ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 607

บทที่ 607 คนชุดขาว บรรพชนพุทธเบิกนภา

เมฆาครึ้มม้วนตลบ ฟ้าดินเต็มไปด้วยแรงกดดัน

ดินแดนทุรกันดารกว้างขวางไร้ขอบเขต รอบข้างเวิ้งว้างมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

หานทั่วและอี๋เทียนพักอยู่ในซากปรักหักพังกองหนึ่ง ทั้งสองมีสภาพระโหยโรยแรงยิ่ง กำลังนั่งสมาธิรักษาอาการบาดเจ็บ

อี๋เทียนลืมตาขึ้น เอ่ยว่า “เจ้าว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหนกัน ปราณฟ้าประทานของที่นี่พลุ่งพล่านยิ่งนัก แต่ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา พบเห็นสิ่งมีชีวิตน้อยยิ่ง และดูไม่คล้ายแดนเล็กแดนน้อยแห่งใด”

หานทั่วลืมตาขึ้นมาเช่นกัน กล่าวตอบ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้ากำลังคิดอยู่ว่าเหตุใดพวกเราถึงสามารถหลบหนีออกมาได้ เจ้าไม่รู้สึกว่าง่ายดายเกินไปหรือ ราวกับมีคนจงใจชักนำพวกเรามายังสถานที่แห่งนี้”

อี๋เทียนขมวดคิ้ว พอพูดมาเช่นนี้ก็ดูผิดปกติจริงๆ

“ระวังตัวไว้หน่อย อีกสองชั่วยามให้หลังเราย้ายที่กันเถอะ ข้ารู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังจับตามองพวกเราอยู่ตลอด”

หานทั่วเอ่ยเสียงแผ่ว เหลือบตามองคันธงเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้าง สิ่งนี้คือสมบัติวิเศษของเขา ตรวจจับการเข้าใกล้ของวิญญาณร้ายได้

อี๋เทียนสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง เพราะมีหานทั่วอยู่ด้วย เขาจึงไม่ตระหนกเสียขวัญ

ทั้งสองผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันมากมายเหลือเกิน ต่างรู้สึกไว้วางใจในตัวกันและกัน

สองชั่วยามต่อมา

ขณะที่ทั้งสองเตรียมจะจากไป

ในเวลานี้เอง จู่ๆ หานทั่วก็หยุดชะงัก ยกมือขึ้นห้ามอี๋เทียน

สายตาของอี๋เทียนจับจ้องออกไปเบื้องหน้า ไกลออกไปหลายสิบลี้มีคนชุดขาวผู้หนึ่งนั่งสมาธิอยู่กลางอากาศ เขาสวมหน้ากากศิลาเอาไว้ เกศาขาวปลิวไสวตามแรงลม แทบจะปราศจากกลิ่นอายแล้ว

ทั้งสองต่างสัมผัสถึงกลิ่นอายของเขาไม่ได้ แต่ยังคงมองเห็น

ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง ใจสื่อถึงกันยิ่ง หันหลังจากไปทันที หลบหนีด้วยความเร็วเต็มพิกัด เคลื่อนที่ไปอย่างต่อเนื่อง ออกจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว

หลายวันต่อมา

คนทั้งสองหยุดลง สภาพแวดล้อมรอบข้างยังคงเป็นแดนกันดารรกร้างว่างเปล่า ห่างออกไปไม่ไกลมีซากกระดูกขาวโพลนโครงหนึ่งที่ใหญ่โตราวกับทิวเขา น่าหวาดผวาอย่างยิ่ง

“สมควรตาย หรือพวกเราจะติดอยู่ในค่ายกล ไม่ว่าจะไปที่ใด ล้วนรู้สึกว่าเหมือนกันไปหมด” อี๋เทียนก่นด่า แทบจะทรุดฮวบแล้ว

ดีร้ายอย่างไรพวกเขาก็เป็นถึงระดับเทพ เหาะมานานขนาดนี้เพียงพอจะท่องได้ทั่วแดนเซียนแล้ว แต่เมื่อพวกเขาอยู่ที่นี่ กลับหาทางออกไม่พบเลย

พวกเขาเคยลองเหาะขึ้นสู่ด้านบนแล้ว แต่เมฆาครึ้มบนฟากฟ้าเต็มไปด้วยไอชั่วร้าย สกัดขวางพลังเวทของพวกเขา ทำให้พวกเขาฝ่าออกไปไม่ได้

หานทั่วเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่เวลานี้ไม่อาจลนลานได้ เขาเอ่ยขึ้นว่า “น่าจะมิใช่ โครงกระดูกนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ แต่สถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่เกินไปแล้ว มีสถานที่ใดบ้างเล่าที่ใหญ่โตกว่าแดนเซียน”

สีหน้าอี๋เทียนแปรเปลี่ยน เอ่ยพึมพำ “หรือจะเป็นแดนเทพหวนปัจฉิมในตำนาน”

“แดนเทพหวนปัจฉิมหรือ แดนเทพหวนปัจฉิมมิใช่ห้วงอวกาศเช่นเดียวกับเขตฟ้าบุพกาลหรือ”

“ใครจะไปรู้”

ทั้งสองเริ่มกระซิบกระซาบพูดคุยกัน

อี๋เทียนคล้ายจะรับรู้ถึงบางอย่างได้ เงยหน้าขึ้นทันที ม่านตาของเขาพลันขยายตัว หยิบสมบัติวิเศษออกมาตามสัญชาตญาณเตรียมพร้อมต่อสู้

คนชุดขาวลึกลับที่พวกเขาพบเมื่อหลายวันก่อนปรากฏตัวขึ้นที่นี่

หานทั่วก็ตกใจเช่นกัน พวกเขาไม่หลบหนีอีกต่อไป สามารถไล่ตามมาทันได้เช่นนี้ จะหนีไปไยเล่า

หานทั่วถามเสียงเข้ม “ท่านมีเจตนาใดกันแน่”

คนชุดขาวตะลึงไปแวบหนึ่ง “พวกเจ้ามองเห็นข้าหรือ”

“ไร้สาระ!”

อี๋เทียนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ หากมิใช่เพราะหยั่งวัดพลังของอีกฝ่ายไม่ได้ เขาคงลงมือไปนานแล้ว

คนชุดขาวเงียบไป

หานทั่วและอี๋เทียนตึงเครียดอย่างยิ่ง

ในช่วงที่พวกเขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว คนชุดขาวพูดขึ้นว่า “บนร่างพวกเจ้ามีปรานอันธการอยู่ หากอยู่ในแดนเทพหวนปัจฉิมต่อไป จะถูกกำจัดทิ้ง รีบออกไปเถอะ”

เขาสะบัดแขนเสื้อ หานทั่วและอี๋เทียนรู้สึกเพียงว่าฟ้าดินพลิกหมุน วิงเวียนมึนงง

เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาอยู่ในห้วงอวกาศมืดมัว

อี๋เทียนคลำศีรษะ กัดฟันกล่าว “พวกเราออกมาได้แล้วหรือ”

หานทั่วมิได้ตอบ เขาขมวดคิ้วแน่น

‘คนเมื่อครู่นั้นเป็นผู้ใดกันแน่’

ในเวลานี้เอง พลันปรากฏแรงดึงดูดมหาศาลขึ้นด้านหน้า ดูดตัวพวกเขาเข้าไป

แม้ว่าจะเป็นตัวตนระดับเทพอย่างพวกเขาก็ไร้กำลังจะต้านทานได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ