สรุปตอน บทที่ 639 ทำลายล้างศัตรูตัวฉกาจอีกราย ความน่าหวาดกลัวที่มาพร้อมเจ้าแดนต้องห้าม – จากเรื่อง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet
ตอน บทที่ 639 ทำลายล้างศัตรูตัวฉกาจอีกราย ความน่าหวาดกลัวที่มาพร้อมเจ้าแดนต้องห้าม ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 639 ทำลายล้างศัตรูตัวฉกาจอีกราย ความน่าหวาดกลัวที่มาพร้อมเจ้าแดนต้องห้าม
หานเจวี๋ยสาปแช่งโพธิสัตว์จุนทีพลางจับตามองหน้าต่างค่าสถานะของตนไปด้วย
เขาเสียอายุขัยไปห้าร้อยล้านล้านปีแล้ว!
[โพธิสัตว์จุนทีศัตรูคู่อาฆาตของท่านมรรคจิตปั่นป่วน เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
หานเจวี๋ยลังเล ควรจัดการโพธิสัตว์จุนทีไปทีเดียวเลยดีหรือไม่
จัดการเลยเถอะ!
ระดับความเกลียดชัง 6 ดาว หากทิ้งไว้ก็เป็นอุปสรรคมิใช่หรือ!
หานเจวี๋ยกัดฟัน แววตาโหดเหี้ยม
หนังสือแห่งความโชคร้ายแผ่แสงสีดำออกมา ส่องสะท้อนใบหน้าของหานเจวี๋ย ขับเน้นให้เขาดูน่าหวาดผวาและชั่วร้าย
อายุขัยของหานเจวี๋ยเริ่มลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว!
หนึ่งพันล้านล้านปี!
[โพธิสัตว์จุนทีศัตรูคู่อาฆาตของท่านบังเกิดจิตมาร เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
สองพันล้านล้านปี!
[โพธิสัตว์จุนทีศัตรูคู่อาฆาตของท่านมรรคจิตพังทลาย พลังมรรคลดฮวบ เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
สามพันล้านล้านปี!
[โพธิสัตว์จุนทีศัตรูคู่อาฆาตของท่านสูญเสียหลักเหตุผล สับสนเลอะเลือน เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]
[โพธิสัตว์จุนทีศัตรูคู่อาฆาตของท่านเผชิญกับการผนึกจากโพธิสัตว์เจียอิ๋นศัตรูคู่อาฆาตของท่าน มรรคจิตผันแปรเป็นว่างเปล่า]
ทันทีที่จดหมายฉบับล่าสุดปรากฏขึ้น พลังสาปแช่งของหานเจวี๋ยก็ไร้ผล ทำให้เขารู้สึกเหมือนเดินๆ อยู่ก็เหยียบลงบนความว่างเปล่า
หานเจวี๋ยเก็บหนังสือแห่งความโชคร้าย ถามในใจ ‘ต้องใช้เวลานานแค่ไหนโพธิสัตว์จุนทีถึงจะฟื้นฟูตบะได้’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ค่าตัวลดลงไวขนาดนี้เชียวหรือ
หานเจวี๋ยอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
[ไม่อาจคำนวณได้ อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าตอนที่เขาฝึกฝนจนบรรลุถึงระดับก่อนหน้านี้]
กลายเป็นตัวไร้ประโยชน์แล้ว!
หานเจวี๋ยยกยิ้มมุมปาก แม้จะไม่ได้สาปแช่งโพธิสัตว์จุนทีจนถึงตาย แต่อย่างน้อยก็กำจัดศัตรูตัวฉกาจไปได้หนึ่งราย
ระดับความเกลียดชัง 6 ดาวนั้นสะดุดตาเกินไป จอระดับความสัมพันธ์ของหานเจวี๋ยจัดลำดับระดับความเกลียดชังไล่จากสูงไปหาต่ำ เขาต้องระวังตัวไว้เสมอ
ต้องให้ค่าศัตรูมากกว่าสหาย!
ถึงอย่างไรศัตรูก็อาจจะปลิดชีพเขาได้
หานเจวี๋ยพักอยู่หลายชั่วยาม จากนั้นก็เข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญอย่างรวดเร็ว มุ่งมั่นทะลวงขั้นให้ได้ในเร็ววัน
….
ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ตำหนักเอกภพ
เหล่าอริยชนรวมตัว ขาดไปเพียงหานเจวี๋ย แม้แต่จักรพรรดินีผืนพิภพก็อยู่ด้วย
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกพิกล “ข้าเพิ่งทราบเรื่องบางอย่างมา”
เขามองไปทางฉิวซีไหล
ฉิวซีไหลสีหน้าเรียบเฉย ทว่ารู้สึกแปลกใจ เกี่ยวข้องกับเขาอย่างนั้นหรือ?
เทพสูงสุดหนานจี๋ถาม “เรื่องดีหรือเรื่องร้าย”
อริยะที่เหลือก็รู้สึกประหม่าเช่นกัน หลังจากตัดขาดกับแดนเทพหวนปัจฉิม พวกเขาก็เฝ้าระวังการโจมตีอย่างฉับพลันจากแดนเทพหวนปัจฉิมมาตลอด โชคดีที่สงบสุขเรื่อยมา
จอมอริยะเสวียนตูสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนเอ่ยออกมา “โพธิสัตว์จุนทีบรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักพุทธถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปแช่งจนดับสูญ”
เหล่าอริยชนต่างเบิกตากว้าง
สำนักพุทธเป็นกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ของแดนเซียนมาโดยตลอด มีตำนานเผยแพร่ออกมาเป็นวงกว้าง โพธิสัตว์จุนทีคือผู้ใดน่ะหรือ ศิษย์ของบรรพชนเต๋าอย่างไรเล่า!
เหล่าอริยะต่างทราบว่าผู้ทรงพลังยุคบรรพกาลอย่างโพธิสัตว์จุนทีอาจเทียบเคียงกับมหามรรคได้แล้วด้วยซ้ำ
ผู้ทรงพลังที่แข็งแกร่งถึงขั้นนี้บอกว่าดับสูญก็คือดับสูญเลยหรือ?
ฉิวซีไหลมีสีหน้าตื่นตะลึง ลอบตระหนกอยู่ในใจ
หลังจากถูกหานเจวี๋ยสยบทาส บ่วงกรรมที่เชื่อมโยงระหว่างเขาและโพธิสัตว์จุนทีก็ถูกตัดขาด เนื่องด้วยเหตุนี้โพธิสัตว์จุนทีจึงเคยเข้าฝันมาด่าทอเขา และไม่มีมาดของผู้อาวุโสเหลืออยู่เลย
เขานึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าโพธิสัตว์จุนทีจะดับสูญได้
สือตู๋เต้ามีความสุขที่สุดในที่แห่งนี้ ทว่าเขาไม่ได้เปิดเผยออกมา
ถูกบรรพชนเต๋าผนึกไว้ในแดนบรรพกาล เป็นนักโทษกลุ่มแรกของแดนบรรพกาล
จักรพรรดินีผืนพิภพเอ่ยว่า “วัฏจักรก็สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของวิญญาณยุคบรรพกาลเช่นกัน…อีกอย่าง…”
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวต่อว่า “เหล่าพี่น้องของข้าก็ถูกผนึกไว้ที่แดนบรรพกาลใช่หรือไม่ ก่อนหน้านี้ข้าสัมผัสถึงเสียงเพรียกหาของพวกเขาได้”
เหล่าอริยชนพลันมีสีหน้าตื่นตะลึง
บรรพชนจอมเวทมิได้ดับสูญไปหมดแล้วหรือ
“เป็นไปไม่ได้ พวกเราเห็นเหล่าบรรพชนจอมเวทดับสูญลงกับตา อีกทั้งบรรพชนจอมเวทก็ไม่มีวิญญาณ” จอมอริยะเสวียนตูส่ายหน้าเอ่ยวาจา
จู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าเปลี่ยนไปทันใด
เทพสูงสุดหนานจี๋รีบเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป ท่านนึกอะไรได้หรือ”
จอมอริยะเสวียนตูขมวดคิ้ว “หรือว่าเหล่าผู้ทรงพลังที่ดับสูญลงในยุคก่อนจะถูกพลังวิเศษอันยิ่งใหญ่บางอย่างขับไล่ และสะกดไว้ในแดนบรรพกาล ตอนนี้พวกเราทราบเพียงว่าภายในแดนบรรพกาลสะกดเจ้านิกายทงเทียนและเผ่ามารบรรพกาลไว้ แต่แดนบรรพกาลใหญ่โตมากจริงๆ เทียบกับแดนเทพหวนปัจฉิมแล้วกว้างใหญ่ไพศาลกว่ามาก เช่นนั้นพื้นที่ใหญ่โตขนาดนี้น่าจะคุมขังผู้ทรงพลังได้ไม่น้อยเลย ในอดีตฝีมือของบรรพชนเต๋าเกินกว่าจะจินตนาการได้ เขาปกปิดความจริงเรื่องปราณม่วงอนธการกับพวกเรา หรือว่าจะซุกซ่อนความลับของแดนบรรพกาลเอาไว้ด้วย”
เหล่าอริยชนต่างขมวดคิ้วพร้อมกัน
เทพสูงสุดอู๋ฝ่าเอ่ยว่า “หากว่ากันเช่นนี้ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะใช่บรรพชนเต๋าหรือไม่ หรือว่าเป็นคนของบรรพชนเต๋า”
เทพสูงสุดหนานจี๋ย้อนถาม “หากเขาคือบรรพชนเต๋า แล้วจะวางแผนปลดปล่อยคุกคุมขังที่ตนสร้างขึ้นไปไยเล่า”
ไม่เข้าท่าเลย!
เหล่าอริยชนมองไปทางฟางเหลียง
ที่นี่ก็มีร่างอวตารของบรรพชนเต๋าอยู่คนหนึ่ง!
ฟางเหลียงสีหน้าอึมครึม ไม่ทราบว่าคิดอันใดอยู่
เมื่อเห็นสีหน้าของเขา เหล่าอริยชนก็ใจเต้นแรงขึ้นมา
จู่ๆ จักรพรรดินีผืนพิภพเอ่ยขึ้นกะทันหัน “ในอดีตขณะที่ข้าฝึกบำเพ็ญ เทพบิดาเคยมาเข้าฝันข้า”
คำพูดของนางทำให้เหล่าอริยชนตกตะลึงปานถูกฟ้าผ่า
ในอดีตกาลจักรพรรดินีผืนพิภพคือบรรพชนจอมเวท!
แล้วเทพบิดาของบรรพชนจอมเวทคือผู้ใดเล่า
เทพยักษาผานกู่ผู้บุกเบิกฟ้าดิน!
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...