บทที่ 727 เทพมารสังหาร!
“เจ้ากลับฉลาดเฉลียวนัก ถูกต้อง อันธการคือกลุ่มอำนาจหนึ่งจริงๆ เป็นอำนาจที่พวกเจ้าไม่อาจจินตนาการได้! สักวันหนึ่ง พวกเจ้าจะซาบซึ้งในตัวข้า เป็นข้าที่ช่วยให้พวกเจ้าหลุดพ้น เป็นข้าที่ทำให้พวกเจ้าได้รับความรุ่งโรจน์ที่เหนือกว่าฟ้าบุพกาล!”
มิ่งหัวเราะอย่างโอหัง บ้าคลั่งอย่างยิ่ง
หลี่เต้าคงฟังออกว่านี่คือมิ่งคนนั้นที่เอาชนะพวกเขาก่อนหน้านี้
นิสัยของมิ่งเหล่านี้แตกต่างกันไป บางคนบ้าคลั่ง บางคนเงียบขรึมสงวนวาจา บางคนเย็นชาอำมหิต บางคนเปี่ยมไอสังหาร
สือตู๋เต้าตกอยู่ในภวังค์ความคิด
อันธการคือกลุ่มอำนาจ…
‘หรือว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นลูกน้องของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ มิน่าเล่าข้าถึงไม่สิ้นชีพ แต่กลับได้รับพลังที่แข็งแกร่งขึ้น… เจ้าแดนต้องห้ามอันธการคิดจะอาศัยโอกาสนี้ทำให้ข้าหลุดพ้นจากมรรคาสวรรค์ รับเข้าสู่สังกัดของเขาอย่างสมบูรณ์กระมัง’
หลังจากสือตู๋เต้าคิดตกแล้ว พลันยิ้มออกมา
เสียงหัวเราะของมิ่งเลือนหายไป
หลี่เต้าคงมองลำแสงอยู่สักพัก ชำเลืองมองสือตู๋เต้าที่ยังคงยิ้มเผล่อยู่ เอ่ยถามว่า “เป็นอะไรไป เจ้าถูกพลังแห่งความมืดกลืนกินไปแล้วหรือ เปลี่ยนเป็นคนละคนแล้วหรือไร”
สือตู๋เต้าเมื่อได้ยินก็ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง แค่นเสียงกล่าว “เจ้ามันจะไปรู้อะไร เจ้าเด็กน้อย เจ้าได้อานิสงส์จากข้าแล้ว วันหน้าต้องตอบแทนข้าให้ดีเล่า!”
“ข้าจะไปพึ่งพาอานิสงส์ของเจ้าได้อย่างไร”
“ฮ่าๆ”
สือตู๋เต้าหัวเราะแต่ไม่ตอบ
หลี่เต้าคงด่าในใจว่าเจ้าคนบ้า
คนผู้นี้บ้าไปแล้วแน่นอน
ไม่ถูกสิ แต่ไหนแต่ไรมาสมองเขาก็ไม่ปกติอยู่แล้ว
หลี่เต้าคงมองไปที่ลำแสงอีกครั้ง
เขาแสดงสีหน้าเป็นกังวล ไม่ทราบเช่นกันว่าวังสวรรค์จะรอดพ้นเคราะห์นี้ไปได้หรือไม่
….
ณ วังสวรรค์ ภายในตำหนักหลังหนึ่ง
หานทั่วกำลังนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญอยู่ หัวคิ้วของเขาขมวดนิดๆ แสดงให้เห็นว่าจิตใจไม่สงบนิ่ง
ฉากหน้าเขาดูเปี่ยมความมั่นใจในตัวเอง แต่อีกฝ่ายคือมิ่ง ตัวตนน่าหวาดหวั่นที่แม้แต่เทพมารฟ้าบุพกาลล้วนยอมสยบให้ เขากลัวว่าตนจะพ่ายแพ้เช่นกัน
หากว่าแพ้ เขาจะผิดต่อวังสวรรค์
หานทั่วคอยปรับสภาวะอารมณ์อย่างต่อเนื่อง
เขาหวนนึกถึงเรื่องราวที่จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเคยเล่าให้เขาฟัง เรื่องราวเหล่านั้นที่เกี่ยวกับหานเจวี๋ยบิดาของเขา
สมัยที่หานเจวี๋ยยังคงเป็นมนุษย์ธรรมดา เมื่อสำนักเผชิญปัญหา แว่นแคว้นเผชิญภัย เขาล้วนก้าวออกมาอย่างกล้าหาญ
ยามที่เทพเซียนคิดจะกวาดล้างโลกมนุษย์ เขาก็ก้าวออกมาเช่นกัน ใช้พลังของมนุษย์ธรรมดาต่อกรกับเทพเซียนทั่วฟ้า!
ตอนนั้น หานเจวี๋ยหัวเดียวกระเทียมลีบ แต่หานทั่วในตอนนี้มีทั้งวังสวรรค์ให้การสนับสนุนอยู่
‘ท่านพ่อทำได้ ข้าก็ต้องทำได้ จะเอาแต่รอความช่วยเหลือจากเขาไปตลอดไม่ได้ ต้องออกไปเผชิญหน้าด้วยตัวคนเดียวเช่นกัน ข้าจะกลายเป็นความภาคภูมิใจของเขาให้ได้!’
หัวคิ้วของหานทั่วค่อยๆ คลายตัวออก
ศึกนี้มิใช่แค่ความรุ่งเรืองหรือเสื่อมสูญของวังสวรรค์เท่านั้น ยังเป็นศึกที่จะสร้างชื่อเขาให้ก้องไปทั่วฟ้าบุพกาลด้วย!
หากว่าชนะ ชื่อของเขาจะระบือไปทั่วฟ้าบุพกาล!
ต้องชนะเท่านั้น!
“เคี้ยกๆๆ…”
เสียงหัวเราะประหลาดพลันแว่วเข้ามา ดังไปทั่ววังสวรรค์ หานทั่วลืมตาขึ้น
มิ่ง!
“จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย เตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง! บุตรแห่งสวรรค์ที่ข้าพามากำลังหิวอยู่พอดี หวังว่าบุตรแห่งสวรรค์ของเจ้าจะทำให้เขาอิ่มท้องได้!”
เมื่อวาจากำเริบเสิบสานของมิ่งสิ้นสุดลง เสียงคำรามกึกก้องสั่นสะเทือนแก้วหูดังลั่นไปทั่ววังสวรรค์
พื้นที่ขอบมิติของวังสวรรค์ที่อยู่ตรงข้ามกับพระราชวังเทียมเมฆาปริร้าว เงาร่างใหญ่กำยำสูงห้าจั้งร่างหนึ่งค่อยๆ ก้าวออกมา
เขามีรูปร่างดั่งมนุษย์ ทว่ามีสามเศียรหกกร สวมชุดเกราะสีดำหนาหนักที่มีหนามแหลมคม ผิวกายภายใต้เสื้อเกราะคล้ายจะเคยถูกไฟเผามาก่อน หน้าตาน่าเกลียด สภาพราวกับจะมีโลหิตทะลักออกมาได้ทุกเมื่อ ดวงตาเป็นสีเขียวเข้ม มองไม่เห็นม่านตา
รัศมีทรงพลังน่าหวาดหวั่นปะทุออกมา ราวกับมีพายุเลื้อยพันร่างเขาอยู่ อำนาจกดดันแห่งอริยะอันน่าหวาดหวั่น แผ่ปกคลุมวังสวรรค์ ทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีระดับต่ำกว่าอริยะลงไปต่างอกสั่นขวัญแขวน
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายพาพวกโจวฝานเดินออกมาจากพระราชวังเทียมเมฆา มองศัตรูทรงพลังที่อยู่ไกลออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...