เห็นแต่กวนโยวกังกำลังเหลือบมองเขาจากบนยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปหลายลี้ อาภรณ์สีขาวโบกสะบัด ใบหน้ามั่นอกมั่นใจ
หานเจวี๋ยเปิดเขตอาคมไว้ในระหว่างฝ่าด่านเคราะห์ ดังนั้นอานุภาพกดดันของเคราะห์สวรรค์จึงไม่ได้น่ากลัวปานนั้น เป็นเหตุให้กวนโยวกังคิดว่าหานเจวี๋ยทะลวงระดับอย่างเงียบเหงา
“เฮ้อ ร้อยวันพันปีไม่มา กลับมาเอาตอนนี้”
หานเจวี๋ยส่ายหัวหลุดหัวเราะ ทำตบะให้เสถียรต่อ
สี่วันต่อมา
ตบะของหานเจวี๋ยมั่นคงสมบูรณ์ พลังวิญญาณหกสายเหนือชั้นกว่าเมื่อก่อนไปไกล
เขาลุกขึ้นมา ก้าวเท้าเหยียบย่างไปบนเวหา มุ่งหน้าไปหากวนโยวกัง
กวนโยวกังอดรนทนไม่ไหวนานแล้ว
เขาคร้านจะแสดงไมตรีจิต หยิบดาบออกมาแล้วทะยานเข้าหาหานเจวี๋ยทันที
ขณะที่โบยบินไป มือทั้งสองข้างของเขาสำแดงวิชาอย่างรวดเร็ว
พลังวิญญาณทั้งร่างเคลื่อนไหว ทำให้เสื้อคลุมของเขาสั่นไหวไม่หยุด
‘ขอเพียงข้าเอาชนะเขาได้ ข้าย่อมได้เป็นเจ้าสำนักของสำนักหยกพิสุทธิ์! ถึงเวลานั้นศิษย์น้องซีเสวียนต้องยินดีแต่งงานกับข้าแน่นอน!’
ดวงตาของกวนโยวกังลุกโชน เมื่อจินตนาการถึงอนาคตที่สวยงามนั้น ทั่วทั้งร่างเขาเหมือนติดไฟก็ไม่ปาน
เขาเตรียมแสดงพลังวิเศษชั้นยอดที่เพิ่งบรรลุเมื่อไม่นานมานี้ออกมา หวังปลิดชีพอีกฝ่ายทันที!
ฟิ้ว!
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นมา!
ปราณกระบี่!
กวนโยวกังเบิกตากว้าง คิดจะต้านไว้ตามจิตใต้สำนึก
ทว่า ปราณกระบี่นี้รวดเร็วยิ่งนัก!
เร็วจนผู้แข็งแกร่งระดับเปลี่ยนวิญญาณอย่างเขาไม่อาจตอบโต้ได้ทัน!
ฉึก!
ปราณกระบี่จากวิชาดรรชนีกระบี่เทพแทงทะลุท้องของกวนโยวกัง โจมตีพลังวิญญาณในร่างเขาจนแตกซ่าน
กวนโยวกังกระอักโลหิตตัวปลิวออกไปราวกับว่าวไร้สายป่าน ก่อนจะตกลงบนเนินเขา
เมื่อตกสู่พื้น เขารีบใช้มือกุมท้อง กระอักโลหิตออกมาอีกอย่างทนไม่ไหว
กลิ่นอายพลังทั้งร่างเขาเหือดแห้งไปในชั่วพริบตา
แห้งไปแล้ว!
“เป็นไปได้อย่างไร…”
กวนโยวกังราวถูกฟ้าผ่า ปากอ้าตาค้างจ้องไปยังหานเจวี๋ยที่กำลังเหยียบอากาศมาหาตน
หานเจวี๋ยที่สวมอาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองมีบุคลิกน่าตะลึง บนศีรษะสวมมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์ รอบเอวคาดเข็มขัดเก็บสมบัติขนาดเล็ก เท้าสองข้างสวมรองเท้าวิเศษเก้าดารา ก่อนหน้านี้ระหว่างที่หานเจวี๋ยเข้าฌานอยู่ กวนโยวกังสัมผัสไม่ได้สักเท่าไร
ยามนี้เมื่อได้เห็นหานเจวี๋ยอีกครา เขารู้สึกราวกับเห็นเทพเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์
โดยเฉพาะใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั้น
หากโลกนี้มีเทพเซียนอยู่จริง
น่าจะเป็นเช่นนี้เอง
‘ช้าก่อน!
นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่’
กวนโยวกังตกใจตื่นทันควัน จากนั้นความรู้สึกพ่ายแพ้ไม่รู้จบสิ้นก็พรั่งพรูขึ้นมาในใจ
ไม่นึกว่าเพียงกระบี่เดียวของฝ่ายตรงข้ามเขาก็ยังรับมือไม่ได้…
ช่างน่าขัน…
ก่อนหน้านี้เขายังหัวเราะลั่นหมายจะเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีกระบวนท่าเดียว ผลลัพธ์กลับเป็นตัวเขาเองที่ถูกโจมตีพ่ายแพ้ในหนึ่งครั้ง…
เวลานี้ กวนโยวกังอยากแทรกแผ่นดินหนีแทบทนไม่ไหว
หานเจวี๋ยลอยลงมาตรงหน้าเขา
กวนโยวกังก้มศีรษะต่ำ รู้สึกอับอายขายหน้าเป็นที่สุด ไม่กล้าสบตาหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบาว่า “อย่าได้เสียใจไปเลย เจ้าน่ะแข็งแกร่งแล้ว แต่เจ้าเลือกคู่ต่อสู้พลาดไปเท่านั้น ทั่วทั้งสำนักหยกพิสุทธิ์ ก็มีเพียงเจ้าที่คู่ควรให้ข้าลงมือ”
สิ้นเสียงเอ่ย หานเจวี๋ยก็หายตัวไป
กวนโยวกังอึ้งงัน
เขามิได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังคุยโว กลับพูดปลอบใจอยู่น้อยๆ เสียด้วยซ้ำ
“ผู้อาวุโสสังหารเทพ…แท้จริงแล้วท่านแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่…”
……
หานเจวี๋ยออกจากแดนหมื่นปีศาจอย่างรวดเร็ว และไม่ได้หยุดพักที่เมืองสำนักฝ่ายใน
หากแต่กลับไปยังภูเขาที่ตนฝึกบำเพ็ญอยู่
จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
ร่างของเขากะพริบหายมาปรากฏตัวที่ตีนเขา
มือขวาเริ่มร่ายวิชา จากนั้นดินพลันผุดขึ้นสูง รวมตัวกันเป็นแผ่นศิลาอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยใช้นิ้วแทนพู่กัน สลักตัวอักษรลงบนแผ่นศิลา
ตัวอักษรสี่ตัว
เพียรบำเพ็ญเซียน!
จากนี้ไปนี่คือชื่อของภูเขาลูกนี้
เขาเพียรบำเพ็ญเซียน
หานเจวี๋ยยิ้มอย่างพอใจ และกลับขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง
ไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นยังคงฝึกฝนอยู่
สิงหงเสวียนไม่รู้ว่าไปที่ใด ไม่ได้อยู่ที่ถ้ำเทวา
หานเจวี๋ยคุยกับไก่คุกรัตติกาลและสุนัขสวรรค์ฮุ่นตุ้นราวครึ่งชั่วยาม ก่อนจะกลับเข้าไปในถ้ำเทวา
หานเจวี๋ยนั่งขัดสมาธิลงบนเตียง หยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา
ตัวกระบี่เล่มนี้มีสีแดงเข้ม มีลายเส้นสีดำบางๆ ทำให้กระบี่ดูพิเศษยิ่งขึ้น
เมื่อถือกระบี่เล่มนี้ไว้ หานเจวี๋ยเกิดความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
เขาส่งพลังวิญญาณเข้าไปในกระบี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...