บทที่ 721 โอกาสวาสนามากมาย
ท่ามกลางสายฟ้า ร่างสองร่างที่กำลังต่อสู้กันอยู่มิได้ใหญ่โตมโหฬารจนสะท้านสายตา พวกเขาสูงเพียงหมื่นจั้งเท่านั้น รวดเร็วสุดขีด พลังวิเศษต่างๆ ปะทุออกมาไม่หยุด
ห้วงมิติพังถล่มอย่างต่อเนื่อง และก่อตัวขึ้นใหม่อีกอย่างต่อเนื่อง
พลังเวทมหาศาลต่อให้อยู่ห่างไกลกันยิ่ง ยังทำให้คนอกสั่นขวัญผวา
ในละแวกนี้นอกจากสวีตู้เต้าแล้ว ยังมีผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ด้วย แต่คนที่มีตบะต่ำกว่าครึ่งอริยะลงไป จะสลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปทันที
หานเจวี๋ยสังเกตการณ์อย่างจริงจัง
มิ่งและเทพมารฟ้าบุพกาลล้วนเป็นตัวตนระดับอริยะมหามรรค หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์ลัญจกรสรวง
แน่นอน ค่าตัวก็สูงกว่าปรมาจารย์ลัญจกรสรวงและเหล่าอริยะมหามรรคในแดนเทพหวนปัจฉิมด้วย
เทพมารฟ้าบุพกาลตนนั้นรูปร่างเหมือนมนุษย์ ศีรษะเหมือนเสือดาว ช่วงเอวมีงูเหลือมดุร้ายเลื้อยพันอยู่ ด้านหลังมีหัวกะโหลกใหญ่โตหลายสิบอันลอยอยู่ รูปร่างลักษณะแตกต่างกันไป แวบแรกที่เห็น ดูราวกับมารร้ายกระหายเลือดที่มาจากนรกอเวจี
ส่วนร่างของคู่ต่อสู้เป็นสีดำสนิทไปทั้งตัว ดูคล้ายกับเงาขนาดมหึมา มองเห็นเพียงว่าเขามีสี่กร แต่ละมือถือสมบัติวิเศษไว้ ต่อสู้กดดันเทพมารฟ้าบุพกาล
มีฝีมืออยู่บ้าง!
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าเมื่อการโจมตีของเทพมารฟ้าบุพกาลพุ่งเข้าใส่ร่างของมิ่ง ก็เสมือนโจมตีใส่เงามายา ทะลุผ่านไปตรงๆ ไม่สามารถทำอันตรายได้เลย
หานเจวี๋ยจดจำรูปพรรณสัณฐานของมิ่งเอาไว้เงียบๆ เอาไว้ลองทีหลังว่าจะทำนายถึงได้หรือไม่
“จงยอมสยบต่อข้าแต่โดยดี กลายเป็นทาสรับใช้ของข้าเสีย!”
เสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์พลันแว่วดังขึ้น ชวนผวาอย่างยิ่ง
ทันใดนั้นมองเห็นมิ่งกระโดด สี่แขนเงื้อขึ้นสูง แสงเจิดจ้าพร่างตาพลันสาดส่อง ทำให้ทุกสิ่งสิ้นสีสัน
แม้กระทั่งหานเจวี๋ยก็อดหลับตาไม่ได้
ภาพลวงตาวิวัฒนาการพังทลายลง
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น
เขาขมวดคิ้ว สิ้นสุดลงเร็วขนาดนี้ หรือว่าเทพมารฟ้าบุพกาลจะพ่ายแพ้หลังจากการโจมตีครั้งนั้น
หานเจวี๋ยถามในใจ ‘เงาร่างนี้ที่อยู่ในสมองของข้ามีฐานะตัวตนอย่างไร’
[อีกฝ่ายครอบครองยอดสมบัติพิเศษ ไม่สามารถวิวัฒนาการได้]
‘เช่นนั้นข้าสามารถสังหารเขาในเสี้ยววินาทีได้หรือไม่’
[อีกฝ่ายครอบครองยอดสมบัติพิเศษ ไม่สามารถวิวัฒนาการได้]
หานเจวี๋ยล้มเลิกความคิดจะทำนายถึงตัวตนของมิ่งอย่างสิ้นเชิงแล้ว
จากการต่อสู้ที่เห็นมาเมื่อครู่นี้ มิ่งแข็งแกร่งจริงๆ แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะแข็งแกร่งเกินไปกว่าขอบเขตความเข้าใจของหานเจวี๋ย
ต้องสู้ดู!
หากอาศัยความได้เปรียบของมรรคาสวรรค์ มิ่งไม่มีทางบุกเข้ามาในมรรคาสวรรค์ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น หานเจวี๋ยยังมีเวลาเพิ่มความแข็งแกร่งอยู่
‘ต้องฝึกบำเพ็ญต่อไป พยายามสังหารเขาให้ได้ในเร็ววัน’
หานเจวี๋ยคิดเช่นนี้
….
เวลาผ่านไปรวดเร็วยิ่ง
ผ่านไปอีกหนึ่งหมื่นปี
หานเจวี๋ยมายังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง ปล่อยลี่เหยาออกมา
ลี่เหยากลายเป็นเทพมารอมตะแล้ว หานเจวี๋ยถอดเสื้อคลุมออก ให้นางสวมไว้
“รู้สึกอย่างไรบ้าง” หานเจวี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม
เขาถอดถอนสิทธิ์ในการเข้าถึงแบบจำลองการทดสอบรวมถึงหมื่นโลกาฉายชัดในอาณาเขตเต๋าหลักของลี่เหยาแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะเป็นความลับ
ลี่เหยาจัดแจงเสื้อผ้า เอ่ยอย่างจริงจัง “ดีมาก เทียบกับก่อนหน้านี้ เสมือนถอดร่างผลัดกระดูก ขอบคุณท่านมาก”
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “ระหว่างเจ้ากับข้ายังต้องขอบคุณอะไรอีก ต่อไปเจ้าก็ฝึกบำเพ็ญอยู่ในอารามเต๋าของข้าเถอะ”
ลี่เหยาพิจารณารอบข้าง ถามด้วยความแปลกใจ “ที่นี่คือที่ใด”
หานเจวี๋ยอธิบายถึงอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองเล็กน้อย ลี่เหยาตะลึงยิ่ง ไม่สามารถรักษากริยาได้อีกต่อไป
นางส่งกระแสจิตออกไป ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
เมื่อนับรวมนางเข้าไป อาณาเขตเต๋าแห่งที่สองมีเทพมารฟ้าบุพกาลสิบเอ็ดตนแล้ว!
หานเจวี๋ยโบกมืออีกครั้ง ปล่อยเทพมารสุญตาออกมา
ลี่เหยาตะลึงงัน ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในโลกอนธการ มีปราณเทพมารมากมายขวางกั้นระหว่างนางและเทพมารสุญตา จึงไม่สังเกตเห็นกันและกันเลย
เทพมารสุญตาที่เพิ่งถือกำเนิดสนใจใคร่รู้ในทุกสิ่งยิ่งนัก อย่างไรก็ตามเทพมารฟ้าบุพกาลมิใช่วิญญาณสามัญ หลังฟูกฟักสำเร็จก็ได้ครอบครองพรสวรรค์ด้านภาษา ด้วยพรสวรรค์ด้านภาษาชนิดนี้ทำให้สามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตใดก็ได้
หานเจวี๋ยพาพวกเขาเดินออกมานอกอารามเต๋า เรียกเทพมารฟ้าบุพกาลทั้งหมดมารวมตัวกันหน้าอารามเต๋า
เมื่อพวกมู่หรงฉี่ กวนปู้ไป้และเทพมารขุนพลสวรรค์มองเห็นลี่เหยาและเทพมารสุญตา ต่างก็ตื่นเต้นนัก
มีสมาชิกใหม่อีกแล้ว!
หานเจวี๋ยแนะนำทั้งสองฝ่ายเล็กน้อย แล้วให้เหล่าเทพมารฟ้าบุพกาลนั่งลง เขาเริ่มต้นเทศนาธรรม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...