บทที่ 633 ศัตรูลึกลับ
เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องของเหล่าทหารวังสวรรค์ หานเจวี๋ยก็แสดงสีหน้าแปลกใจ
เกิดอะไรขึ้น
วังสวรรค์เริ่มปกป้องมรรคาสวรรค์หรือ
หลายยุคหลายสมัย…
หานเจวี๋ยนึกว่าจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายอยู่ได้ไม่นานก็คงถูกวางแผนจัดการแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะหวนสู่แดนเทพหวนปัจฉิมอีก
ดูเหมือนจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจะไม่ได้กลายเป็นคนชั่วไปอย่างสิ้นเชิง
และในเวลานี้เอง!
หานเจวี๋ยมองเห็นแสงจ้าสายหนึ่งปรากฏขึ้นในส่วนลึกของความมืดมิดเบื้องหลังจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย แสงนั้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่องสว่างไปทั่วแดนต้องห้ามอันธการ
หานทั่วกระโดดขึ้นมาทันที ในมือปรากฏหอกทองแถบดำเล่มหนึ่งขึ้น เขาตะโกนกร้าวด้วยเสียงแหบห้าว “เขามาแล้ว! เตรียมออกศึก!”
เงาร่างอันน่าพรั่นพรึงร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากร่างของหานทั่ว นั่นคือร่างจำลองเทพมารฟ้าบุพกาลตนหนึ่ง
อี๋เทียนแหงนหน้ากู่ร้อง ร่างยืดสูงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเงาร่างน่าหวาดผวาสูงใหญ่หลายหมื่นจั้ง ท่อนบนคล้ายมนุษย์ ท่อนล่างคล้ายมังกรเจียว กล้ามเนื้อดุจเหล็กหล่อ มีสามเศียรหกกร หน้าตาดุร้าย ท่ามกลางเส้นผมขาวโพลนสยายเผยให้เห็นดวงตาในแนวตั้งสี่ดวง
หานเจวี๋ยมองเห็นแสงจ้าสายนั้นวาบเข้ามาด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวสุดขีด เทพเซียนวังสวรรค์ทั้งหมดที่อยู่รอบข้างสลายเป็นเถ้าธุลีไปในชั่วพริบตา
ภาพลวงตาวิวัฒนาการสิ้นสุดลง!
ในความสับสนเลื่อนลอย หานเจวี๋ยมองเห็นร่างของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายสลายเป็นเถ้าธุลีไปครึ่งซีกเช่นกัน
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับสู่โลกแห่งความจริง
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
คู่ต่อสู้ที่วังสวรรค์ต้องเผชิญคือผู้ใดกัน
ถึงแม้เรื่องราวจะเกิดขึ้นหลังผ่านพ้นไปหลายยุคสมัย แต่การเผชิญหน้ากับศัตรูที่ไม่ทราบตัวตนเช่นนี้ จำเป็นต้องสืบข้อมูลไว้ล่วงหน้า เตรียมป้องกันไว้แต่เนิ่นๆ
หานเจวี๋ยชอบใช้วิธีตัดไฟตั้งแต่ต้นลมกับพวกบอสใหญ่ที่น่าหวาดกลัว
รอให้ศัตรูโจมตีถึงหน้าประตูเช่นนั้น อันตรายเสียจริง!
‘ข้าอยากรู้ว่าศัตรูที่วังสวรรค์เผชิญหน้าในภาพลวงตาวิวัฒนาการก่อนหน้านี้คือผู้ใด’
หานเจวี๋ยถามในใจ
[เนื่องจากเกี่ยวข้องกับตัวตนที่อยู่เหนือขีดจำกัดของระบบ ไม่สามารถวิวัฒนาการได้]
แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
หรือจะเป็นบรรพชนเต๋าที่เข้าสู่หนทางชั่วร้าย
ไม่สิ อาจจะเป็นตัวตนลึกลับที่บีบให้บรรพชนเต๋าต้องหายหน้าไปก็ได้!
หานเจวี๋ยคิดไม่ตก เลยได้แต่ยอมแพ้ไป
ถึงอย่างไรก็ยังมีเวลาอีกยาวนาน
กล่าวอีกนัยคือ หานทั่วติดตามจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย นับเป็นเรื่องดี ส่วนตัวตนน่าหวาดผวาที่ต้องเผชิญหน้าในฉากสุดท้ายนั้นไม่ได้พุ่งเป้าไปที่วังสวรรค์ แต่เป็นทั่วทั้งฟ้าบุพกาล
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้หานทั่วติดตามจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายก็ดีเหมือนกัน
ทว่าน่าเสียดายที่ในปีนั้นหานเจวี๋ยไม่ได้ทำงานรับใช้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเลย
‘ข้าต้องมองจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายใหม่เสียแล้ว เขาน่าจะแค้นเคืองเพียงอริยะมรรคาสวรรค์เท่านั้น แต่ในใจยังคงคำนึงถึงมรรคาสวรรค์อยู่’
หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้
หากจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายไม่ได้เข้าสู่ด้านมืดอย่างสิ้นเชิง เช่นนั้นเขาก็สามารถให้การสนับสนุนวังสวรรค์ของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายได้
ชั่วชีวิตนี้หานเจวี๋ยมีสหายแค่ไม่กี่คนจริงๆ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายนับว่าเป็นสหายที่ดีที่สุด เมื่อเห็นอนาคตของจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย ในใจของหานเจวี๋ยค่อนข้างปรีดาอยู่บ้าง
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายไม่ได้ถูกความแค้นเข้าครอบงำ!
ยิ่งคิดหานเจวี๋ยก็ยิ่งอารมณ์ดี
เขาสอดส่องดูต้าซั่นเทียน
หลายปีมานี้ ต้าซั่นเทียนปรับตัวเข้ากับเขตเซียนร้อยคีรีได้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็นั่งฝึกบำเพ็ญอยู่ใต้ต้นฝูซังเช่นกัน สิ่งที่ควรค่าให้เอ่ยถึงคือ เขาคือสหายรักในชาติก่อนของฉู่ซื่อเหริน
แรกเริ่ม ต้าซั่นเทียนก็ถูกรากฐานของเขตเซียนร้อยคีรีทำให้ตกตะลึงเช่นกัน จำนวนจักรพรรดิเซียนของที่นี่น่าหวาดหวั่นยิ่ง
ยามนี้ เขามีฐานะเป็นศิษย์สำนักซ่อนเร้นเต็มตัวแล้ว ตามปกติแล้วก็ไม่เคยไปหาเรื่องทะเลากับศิษย์สืบทอดเลย
‘มอบปราณม่วงมหามรรคให้เขาดูจะสิ้นเปลืองไปหน่อย ศิษย์สืบทอดคนอื่นๆ ต้องเกิดข้อวิจารณ์ขึ้นมาแน่’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...