวิตนี้จะดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไม่นึกเลยว่าบุตรธิดาจะเลียนอย่างเขา ต้องการแสวงหาวิถีแห่งเซียนเช่นกัน
ตอนแรก หานทั่วยังคงมีความหวังในตัวบุตรธิดาอยู่ จนปัญญาที่บุตรชายของเขาก้าวเดินผิดทาง เปี่ยมความมุ่งมาดปรารถนาในอำนาจ กลับเป็นบุตรสาวของเขาที่ยังคงสงบใจแสวงหามรรควิถีมาโดยตลอด
หานทั่วพลันนึกถึงบิดาของตน
ตอนนั้นหานเจวี๋ยดูแลเขาอย่างไรกันนะ
เมื่อหวนนึกถึงคำพูดเหล่านั้นของหานเจวี๋ย เขาค่อยๆ เหม่อลอยไปอีกครั้ง
หรือเขาจะไม่มีคุณสมบัติเป็นบิดาใครได้จริงๆ
“ท่านพ่อ หากท่านยังมีชีวิตอยู่ บางที…เฮ้อ ล้วนต้องโทษตัวลูกเองที่ตามหายาอายุวัฒนะไปให้พวกท่านไม่ทันเวลา”
หานทั่วพึมพำกับตัวเอง เขาส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่คิดมากอีก
อยู่โลกมนุษย์มายาวนานถึงเพียงนี้ สมควรกลับไปได้แล้ว
ครึ่งเดือนต่อมา
ชายวัยกลางคนพาเด็กหนุ่มคนหนึ่งมา หานทั่วให้เด็กหนุ่มเข้าไปในอารามเต๋า
เด็กหนุ่มคุกเข่าคำนับบนพื้นด้วยความนอบน้อม แม้อายุเพียงสิบสี่ปี แต่บุคลิกกลับสุขุมนัก
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด หานทั่วนึกถึงตัวเองในยามเยาว์วัยขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
หน้าตาเหมือนเขาจริงๆ
หานทั่วเริ่มถ่ายทอดมรรควีถีให้
….
สามร้อยปีผ่านไป
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สามร้อยปีมานี้นับว่าได้ผ่อนคลายบ้างแล้ว ทำให้ในที่สุดอารมณ์ของเขาก็เบิกบานขึ้นมา
เขาลุกขึ้นยืน ตัดสินใจแสดงธรรมให้สำนักซ่อนเร้น
ไม่ได้แสดงธรรมมาหลายพันปี สมควรแสดงธรรมได้แล้ว
“เตรียมสดับธรรม”
เสียงหานเจวี๋ยแว่วดังไปทั่วเขตเซียนร้อยคีรี ศิษย์ทั้งหมดพากันออกจากการปิดด่าน
ยังคงแสดงธรรมแห่งมหามรรคต้นกำเนิด เทศนาเป็นเวลาร้อยปี
หนึ่งร้อยปีต่อมา หานเจวี๋ยหยุดเทศนาธรรม ทอดสายตามองเขตเซียนร้อยคีรี
เวลาผ่านมานานขนาดนี้ สำนักซ่อนเร้นยังคงปรากฏผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศบางส่วนขึ้น เหล่าศิษย์สืบทอดส่วนใหญ่ต่างรับศิษย์กันแล้ว แม้แต่ไก่คุกรัตติกาลก็รับศิษย์เช่นกัน
หานเจวี๋ยประมาณการณ์ไว้ว่าอีกหนึ่งแสนปีให้หลัง นอกจากเผ่าเอกาแล้ว สำนักซ่อนเร้นต้องมีระดับเทพปรากฏเพิ่มขึ้นอย่างน้อยๆ ห้าพันคน
อีกสิบล้านปีให้หลังจะมีเซียนทองต้าหลัวปรากฏขึ้นหนึ่งร้อยคน น่าจะมีหวังอยู่บ้าง!
ทั่วทั้งแดนเซียนยังไม่แน่เลยว่าจะมีเซียนทองต้าหลัวถึงร้อยคน ดังนั้นจิตนาการได้เลยว่าอีกสิบล้านปีให้หลังสำนักซ่อนเร้นจะแกร่งกล้าเกรียงไกรแค่ไหน
เพียงแต่…
สิบล้านปีนานเกินไปแล้ว!
หานเจวี๋ยอายุยังไม่ถึงแสนปีด้วยซ้ำ
บางครั้ง คุณสมบัติยอดเยี่ยมเกินไปก็น่าหงุดหงิด เพียงเพราะรังเกียจที่เวลาเชื่องช้าเกินไป
หลังแสดงธรรมจบ หานเจวี๋ยกลับไปที่อารามเต๋า
เขาเริ่มตรวจดูจดหมาย ไม่ได้ดูมานาน ไม่ทราบเลยว่าระยะนี้แวดวงสหายเป็นอย่างไรบ้าง
[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านเผชิญกับการปราบปรามจากโพธิสัตว์จุนทีศัตรูคู่อาฆาตของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[หานทั่วบุตรชายของท่านพลัดหลงเข้าสู่แดนชำระบาปเก้าขุม]
[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเจียงตู๋กูสหายของท่าน]
[สือตู๋เต้าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากหลี่เต้าคงสหายของท่าน]
[จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[จิ่งเทียนกงสหายของท่านก่อตั้งลัทธิอันธการขึ้น]
จากนั้นหานเจวี๋ยหลับตาลง ฝึกบำเพ็ญต่อ
….
ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม
ฉิวซีไหล เทพสูงสุดอู๋ฝ่า เทพสูงสุดหนานจี๋ ฝูซีเทียน เจ้านิกายเทียนเจวี๋ย มหาจักรพรรดิเซียว และจักรพรรดินีผืนพิภพต่างมารวมตัวกันในอาณาเขตเต๋าของหลี่มู่อี เหล่าอริยชนต่างมีสีหน้าตึงเครียด สายตาล้วนจับจ้องโพรงแสงแห่งหนึ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศ มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบไร้สุ้มเสียง น่าตระการตาทั้งยังน่าประหลาดใจ
จักรพรรดินีผืนพิภพทนไม่ไหวถามว่า “ผู้ใดจะมา”
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยตอบนิ่งๆ “ไม่ทราบแน่ชัด หากว่าอริยะทรงศักดิ์ไม่ได้รับศิษย์ใหม่ในแดนเทพหวนปัจฉิม ผู้มาน่าจะเป็นผู้อาวุโสท่านนั้น”
จักรพรรดินีผืนพิภพขมวดคิ้ว
เทพสูงสุดหนานจี๋มองไปที่ฉิวซีไหล เอ่ยขึ้น “เหตุใดเจ้าถึงสงบนิ่งได้ขนาดนี้ หลี่มู่อีต้องตายก็เพราะเจ้า!”
“หากเขาไร้จุดประสงค์ ไหนเลยจะเห็นด้วยกับแผนการของข้า อีกทั้งข้าก็ไม่ได้บีบบังคับเขา” ฉิวซีไหลส่ายหน้ากล่าววาจา
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยอดแค่นเสียงใส่ไม่ได้
อริยะที่เหลือก็เขม่นฉิวซีไหลยิ่งนักเช่นกัน
คนผู้นี้หน้าหนามากจริงๆ
ในเวลานี้เอง แรงกดดันมหาศาลประการหนึ่งแผ่ขยายออกมาจากโพรงแสง
มองเห็นชายชราในชุดคลุมสีเทาเรือนผมขาวโพลนคนหนึ่งก้าวออกมา เขาถือแส้ปัดธุลีไว้ในมือ กระบี่ยาวเล่มหนึ่งที่เรืองแสงสีครามลอยอยู่ด้านหลัง มีฐานดอกบัวเล็กๆ เชื่อมติดอยู่ที่ด้ามกระบี่
นอกจากจักรพรรดินีผืนพิภพและฝูซีเทียนแล้ว อริยะที่เหลือต่างพากันทำความเคารพ เปล่งเสียงพร้อมกันว่า “น้อมคารวะจอมอริยะเสวียนตู”
จอมอริยะเสวียนตูสีหน้าท่าทางเฉยเมย เอ่ยว่า “เรื่องมรรคาสวรรค์ข้ารับรู้แล้ว อริยะทรงศักดิ์ให้ข้ามาดูแลนิกายเหริน หวังว่าวันหน้าทุกท่านจะไม่สร้างความลำบากใจให้นิกายเหริน”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น”
เหล่าอริยชนขานรับอีกครั้ง
จอมอริยะเสวียนตูมองไปที่ฉิวซีไหล ถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงตัดบ่วงกรรมกับท่านผู้นั้น”
ฉิวซีไหลกล่าว “ข้าถูกหานเจวี๋ยจับตัวไป กระทำไปด้วยความจำเป็น หัวใจของข้ายังคงภักดีต่อสำนักพุทธ”
ดวงตาของจอมอริยะเสวียนตูพลันฉายแววลุ่มลึก ราวกับจะมองฉิวซีไหลให้ทะลุปรุโปร่ง
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...