ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 780

บทที่ 780 เตรียมการสำหรับมหาเคราะห์!

“ถูกต้อง อาจหาญมาท้าทายอำนาจอริยะ ต้องได้รับโทษ”

“ให้เขากลับชาติมาเกิดเพียรบำเพ็ญอีกครั้งเป็นอย่างไร”

“โหดร้ายเกินไปกระมัง การชุบเลี้ยงบุตรแห่งสวรรค์สักคนมิใช่เรื่องง่าย”

“มรรคาสวรรค์ยังขาดแคลนบุตรแห่งสวรรค์อีกหรือ”

“ประเด็นสำคัญคือพวกเราต้องลงมือด้วยหรือ หากลงมือไปจะไม่กลายเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กหรือ”

อริยชนเริ่มหารือเรื่องของซย่าจื้อจุน

หานเจวี๋ยพูดไม่ออกอยู่บ้าง เขาเอ่ยไปว่า “อย่าให้เสียการใหญ่เพราะเรื่องเล็กน้อยเลย รอดูท่าทีของเขาต่อไปก่อน แล้วค่อยตัดสินใจเถอะ”

ในมุมมองของเขา นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกลายเป็นประเด็นหารือร่วมกันของเหล่าอริยะเลย

เหล่าอริยชนยิ้มอย่างเก้อกระดาก จากนั้นก็หารือเรื่องก่อนหน้านี้ต่อ

ในเวลาเดียวกันนี้ ด้านนอกตำหนัก

ชายหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งยืนอยู่ในอากาศ เขาหน้าตาหล่อเหลา องอาจงามสง่า ทุกอิริยาบถแผ่รัศมีของผู้แข็งแกร่งออกมา

ซย่าจื้อจุน บุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของวังเทพ!

เขายังคิดด้วยว่าตนคือบุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของมรรคาสวรรค์!

นับตั้งแต่เขาสำเร็จต้าหลัว ก็ออกท่องไปทั่วแดนเซียน ท้าสู้ยอดฝีมือทั่วทุกหัวระแหง ยังไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน ตบะของเขาก็มีความก้าวหน้าอยู่ตลอด เมื่อแสนปีก่อน เขาเคยออกไปพเนจรในฟ้าบุพกาล ยังไม่เคยพบผู้ต่อสู้ในระเดียวกันเลย

ทำให้จู่ๆ เขาก็อยากท้าสู้อริยะขึ้นมา!

แต่ฟ้าบุพกาลกว้างใหญ่ไพศาล อยากพบอริยะสักคนมิใช่เรื่องง่ายเลย

เขาทำได้เพียงกลับมาที่มรรคาสวรรค์ อย่างน้อยๆ ก็ทราบแล้วว่าอริยะล้วนพำนักอยู่ ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

‘เหตุใดจึงไม่สนใจข้าเลย’

ซย่าจื้อจุนขมวดคิ้ว เขาก็ทราบเช่นกันว่าหากวัดจากตบะของตนแล้วค่อนข้างวู่วามไปบ้าง แต่เขาควบคุมความรู้สึกที่ต้องการท้าสู้อริยะเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ

เขาตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อาณาเขตเต๋าของอริยะแต่ละคนในชั้นฟ้าที่สามสิบสามต่างมีลูกศิษย์ฝึกบำเพ็ญอยู่ ล้วนเป็นยอดฝีมือของแดนเซียนทั้งสิ้น หากเขาจากไปเช่นนี้ จะไม่ขายหน้าแล้วกลายเป็นตัวตลกของสรรพสิ่งหรอกหรือ

แต่หากเขาบุกเข้าไปในอาณาเขตเต๋าของอริยะ จะไม่เป็นการล่วงเกินอริยะหรอกหรือ

ต่อให้เขาเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่มีทางรับมือกับอริยะทั้งกลุ่มได้!

ในใจของซย่าจื้อจุนนึกเสียใจอยู่บ้าง

เขาได้แต่ทำหน้าหนา ยืนหยัดรอคอยต่อไป

หลายชั่วยามผ่านไป เหล่าอริยะหารือกันเรียบร้อยแล้วว่าจะหล่อหลอมให้เหล่าบุตรแห่งสวรรค์ภักดีต่อมรรคาสวรรค์ได้อย่างไร

จอมอริยะเสวียนตูมองไปที่หานเจวี๋ย เอ่ยว่า “มรรคาสวรรค์เริ่มวงจรใหม่ครบล้านปีแล้ว ถึงเวลาสำหรับมหาเคราะห์ครั้งแรกแล้ว เดิมทีฉินหลิงสมควรกระตุ้นให้เกิดมหาเคราะห์ขึ้นแต่เขากลับไม่อยู่ในมรรคาสวรรค์…”

มหาเคราะห์ในปัจจุบันนี้แตกต่างไปจากช่วงก่อนมรรคาสวรรค์เริ่มต้นวงจรใหม่ จุดประสงค์หลักในการกระตุ้นขึ้นก็เพื่อให้สรรพสิ่งได้ระบายกำลัง ถึงแม้ปัจจุบันนี้จะสงบสุขดี แต่มีผู้บำเพ็ญมากมายยิ่งที่ฉวยโอกาสจากความสงบสุขข่มเหงรังแกผู้อ่อนแอ

สันติภาพอันรุ่งเรืองยากจะปรากฏขึ้นอย่างแท้จริง!

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “มหาเคราะห์จะมาในรูปแบบใด”

จอมอริยะเสวียนตูอธิบายว่า “ข้าคิดทบทวนอยู่หลายครั้ง หากกระตุ้นสงครามขึ้นมาโดยตรง ไม่ใช่เรื่องดีเลย กฎระเบียบมหาเคราะห์เหล่านั้นน่าจะสูญสิ้นไปพร้อมกับมรรคาสวรรค์ยุคก่อนแล้ว ข้าวางแผนจะใช้เผ่ามนุษย์ วังเทพและสำนักพุทธเป็นตัวหลัก ทำให้ฉินหลิงกลับชาติไปเกิดเป็นคนธรรมดา เนื่องจากยามเยาว์ประสบความลำบากยากแค้น เผ่ามนุษย์ถูกศิษย์ของสำนักพุทธพลั้งมือสังหารเข้าในยามที่ออกปราบมารปีศาจ ด้วยโอกาสวาสนาในชาตินี้ทำให้บังเอิญได้เข้าสู่วังเทพ กลายเป็นบุตรแห่งสวรรค์

“ฉินหลิงต้องการล้มล้างสำนักพุทธเพื่อล้างแค้น ในระหว่างนั้น จะให้สำนักนิกายแห่งอริยะและเผ่าพันธุ์อื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย มีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนฉินหลิง และมีฝ่ายที่สนับสนุนสำนักพุทธ ส่วนสำนักพุทธก็คิดจะรักษากฎระเบียบแห่งสันติธรรม

“หลังจากเกิดสงครามใหญ่ขึ้น บุตรแห่งมหาเคราะห์ของสำนักพุทธพลีกายสละชีพ แสดงปณิธานอันยิ่งใหญ่ กระตุ้นจิตเมตตาของสรรพสิ่ง จิตตั้งมั่นต่อสันติภาพแห่งมรรคาสวรรค์ ฉินหลิงตระหนักในธรรมะ มรรคจิตใสกระจ่าง พึงทราบว่าตนทำผิดพลาดมหันต์ไป จึงเปลี่ยนมาศรัทธาในสำนักพุทธ สืบสานหลักสันติธรรมแห่งสำนักพุทธสืบไป”

โครงเรื่องนี้ไม่เลวเลย

หานเจวี๋ยรู้สึกพอใจ เท่ากับเป็นการสร้างชื่อเสียงชุบตัวให้ฉินหลิง

ในช่วงแรกอาจจะทำให้สำนักพุทธถูกทอดทิ้งไป แต่หลังจากมหาเคราะห์สิ้นสุดลง สำนักพุทธจะถูกชำระล้างจนผุดผ่องอีกครั้ง ถึงขั้นที่จะมีสานุศิษย์จำนวนมากตบเท้าเข้าร่วมสำนักด้วย

ฉินหลิงเป็นศิษย์หลานสุดทะนุถนอมของหานอวี้ หานเจวี๋ยย่อมไม่อาจปล่อยให้ฉินหลิงได้รับความลำบาก

หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “เก็บสังขารของฉินหลิงไว้ที่สำนักซ่อนเร้น ให้วิญญาณกลับชาติถือกำเนิด ยามที่เขาต้องการล้างแค้น ทว่ากลับสู้ผู้ทรงพลังแห่งสำนักพุทธไม่ไหว จิตใจเกิดความสิ้นหวัง ต่อมาได้ทราบฐานะในชาติก่อนจากหลี่เสวียนเอ้า ดังนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังเขตเซียนร้อยคีรี คุกเข่าเว้าวอนขอพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ข้าจึงคืนสังขารให้เขา ทำให้เขาปลดเปลื้องจากบ่วงในโลกโลกีย์ พร้อมกับฟื้นฟูพลังกลับมา ปิดฉากมหาเคราะห์ลง”

จอมอริยะเสวียนตูชมเชย “ความคิดนี้ยอดเยี่ยม”

อริยะรุ่นเก่าคนอื่นๆ ก็เอ่ยชมเชย ฉิวซีไหลก็ไม่ได้คัดค้านเช่นกัน ดูเหมือนสำนักพุทธจะเสียเปรียบ แต่ขอเพียงมหาเคราะห์ผ่านไปอย่างราบรื่น สำนักพุทธกลับจะได้รับประโยชน์มากที่สุด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ