บทที่ 701 ยกระดับอาณาเขตเต๋า
เมื่อเผชิญกับการบ่ายเบี่ยงของโพธิสัตว์เจียอิ๋น เงาดำเอ่ยเสียงเข้ม “เจ้ากำลังต่อรองเงื่อนไขกับข้าหรือ”
โพธิสัตว์เจียอิ๋นเอ่ยว่า “แดนเทพหวนปัจฉิมถูกทำลายแล้ว พวกเราเหล่าอริยะมหามรรคร่อนเร่เคว้งคว้าง ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากดวงจิตมหามรรค แม้จะอยากทำงานรับใช้ดวงจิตมหามรรคเพียงใด ทว่ามีใจแต่ไร้กำลังจริงๆ ขอรับ”
เงาดำเงียบไป
สีหน้าโพธิสัตว์เจียอิ๋นเป็นปกติ ไม่หวั่นเกรงว่าจะล่วงเกินอีกฝ่าย
ดีร้ายอย่างไรเขาก็เป็นถึงอริยะมหามรรค ที่ไว้หน้าอีกฝ่าย ก็เพียงเพราะคะนึงถึงจอมเทพฟ้าบุพกาลเท่านั้น
ในแวดวงของเขา ยังมีดวงจิตมหามรรคอื่นๆ อยู่อีก เพียงแต่ไม่แข็งแกร่งเท่าดวงจิตนี้ ภูมิหลังก็สู้ดวงจิตนี้ไม่ได้
เงาดำแค่นเสียง “เจ้ายังจะยืนอยู่ที่นี่ไปไยเล่า”
โพธิสัตว์เจียอิ๋นค้อมคำนับ หันหลังจากไป เดินไปได้สองก้าวก็หายลับไปจากจุดเดิม
เงาดำเลือนหายไป ห้องโถงใหญ่กลับสู่ความเงียบสงัด
….
ห้าร้อยปีต่อมา
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น มีข้อความปรากฏขึ้นตรงหน้า
[อาณาเขตเต๋ายกระดับ ค่ายกลยกระดับสู่ระดับผู้สร้างมรรคา ขอบเขตมิติภายในอาณาเขตเต๋าขยายใหญ่ขึ้น]
[ไอเซียนอาณาเขตเต๋าเพิ่มขึ้นสิบเท่า ปราณฟ้าประทานเพิ่มขึ้นสิบเท่า]
[อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นการสอดแนมทุกอย่างได้]
ระดับผู้สร้างมรรคา!
หานเจวี๋ยผ่อนคลายไปทั้งร่าง ตอนนี้อาณาเขตเต๋าแข็งแกร่งเต็มที่แล้ว ไม่ต้องกลัวศัตรูโจมตีอีก
ความสามารถปิดกั้นการสอดแนมยกระดับถึงขีดสูงสุดแล้ว!
สามารถปิดกั้นการสอดแนมจากทุกตัวตนได้!
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลสามารถบุกเข้ามาในอาณาเขตเต๋าได้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่สามารถบุกเข้ามาภายในระยะเวลาอันสั้นได้]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ดูเหมือนตนจะหวังมากเกินไป
อย่างไรก็ตามแค่ระยะเวลาสั้นๆ ก็เพียงพอแล้ว
หานเจวี๋ยนำศิลาก่อวิญญาณทั้งสองก้อนออกมา เข้าสู่โลกอนธการที่อยู่ในส่วนลึกของวิญญาณ เขาเริ่มคัดเลือกเทพมารฟ้าบุพกาล
ลังเลอยู่นาน สุดท้ายเขาก็เลือกเทพมารข้ามภพและเทพมารหมอกเลือน
ในอนาคตสามารถใช้เทพมารข้ามภพเป็นหน่วยข่าวกรองได้ ส่วนเทพมารหมอกเลือนสามารถช่วยซ่อนเร้นอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองได้
หลังจากผสานศิลาก่อวิญญาณทั้งสองก้อนเข้าไปในปราณเทพมาร หานเจวี๋ยก็มองไปที่ชิ้นส่วนมหามรรคและหินวิญญาณมรรคาสวรรค์
พลังวิเศษมหามรรคในครั้งนี้หานเจวี๋ยยังคงเลือกเป็นจำพวกผนึกควบคุมเช่นเดิม เพื่อให้สะดวกต่อการโยนตัวเข้าคุกสวรรค์อนธการ
ส่วนหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ จะนำไปยกระดับหนังสือแห่งความโชคร้ายดีหรือไม่ เขาค่อนข้างลังเลใจ
ยากนักที่จะได้รับสมบัติวิเศษระดับยอดมหามรรค อัตราตัวเลือกจากระบบก็น้อยลงเรื่อยๆ
ถึงแม้หนังสือแห่งความโชคร้ายจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอริยะมหามรรค ก็แทบจะไม่สามารถสาปแช่งอีกฝ่ายให้ตายได้ ซ้ำยังทำให้เทพมารต้องสาปมีโอกาสหาพรรคพวกสร้างอิทธิพลอีกด้วย
ส่วนกระบี่พิพากษาอนธการแม้จะเป็นสมบัติวิเศษคู่ชีพของหานเจวี๋ย แต่ไม่สามารถบังคับยกระดับได้ ระดับความแข็งแกร่งขึ้นอยู่กับระดับตบะของเขาเท่านั้น
หานเจวี๋ยใคร่ครวญถึงป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคาและขวานเบิกฟ้า
ท้ายที่สุดแล้วในสักวันหนึ่งเขาก็ต้องออกไปท่องฟ้าบุพกาลด้วยตัวเอง ท่วงท่าของผานซินยังคงประทับอยู่ในสมองของเขา
ช่างเถิด เทศนาธรรมก่อนแล้วกัน
ไม่ได้เทศนาธรรมมานานมากแล้ว
หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้
ในเวลาเดียวกันนี้ ขณะที่เหล่าศิษย์ในเขตเซียนร้อยคีรียังคงตกใจกับพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้นอยู่ มหามรรคต้นกำเนิดพลันเข้าครอบคลุมทั่วเขตเซียนร้อยคีรี ทำให้ทุกคนเข้าสู่สภาวะตระหนักมรรค
….
ณ เขาเทพปู้โจว
บนยอดเขา หานอวี้ยืนอยู่ริมขอบผา ก้มมองทิวเขายิ่งใหญ่สูงตระหง่านด้านล่าง สายตาเขามองตามเงาร่างหนึ่งอยู่ตลอด
เงาร่างนั้นกำลังเหยียบเมฆทะยานผ่านหมอก ล่องอยู่เหนือขุนเขา พลิกโผนโจนทะยาน เงาร่างเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งราวกับวิหคเหินร่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...