บทที่ 773 ร่วมมือ อาณาเขตปฐมภพ
“เจ้านำโอสถอนธการไป เจ้าไม่กลัวจะมีภัยถึงชีวิตหรือ” เต้าจื้อจุนขมวดคิ้วพลางถาม
จ้าวเซวียนหยวนสบตากับเจียงอี้ ทั้งสองต่างรู้สึกหวาดระแวงอยู่ในใจ
ชายชราเสื้อฟางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าย่อมไม่กลัว อันที่จริงมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่เป็นเพียงเสียงลือเสียงเล่าอ้าง เป็นเพียงข้ออ้างของเทพมารฟ้าบุพกาลเท่านั้น การปรากฏตัวขึ้นของเทพมารอนธการต่างหากถึงจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง ก็เหมือนกับในอดีตครานั้นที่ผานกู่เข่นฆ่าเทพมารฟ้าบุพกาลสามพันตน ก็เพราะต้องการสำเร็จเป็นเทพมาร อนธการ ฟ้าบุพกาลผันแปรสู่อนธการ ทุกสิ่งล้วนจะรุ่งเรือง สรรพสิ่งต่างวิวัฒนาการ มีเพียงเทพมารฟ้าบุพกาลที่เชื่อมต่อกับฟ้าบุพกาลเท่านั้นที่ต้องตาย”
พวกเต้าจื้อจุนทั้งสามตกอยู่ในห้วงความคิด
ตำนานผานกู่ พวกเขาย่อมเคยได้ยินมาก่อน แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงตำนาน
สรุปแล้วเทพมารอนธการดีหรือร้าย พวกเขาไม่อาจยืนยันได้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นี่คือมหากรรมอย่างหนึ่ง!
หากพลาดไปแม้เพียงครั้งเดียว จะตกอยู่ในหายนะชั่วนิรันดร์!
เต้าจื้อจุนถาม “สังหารเทพมารฟ้าบุพกาลทั้งสามพันเป็นเรื่องที่แม้แต่ผานกู่ก็ยังทำไม่ได้ โอสถเพียงเม็ดเดียวจะทำได้หรือ”
ชายชราเสื้อฟางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเจ้าเลย มิใช่หรือ”
เจ้าควายสะบัดคอไปมา คล้ายจะแสดงถึงอาการหงุดหงิด
เต้าจื้อจุนเหลือบมองจ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้แวบหนึ่ง
เขากล่าวด้วยความลังเล “พวกเราสามารถถอนตัวได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้ไม่ทราบเลยว่าจะเป็นกรรมหนักหนาถึง เพียงนี้ พวกเราเป็นเพียงเซียนทองต้าหลัวเบิกฟ้า พวกเราน่าจะไม่มีความจำเป็นต่อท่าน”
ชายชราเสื้อฟางยิ้มละไมพลางกล่าวว่า “ได้แน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ายอดสมบัติชิ้นนี้หาใช่สมบัติดาษดื่นทั่วไปไม่ หากพลาดไปแล้ว พวกเจ้าจะไม่ได้พบอีก อย่ามองเพียงว่าฟ้าบุพกาลกว้างใหญ่ ยอดสมบัติเช่นนี้มีจำกัด ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในมือของผู้ทรงพลังเหล่านั้น
“หลังจากประสบความสำเร็จ ตัดสะบั้นบ่วงกรรมให้ได้ รับประกันได้ว่าพวกเจ้าจะปลอดภัยไร้กังวล”
จ้าวเซวียนหยวนถามด้วยความระแวง “เจ้าคงจะไม่ฆ่าพวกเราปิดปากกระมัง”
ชายชราเสื้อฟางหัวเราะแล้วกล่าวว่า “หากผู้เฒ่ามีความคิดเช่นนั้นอยู่จริง ไยต้องบอกความลับนี้ต่อพวกเจ้าด้วย หรือพวกเจ้ามีใจอาจหาญพอจะกลายร่างเป็นเทพมารอนธการเล่า กล้าเป็นศัตรูกับทั้งฟ้าบุพกาลหรือ โอสถอนธการเพียงทำให้พวกเจ้ากลายเป็นเทพมารอนธการเท่านั้นแต่ตบะยังคงเท่าเดิม ทันทีที่พวกเจ้ากลายเป็นเทพมารอนธการ เทพมารฟ้าบุพกาลทั้งหมดล้วนจะรับรู้ได้ และจะต้องมาสังหารพวกเจ้าอย่างรวดเร็วแน่ ทั้งยังสามารถสังหารพวกเจ้าได้ในระยะเวลาอันสั้นอีกด้วย
“พวกเราก็ไม่ได้เพิ่งร่วมมือกันครั้งแรก หากพวกเจ้าไม่เชื่อ เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว”
เต้าจื้อจุนกัดฟันกล่าวว่า “ตกลง! จะเชื่อเจ้า! จะลงมือตอนไหน”
ชายชราเสื้อฟางปีนลงมาจากหลังควาย กล่าวว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ผู้เฒ่าจะตั้งค่ายกลไว้ก่อน เลี่ยงมิให้ถูกผู้ทรงพลังรายอื่นสอดส่อง”
เจ้าควายหมอบลงไป กลิ้งตัวอยู่ที่เดิม
เจียงอี้มองมัน สีหน้าแปลกพิกล
“มันเหมือนสุนัขตัวหนึ่งไม่มีผิด”
….
ท่ามกลางโลกที่ปกคลุมไปด้วยเมฆาชาดแห่งหนึ่ง วัดวาอารามหลังแล้วหลังเล่าที่ส่องประกายเรืองรองลอยอยู่เหนือหมู่เมฆ มียอดเขาใหญ่มหึมาตั้งตระหง่านโดดเด่นตั้งอยู่เหนือเมฆาเช่นกัน แผ่แสงทองออกไปนับหมื่นจั้ง
บนยอดเขามีอารามสงฆ์หลังหนึ่ง ป้ายเหนือประตูสลักไว้ว่าวัดเสียงอัสนี
เงาร่างสายแล้วสายเล่าปรากฏตัวขึ้นหน้าวัดเสียงอัสนี ผู้นำคือโจวฝาน
ฉินหลิงศิษย์หลานของหานอวี้ติดตามอยู่ด้านหลังโจวฝาน สังเกตรอบข้างด้วยความสนใจใคร่รู้
วัดเสียงอัสนีเปิดรับ ทั้งกลุ่มเดินเข้าสู่ด้านใน
สิ่งที่ปรากฏต่อครรลองสายตาของพวกเขาคือพุทธองค์มากมายหลายรูปต่างนั่งอยู่บนแท่นดอกบัวของตน ลอยอยู่ในอากาศล้อมเป็นวง ด้านหน้าสุดคือพุทธองค์ร่างสูงใหญ่รูปหนึ่ง มีความสูงหลายหมื่นจั้ง ใหญ่โตมโหฬาร
เมื่อพินิจดูให้ดี เป็นฉู่ซื่อเหริน!
ฉู่ซื่อเหรินสวมชุดกาสาวพัสตร์ ใบหน้าเปี่ยมเมตตา ท่วงท่าศักดิ์สิทธิ์น่าเลื่อมใส
โจวฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เลวเลย สมเป็นสำนักพุทธยิ่งกว่าสำนักพุทธเสียอีก”
ฉู่ซื่อเหรินเอ่ยยิ้มๆ “เดิมทีข้าคือบรรพชนพุทธภควัตอยู่แล้ว ก่อตั้งสำนักพุทธขึ้นอีกก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน”
โจวฝานพิจารณาพุทธองค์ที่อยู่รอบข้าง กล่าวว่า “ท่าทางไม่เลวเลย อย่างไรก็ตามสำนักพุทธแห่งนี้ของเจ้ายังขาดแกนนำหลักอยู่ แข็งแกร่งไม่พอ”
ทันทีที่เขาเอ่ยเช่นนี้ พุทธองค์ทั้งหลายต่างแสดงสีหน้าขุ่นเคือง
ฉู่ซื่อเหรินตอบว่า “โลกพุทธะเพิ่งพัฒนาได้ไม่นาน เทียบกับเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ของท่านไม่ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...