บทที่ 658 ท้าสู้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
ไข่มุกแห่งกรรม…
ยอดสมบัติมหามรรค!
หานเจวี๋ยกระจ่างในทันใด มิน่าเล่าหลังจากเจ้าแดนต้องห้ามอันธการลงมือไปแล้ว แดนเทพหวนปัจฉิมก็ยังกล้ามาโจมตีมรรคาสวรรค์อีก!
ที่แท้ก็เตรียมการมาแล้ว!
ยอดสมบัติระดับนี้แม้แต่เทพบุพกาลและโพธิสัตว์จุนทีก็ยังไม่มี จอมเทพข่งเซวี่ยได้มาจากไหนกัน
เบื้องหลังคนผู้นี้คงยังมีที่พึ่งที่แข็งแกร่งกว่าอยู่กระมัง
หานเจวี๋ยวิวัฒนาการต่อ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนหกหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[เทพสูงสุดหยวนสื่อ: อริยะมหามรรค มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต ผู้ก่อตั้งนิกายฉ่าน เนื่องจากท่านขัดขวางไม่ให้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการทำลายมรรคาสวรรค์ จึงเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]
เป็นเขา
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ยังคงสงสัยอย่างยิ่ง
ค่าตัวของไข่มุกแห่งกรรมสูงกว่าเทพสูงสุดหยวนสื่อเสียอีก เทพสูงสุดหยวนสื่อหักใจมอบสมบัติชิ้นนี้ให้จอมเทพข่งเซวี่ยได้เช่นนั้นหรือ
ไข่มุกแห่งกรรมอาจเป็นสมบัติล้ำค่าของจอมเทพข่งเซวี่ยเองเสียมากกว่า
ครอบครองสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ได้ ซ้ำยังไม่ถูกอริยะมหามรรคตนอื่นแย่งชิงไป จอมเทพข่งเซวี่ยก็เป็นผู้มีความสามารถคนหนึ่งเลยทีเดียว
หานเจวี๋ยอยากลองหยั่งเชิงจอมเทพข่งเซวี่ยดูสักหน่อย
เขาสำแดงความฝันอันธการ เผชิญหน้ากับจอมเทพข่งเซวี่ยด้วยบทบาทของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
ฉากในความฝันคือเหนือแม่น้ำปรโลก ทั้งสองลอยอยู่กลางอากาศ
จอมเทพข่งเซวี่ยสวมอาภรณ์ผ้าดิ้นงดงามหรูหรา มีขนนกหลากสีสันปกคลุมทั่วร่าง ใบหน้าเขาหล่อเหลา สวมกวานเศียรนกยูง ภูมิฐานทรงอำนาจ โดยเฉพาะแววตาของเขาเฉียบคมยิ่ง ทั้งยังเจือประกายเยียบเย็น
เขาจ้องมองหานเจวี๋ย เอ่ยว่า “ท่านคือผู้ใด พลังวิเศษเลิศล้ำนัก ดึงข้าเข้าสู่แดนความฝันตรงๆ จับสัมผัสไม่ได้เลย”
หานเจวี๋ยสวนกลับไป “เจ้าก็ร้ายกาจเช่นกัน มียอดสมบัติคุ้มกาย ป้องกันการสาปแช่งได้”
จอมเทพข่งเซวี่ยหรี่ตาลงพลางขานชื่อ “เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ!”
หานเจวี๋ยไม่โต้แย้ง ตัวเขาแค่มาหยั่งเชิงเท่านั้น
เขาอ่านข้อมูลของจอมเทพข่งเซวี่ยมาแล้ว ไม่ปรากฏคำว่านิกายฉ่าน ประกอบกับเขาครอบครองสมบัติที่เทพสูงสุดหยวนสื่อไม่มีไว้ เป็นไปได้ว่าเทพสูงสุดหยวนสื่ออาจเชิญตัวเขามาเท่านั้น
“ข้าสนใจใคร่รู้ในตัวเจ้ายิ่ง แม้แต่เทพบุพกาลก็ยังถูกเจ้าสาปจนดับสูญได้ การปรากฏตัวของเจ้า ทำลายแผนการอันมั่นคงในระยะยาวของฟ้าบุพกาล มาสู้กับข้าสักยกเถอะ!” จอมเทพข่งเซวี่ยเอ่ยด้วยแววตาร้อนแรง
หานเจวี๋ยเอ่ยหยอกเย้า “เจ้าสู้เทพบุพกาลได้หรือ”
“เคยท้าสู้แล้วพ่ายแพ้”
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงกล้ามาท้าข้าสู้”
“ข้าชอบท้าสู้กับผู้แข็งแกร่ง!”
ดวงตาของจอมเทพข่งเซวี่ยลุกวาว อำนาจอันแกร่งกล้าปะทุออกมา ทำให้แดนความฝันบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
หานเจวี๋ยถาม “เหตุใดเจ้าถึงทำงานให้เทพสูงสุดหยวนสื่อ”
จอมเทพข่งเซวี่ยให้คำตอบ “ข้าไม่ได้ทำงานให้เขา ที่มาครั้งนี้เพียงเพื่อซ้ำเติมมรรคาสวรรค์เท่านั้น”
มาเพื่อซ้ำเติมหรือ
หานเจวี๋ยไม่คิดเลยว่าจอมเทพข่งเซวี่ยจะสารภาพออกมาตรงๆ
จอมเทพข่งเซวี่ยเอ่ยถากถาง “สิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลล้วนมาจากมรรคาสวรรค์ ข้าเองก็เช่นกัน แต่หลังจากบรรพชนเต๋าพิสูจน์มรรค ปกครองมรรคาสวรรค์ อ้างสิทธิ์กำหนดตำแหน่งอริยะ อริยะทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์ของเขา อริยะรุ่นหลังก็สืบทอดสำนักเต๋า แม้สรรพสิ่งจะมีคุณสมบัติโดดเด่น มีดวงชะตาท่วมฟ้า ก็ยังถูกบรรพชนเต๋าสะกดข่มอยู่ดี”
“หลังจากบรรพชนเต๋าผสานมรรค ก็เทียบเท่ามรรคาสวรรค์ อาศัยมหาเคราะห์มรรคาสวรรค์ในแต่ละครั้งก็ขับไล่ครึ่งอริยะอย่างพวกข้าออกจากมรรคาสวรรค์ ให้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดในฟ้าบุพกาล เขาควบคุมมรรคาสวรรค์เช่นนี้ ทำให้มรรคาสวรรค์ไม่อาจหลุดพ้นจากสำนักเต๋าได้ตลอดกาล นานวันเข้า เหล่าอริยชนล้วนรู้สึกไม่พอใจเช่นกัน
“ซาบซึ้งในบุญคุณของเจ้า แต่ก็ปล่อยให้เจ้ารับผลประโยชน์ไปตลอดไม่ได้กระมัง เหตุผลที่ยามนี้ต้องการทำลายล้างมรรคาสวรรค์ ก็เพื่อจะสร้างมรรคาสวรรค์แห่งใหม่ขึ้น เทพสูงสุดหยวนสื่อพูดโน้มน้าวข้าได้ ดังนั้นข้าจึงมา ข้ารู้ว่าเหตุใดเขาถึงมาหาข้า เพราะข้าไม่เกรงกลัวคำสาปแช่ง”
จอมเทพข่งเซวี่ยจ้องมองหานเจวี๋ย ดวงตาฉายแววตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นร้อนแรงบ้าคลั่งอยู่บ้าง
หานเจวี๋ยรับสายตาเช่นนี้ไม่ได้จริงๆ
คนผู้นี้มั่นใจในตัวเองเกินไป!
ทว่าคำพูดของจอมเทพข่งเซวี่ยกลับทำให้หานเจวี๋ยได้รู้จักบรรพชนเต๋าในอีกแง่มุมหนึ่ง
ต้องกล่าวเลยว่า บรรพชนเต๋าค่อนข้างเผด็จการจริงๆ
ถ้าหานเจวี๋ยเป็นอริยะเหล่านั้น ต้องคอยก้มหัวให้บรรพชนเต๋าตลอด เขาก็คงทนไม่ไหวเช่นกัน
หานเจวี๋ยนึกถึงสำนักซ่อนเร้น เรื่องการถูกเหล่าอริยะทรยศตีตัวออกห่างของบรรพชนเต๋าคู่ควรให้ใช้เป็นกรณีศึกษา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...