บทที่ 620 เจตนาของจักรพรรดิสวรรค์ สรรพสิ่งคงเดิมผู้คนแปรเปลี่ยน
“แดนเซียนในยามนี้ ยังจะมีผู้ใดกล้าสาปแช่งหานเจวี๋ยอีก เช่นนั้นไม่เท่ากับหาที่ตายหรอกหรือ มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ อีกฝ่ายเป็นผู้หนุนหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ พวกเจ้าคิดดูสิ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ มีความเกี่ยวข้องกันชัดๆ!”
ฉิวซีไหลเอ่ยเสียงขรึม ในฐานะทาสรับใช้ของหานเจวี๋ย เขาย่อมต้องช่วยพูดให้หานเจวี๋ย
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าก็เอ่ยตาม “ใช่แล้ว หากพวกเราเหล่าอริยะขัดแย้งกับหานเจวี๋ย ผู้ใดจะได้ประโยชน์ที่สุดเล่า”
จอมอริยะเสวียนตูถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนพวกเราต้องติดต่อไปหาทางแดนเทพหวนปัจฉิมเสียแล้ว ตรวจสอบความเป็นมาของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ”
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเลื่องชื่อลือชาในเรื่องสาปแช่ง แทรกแซงรูปการณ์โดยรวมของมหาเคราะห์ครั้งก่อน ทำให้มรรคาสวรรค์พังทลาย จำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่ ตอนนี้โผล่หัวออกมาอีกครั้งแล้ว พวกเราจำเป็นต้องระวังไว้ จะให้มรรคาสวรรค์ต้องเริ่มต้นขึ้นใหม่เป็นครั้งที่สองไม่ได้!”
จอมอริยะเสวียนตูมองไปที่ฉิวซีไหล อริยะรายอื่นก็เช่นเดียวกัน
ในมหาเคราะห์ครั้งก่อน อริยะมิ่งจีใช้พลังวิเศษทำลายมรรคา กวาดล้างสรรพสิ่ง ทำให้ดวงชะตามรรคาสวรรค์ถูกสะบั้นโดยตรง ยามนี้เหลือเพียงฉิวซีไหลแล้วที่สามารถใช้พลังวิเศษทำลายมรรคาได้
หากว่าฉิวซีไหลหักหลังพวกเขา เกรงว่า…
ฉิวซีไหลแค่นเสียง “อย่ามองข้าเช่นนี้ ข้าไม่มีทางก่อเรื่องแน่”
ไม่นานนัก เหล่าอริยชนต่างก็แยกย้ายกันไป
การมาเยือนของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการทำให้เงามืดเข้าปกคลุมจิตใจของพวกเขา
….
เมื่อกลับถึงเขตเซียนร้อยคีรี หานเจวี๋ยนั่งบนบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร พรูลมหายใจออกมา
ละครฉากนี้ใช้ได้แล้วกระมัง!
หานเจวี๋ยคิดจะรอให้ผ่านไปสักระยะแล้วค่อยสาปแช่งอีกครั้ง
การสาปแช่งครานี้ผลาญอายุขัยเขาไปกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านล้านปี ถึงแม้อายุขัยของเขาจะมีนับแสนล้านล้านล้านปี แต่ก็นับว่าใช้ไปมากโข
‘เห็นทีว่าหากคิดจะใช้หนังสือแห่งความโชคร้ายสาปแช่งอริยะมหามรรคและดวงจิตมหามรรค น่าจะยากเย็นเกินไป คงทำได้เพียงหาทางทำให้พวกเขาตีกันเอง’
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าในส่วนรายละเอียดตนทำได้ยอดเยี่ยมมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวล เมื่อเวลาผ่านไป ลำธารสายน้อยย่อมกลายเป็นแม่น้ำ
ผู้ทรงพลังยี่สิบหกคนนั้นอย่าหมายจะได้อยู่ดี!
หานเจวี๋ยหลับตาลง เข้าสู่สภาวะบำเพ็ญอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่ง
ณ ชั้นฟ้าที่เก้า
ฟางเหลียงเดินเข้าสู่พระราชวังเทียมเมฆา เมื่อเห็นพระราชวังเทียมเมฆาเปลี่ยวร้างวังเวง เขาก็ตกอยู่ในความสะท้อนใจไม่รู้จบ
หลี่เต้าคง หานอวี้ ยอดแม่ทัพเทพและเมิ่งเซียวเดินตามหลังเข้ามา
นอกตำหนักมีเทพเซียนยืนคอยอีกมากมาย ล้วนเป็นคณะผู้ติดตามของฟางเหลียง
หลี่เต้าคงขมวดคิ้วอยู่ตลอด ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ฟางเหลียงหันกลับไป มองหานอวี้พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สหายน้อยหานอวี้ ต้องการเป็นเทพแห่งวิถีสวรรค์ของข้าหรือไม่”
หานอวี้หน้าตาเหมือนหานเจวี๋ยเหลือเกิน เขาเคยทำนายดูแล้ว เด็กคนนี้เป็นชนรุ่นหลังของหานทั่ว อาจจะมีหานเจวี๋ยคอยเกื้อหนุนอยู่เบื้องหลังก็เป็นได้
หานอวี้ได้ฟังก็หันไปมองหลี่เต้าคง
หลี่เต้าคงคืออาจารย์ของเขา เขาเชื่อฟังหลี่เต้าคง
หลายปีมานี้ เขารู้ความมากขึ้นจริงๆ
ในอดีต เผ่าสวรรค์สูงส่งเหนือปวงชน เขาไม่มีทางได้ติดต่อเข้าใกล้ หลังจากติดตามหลี่เต้าคง แม้แต่ผู้นำสวรรค์และรองผู้นำเผ่าสวรรค์ล้วนอยากดึงเขาไปเป็นพวก
ความเคารพเลื่อมใสที่เขามีต่อหลี่เต้าคงบรรลุถึงขีดสูงสุดแล้ว
อาจารย์ร้ายกาจจริงๆ!
หลี่เต้าคงเปิดปากเอ่ย “ฟางเหลียง เจ้าสถาปนาวิถีสวรรค์ ซ้ำยังอ้างนามบรรพชนเต๋า ตอนนี้เจ้ายืนอยู่ฝ่ายไหนกันแน่”
ฟางเหลียงเงียบไป
ยอดแม่ทัพเทพไม่ได้สอดปากแทรก ถึงอย่างไรเขาก็ติดตามฟางเหลียง
ฟางเหลียงเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้าจะกลายเป็นบรรพชนเต๋า ถึงวันหน้าได้ควบคุมมรรคาสวรรค์ ก็ไม่มีทางลืมเลือนพระคุณที่อาจารย์ปู่มีต่อข้า”
“เฮอะ!”
หลี่เต้าคงแค่นเสียงหยัน สะบัดแขนเสื้อจากไป
หานอวี้รีบตามไปด้วย
ฟางเหลียงไม่ได้เอ่ยรั้ง เขาเลือกเส้นทางของตนแล้ว
ในใจเขายังคงเลื่อมใสศรัทธาหานเจวี๋ยเป็นที่สุด แต่เขาไม่คิดจะอยู่ใต้ปีกหานเจวี๋ยไปตลอด เพราะมีศิษย์ที่โดดเด่นกว่าเขามากมาย ได้รับความเอ็นดูจากหานเจวี๋ยมากกว่า
หากเขาอยากยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแดนเซียน ก็ต้องก้าวเดินในเส้นทางของตน
มิเช่นนั้นถึงไม่มีจี้เซียนเสิน ก็ยังมีพวกมู่หรงฉี่ เต้าจื้อจุน เจียงอี้ จ้าวเซวียนหยวนและซูฉีบรรดาศิษย์สืบทอดที่ติดตามคลุกคลีกับหานเจวี๋ยอยู่ตลอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...