ตอน บทที่ 619 เจ้าแดนต้องห้ามอันธการก่อมรสุม จาก ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 619 เจ้าแดนต้องห้ามอันธการก่อมรสุม คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 619 เจ้าแดนต้องห้ามอันธการก่อมรสุม
ณ ส่วนลึกเขตฟ้าบุพกาล
อุกกาบาตใหญ่ยักษ์ก้อนหนึ่งล่องลอยอยู่ท่ามกลางความมืดมิดเวิ้งว้างขุ่นมัว ใจกลางอุกกาบาตมีเงาดำสูงใหญ่กำยำร่างหนึ่งนั่งสมาธิอยู่
เป็นเทพบุพกาล
ไอดำที่ดูโบราณลึกลับพัวพันอยู่ทั่วร่างเทพบุพกาล ยากจะแยกออกจากร่างได้
จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้น ดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางไอดำ ราวกับสามารถมองทะลุผ่านกาลเวลาได้
“ผู้ใดกำลังสาปแช่งข้าอยู่ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะทำนายไม่ได้”
เทพบุพกาลพึมพำกับตัวเอง เขานับนิ้วทำนาย ทำนายพบเพียงหนังสือเล่มหนึ่ง ทว่าทำนายถึงคนที่ใช้หนังสือเล่มนี้ไม่ได้
พลังคำสาปแช่งนี้แกร่งกล้านัก!
เทพบุพกาลนึกถึงเทพมารต้องสาปเป็นอันดับแรก แต่หลังจากเทพมารต้องสาปดับสูญไปหลังศึกเบิกฟ้าของผานกู่ ก็ไม่ถือกำเนิดขึ้นอีกเลย
เป็นผู้ใดกันแน่ที่สาปแช่งเขาอยู่
เทพบุพกาลนึกถึงผู้คนมากมาย ทว่าไม่มั่นใจเลยสักคน
พลังคำสาปแช่งทวีความรุนแรงขึ้น
เทพบุพกาลจำเป็นต้องใช้พลังเวทของตนมาต่อต้านพลังคำสาปแช่ง
ในเวลานี้เอง!
จู่ๆ พลังคำสาปแช่งก็เพิ่มขึ้นฉับพลัน หากก่อนหน้านี้เป็นลำธารสายน้อย เช่นนั้นตอนนี้ก็รุนแรงดั่งกระแสน้ำเชี่ยวกราก ไม่อาจหยุดยั้งได้
“เป็นไปได้อย่างไร!”
เทพบุพกาลตกตะลึงยิ่ง เริ่มใช้พลังทั้งหมดต่อต้าน
….
ภายในอารามเต๋า
ดวงตาสองข้างของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย จ้องมองหน้าต่างค่าสถานะของตนอย่างเอาเป็นเอาตาย
เจ็ดพันล้านล้านปี!
แปดพันล้านล้านปี!
เก้าพันล้านล้านปี!
บัดซบ!
ถ้าเกิดทะลุแสนล้านล้านปีแล้วยังไม่ได้เรื่องอีก หานเจวี๋ยจะล้มเลิกทันที
ตรงหน้าหานเจวี๋ย นอกจากหน้าต่างค่าสถานะแล้ว ยังมีกล่องจดหมายด้วย ทว่ายังไม่มีจดหมายจากเทพบุพกาลปรากฏขึ้นเลย
ขณะที่อายุขัยของหานเจวี๋ยลดลงไปเก้าพันแปดร้อยล้านล้านปี ในที่สุดเขาก็เห็นจดหมายฉบับหนึ่ง เขาหยุดมือแทบจะในทันใด
[เทพบุพกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านมรรคจิตปั่นป่วน เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน พลังแห่งระเบียบอ่อนกำลังลง]
หานเจวี๋ยถอนหายใจยาวๆ รู้สึกสะท้อนใจยิ่ง
สมกับเป็นดวงจิตมหามรรค ถูกสาปแช่งอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ก็เพียงทำให้มรรคจิตปั่นป่วนเท่านั้น ไม่ปรากฏจิตมารขึ้นด้วยซ้ำ
หานเจวี๋ยเริ่มพักผ่อนฟื้นฟู
หลายวันต่อมา เขาฟื้นฟูสู่สภาวะสมบูรณ์ สภาวะจิตก็ฟื้นฟูแล้วเช่นกัน
เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งโพธิสัตว์จุนที
ผู้ทรงพลังในแดนเทพหวนปัจฉิมเหล่านั้นก็ไม่รอดพ้นสักรายเช่นกัน!
ห้าวันต่อมา อายุขัยของหานเจวี๋ยลดฮวบลงอีกครั้ง เขาเรียกหน้าต่างค่าสถานะและกล่องจดหมายออกมาพร้อมกันเหมือนเดิม ก่อนที่จะจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย
เขาไม่เชื่อหรอกว่าโพธิสัตว์จุนทีจะแข็งแกร่งกว่าเทพบุพกาล!
เทพบุพกาลควบคุมระเบียบในเขตฟ้าบุพกาล แค่ฟังดูก็รู้แล้วว่าแข็งแกร่งกว่าโพธิสัตว์จุนที
….
แดนเทพหวนปัจฉิม เมฆาครึ้มม้วนตลบ ยอดเขาขนาดมหึมาลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนดินแดนรกร้างกว้างไกลไร้ขอบเขต มีแสงทองส่องพร่างพราวอยู่บนยอดเขา มีวัดที่ทอแสงทองอร่ามงามตาแห่งหนึ่งอยู่
เขาหลิงซาน วัดเสียงอัสนี!
ณ ชั้นบนสุดของวัดเสียงอัสนี
นักพรตผมขาวโพลนสองคนนั่งสมาธิอยู่ข้างๆ กัน ต่างคนต่างนั่งอยู่บนแท่นดอกบัว
นักพรตคนหนึ่งลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าตึงเครียด ขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “น่าแปลก ข้าถูกสาปแช่ง”
เขาก็คือโพธิสัตว์จุนที
นักพรตอีกคนก็คือโพธิสัตว์เจียอิ๋น
หลังจากบุกเบิกฟ้าดินจุนทีและเจียอิ๋นจำแลงร่างพร้อมกัน ผูกพันดั่งพี่น้อง ภายหลังได้ร่วมกันก่อตั้งศาสนาพุทธนิกายตะวันตก หรือก็คือต้นกำเนิดสำนักพุทธ พวกเขาจับมือกันแสวงหามรรคามาโดยตลอด ไม่เคยแยกจากกันเลย
เจียอิ๋นถามขึ้น “ทำนายพบหรือไม่”
จุนทีส่ายหน้าพลางตอบว่า “ทำนายไม่พบ พบเพียงหนังสือเล่มหนึ่ง”
หนังสือเล่มหนึ่ง?
เจียอิ๋นขมวดคิ้ว
พวกเขาคืออริยะมหามรรค ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะถูกผู้อื่นสาปแช่งทว่าทำนายไม่พบฝ่ายตรงข้าม กล่าวอีกนัยคือฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าพวกเขา
“ช้าก่อน หนังสือเล่มหนึ่งหรือ หรือว่าจะเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ” จุนทีขมวดคิ้วพลางกล่าว
เขาเคยได้ยินฉิวซีไหลเอ่ยถึงเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
เจียอิ๋นเอ่ยถาม “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการอาจจะเป็นหลี่มู่อีหรือไม่ก็เจ้าสำนักซ่อนเร้นมิใช่หรือ หลี่มู่อีสิ้นชีพแล้ว ก็เหลือแค่เจ้าสำนักซ่อนเร้นมิใช่หรือ”
จุนทีไม่เห็นด้วย “เขาไหนเลยจะแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ถึงแม้เขาจะเป็นตัวแปรที่บรรพชนเต๋าพยากรณ์ไว้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะแข็งแกร่งไปกว่าพวกเรากระมัง”
หานเจวี๋ยเดินเข้าไปในตำหนัก จอมอริยะเสวียนตูถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “สหายเต๋าหาน มีเรื่องใดหรือ”
หานเจวี๋ยไม่พูดไม่จา แสงเทพกำบังร่างเขา ทำให้จอมอริยะเสวียนตูมองไม่เห็นสีหน้าของเขา
ผ่านไปไม่นาน อริยะต่างทยอยมาถึง
พวกเขารู้สึกกระสับกระส่ายนัก นี่เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยเรียกรวมตัวพวกเขา
คงมิใช่ว่าเกิดเรื่องขึ้นอีกกระมัง
“ผู้ใดสาปแช่งข้า”
หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเข้ม รังสีกดดันปะทุออกมา ปกคลุมทั่วทั้งตำหนัก เหล่าอริยะถอยหนีด้วยความตกใจ
เทพสูงสุดหนานจี๋รีบเอ่ยว่า “สหายเต๋าหาน เจ้าก็ถูกสาปแช่งหรือ ข้าก็โดนเหมือนกัน!”
อริยะรายอื่นก็พากันเปิดปากพูดเช่นกัน
“ข้าก็ถูกสาปแช่งเป็นเวลาหนึ่งวัน”
“เหตุใดพวกเราล้วนถูกสาปแช่งกันหมดเล่า”
“ต้องมีคนเสแสร้งอยู่แน่ๆ”
“หรือจะเป็นเพราะเรื่องจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการ”
“เป็นไปได้ สหายเต๋าฝูซีเทียนดับสูญไปแล้ว มีตำแหน่งอริยะมรรคาสวรรค์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งที่ พวกเราไม่มีทางขัดแข้งขัดขากันเองแน่”
….
เหล่าอริยะต่างก็โกรธเกรี้ยว พวกเขาล้วนเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ รู้สึกหงุดหงิดกันอย่างยิ่ง
หานเจวี๋ยเหลือบมองมหาจักรพรรดิเซียว ก่อนหน้านี้เขาเคยสวมรอยเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
มหาจักรพรรดิเซียวก็ฉุนเฉียวมากเช่นกัน แสดงเก่งจริงๆ
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยขึ้นมา “สหายเต๋าหาน พวกเราล้วนถูกสาปแช่ง ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ไม่ควรขัดแย้งกันเอง เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าบังเอิญเกินไป พวกเราเพิ่งสังหารจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการได้ก็ถูกสาปแช่งเลย”
หานเจวี๋ยระงับความโกรธ กล่าวไปว่า “ก็หวังว่าจะไม่ใช่พวกเจ้า มรรคาสวรรค์ประสบปัญหา พวกเจ้าให้ข้าออกหน้า ข้ามั่นใจว่าไม่เคยทำเรื่องน่าละอายต่อพวกเจ้าและต่อมรรคาสวรรค์ ข้าแค่อยากฝึกบำเพ็ญให้ดีๆ หากพวกเจ้ายังมาหาเรื่องข้าอีก อย่าหาว่าข้าไม่ปรานี”
พอพูดจบ หานเจวี๋ยเลือนหายไปทันที
สีหน้าเหล่าอริยะไม่น่ามองเลยสักนิด หานเจวี๋ยช่างไม่ไว้หน้ากันเกินไปแล้วจริงๆ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าตอบโต้กลับไป
จอมอริยะเสวียนตูกวาดตามองเหล่าอริยะ เอ่ยว่า “หวังว่าสหายเต๋าหานจะเพียงแค่เข้าใจผิดไป ยามนี้พวกเราจำเป็นต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อช่วยเหลือมรรคาสวรรค์ อย่าได้คิดวางแผนเล่นงานกันเองจนเสียการใหญ่”
เหล่าอริยะพยักหน้า พวกเขาล้วนกำลังคาดเดาอยู่ในใจ เป็นผู้ใดกันแน่ที่แอบสาปแช่งอยู่ลับหลัง
ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะสาปแช่งหานเจวี๋ยด้วย!
หากมิใช่เพราะพวกเขาเพิ่งต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา ด้วยนิสัยของหานเจวี๋ย อาจจะลงมือสังหารพวกเขาตรงๆ เลยก็ได้…
เมื่อเหล่าอริยะนึกถึงประเด็นนี้ ต่างก็สั่นสะท้านขึ้นมาทั้งที่ไม่หนาว
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...