บทที่ 779 เผ่าเทพอมตะ ท้าสู้อริยะ
การหายไปของต้นฝูซังสร้างความตื่นตะลึงให้แก่เขตเซียนร้อยคีรี อย่างไรก็ตามเมื่อหานเจวี๋ยไม่ได้พูดอะไร ไม่นานนักเหล่าศิษย์ล้วนไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
พวกเขานึกว่าการหายไปของต้นฝูซังเป็นฝีมือของหานเจวี๋ย
หานเจวี๋ยเข้าสู่สภาวะฝึกบำเพ็ญ
เวลาผ่านไปเช่นนี้ปีแล้วปีเล่า
มหาสมุทรแปรผัน วันเดือนเคลื่อนคล้อย
ห้าหมื่นปีผ่านไปในชั่วพริบตา
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ค่อยๆ ลุกขึ้นมา
เมื่อหลายร้อยปีก่อน จอมอริยะเสวียนตูถ่ายทอดเสียงหาเขา กล่าวว่าหลังจากเขาสิ้นสุดการปิดด่านแล้วให้มาที่ตำหนักเอกภพ
หานเจวี๋ยกระโจนมาโผล่ในตำหนักเอกภพ จอมอริยะเสวียนตูลืมตาขึ้น จากนั้นก็ถ่ายทอดเสียงหาอริยะรายอื่น
หานเจวี๋ยนั่งลงข้างกายจอมอริยะเสวียนตู ยิ้มบางๆ แล้วกล่าวว่า “ระยะนี้ตบะก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยเลยนี่”
จอมอริยะเสวียนตูยิ้มนิดๆ ตอบไปว่า “ล้วนอาศัยดวงชะตามรรคาสวรรค์ทั้งสิ้น มิใช่เพียงข้าเท่านั้น อริยะรายอื่นก็มีความก้าวหน้าเช่นกัน”
ก่อนที่มรรคาสวรรค์จะเริ่มต้นวงจรใหม่ เหล่าอริยะอยู่มานานหลายหมื่นล้านปี ยังไม่แน่ว่าตบะจะเพิ่มขึ้นเลย
ไม่นานนัก อริยะที่เหลือต่างทยอยกันมา
มรรคาสวรรค์มีอริยะหน้าใหม่เพิ่มขึ้นหนึ่งราย มาจากสำนักพุทธ เป็นบรรพชนพุทธเทวัญที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว
ตอนนี้สำนักพุทธมีอริยะสามคนแล้ว
ฉิวซีไหลเริ่มออกโรงแล้ว
สำหรับเรื่องนี้ อริยะรายอื่นก็ไม่รู้จะกล่าวอันใด บรรพชนพุทธเทวัญร้ายกาจจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของตบะ ดวงชะตา หรือว่าชื่อเสียง นับว่าโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในแดนเซียน ณ ปัจจุบันนี้ หากว่าแม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถพิสูจน์มรรคได้ ก็ไม่เข้าท่าแล้วจริงๆ
ในอดีตหานเจวี๋ยเคยได้ยินชื่อของบรรพชนพุทธเทวัญมาก่อน แต่เพิ่งพบตัวเป็นครั้งแรกก็วันนี้
นับตั้งแต่ชื่อเสียงของอริยะสวรรค์เกรียงไกรแพร่กระจายออกไป ไม่น่าเชื่อเลยว่าบรรพชนพุทธเทวัญจะถูกมองว่าเป็นศิษย์ของอริยะสวรรค์เกรียงไกร
ทว่าบรรพชนพุทธเทวัญก็ไม่เคยปฏิเสธเลย เขาทราบจุดยืนของสำนักพุทธจากฉิวซีไหลแล้ว
รอจนอริยะทั้งหมดนั่งลงแล้ว จอมอริยะเสวียนตูถึงเปิดปากกล่าว “จะกล่าวถึงเรื่องภาคีร้อยดินแดนก่อน ในเบื้องต้นได้บรรลุข้อตกลงในการร่วมภาคีแล้ว ในอนาคตจะร่วมรุกร่วมต้านไปด้วยกัน มรรคาสวรรค์นับเป็นหนึ่งในผู้นำหลักของภาคี…”
หานเจวี๋ยไม่สนใจเรื่องการผูกมิตรกันระหว่างดินแดนต่างๆ ดังนั้นจึงเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู
[ฉู่ซื่อเหรินศิษย์หลานของท่านเผยแผ่พุทธศาสนา มหามรรคพุทธคุณเพิ่มพูน]
[จอมเทพข่งเซวี่ยสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากตี้เจียงสหายของท่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[ตี้จวินสหายของท่านสนทนาธรรมกับผู้ทรงพลังลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[ฉินหลิงสหายของท่านผสานรวมกับดวงชะตามรรคาสวรรค์ ทำความเข้าใจพลังวิเศษมรรคาสวรรค์]
[มหาจักรพรรดิเทียนเอ้อสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]
[นักพรตเต๋ามิ่งอวิ๋นสหายของท่านสอดส่องแม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาล ตระหนักรู้ในวิถีแห่งโชคชะตา]
[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่านตระหนักรู้ในมหามรรคแห่งกรรม พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]
[หานทั่วบุตรชายของท่านได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังลึกลับ ทำความเข้าใจพลังวิเศษมหามรรค]
[อี๋เทียนสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากผู้ทรงพลังลึกลับ ทำความเข้าใจพลังวิเศษมหามรรค]
….
แวดวงสหายน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!
ช่างมีสีสันนัก!
จากจุดนี้ทำให้มองออกว่ารูปการณ์ของฟ้าบุพกาลกำลังเปลี่ยนแปลงไป!
จู่ๆ หานเจวี๋ยพลันขมวดคิ้ว
คงมิใช่ว่ามหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่จะมาถึงก่อนกำหนดกระมัง
คงไม่ใช่ ขอเพียงเทพมารอนธการไม่ปรากฏตัว มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ก็ไม่มีทางเริ่มขึ้น
อย่างน้อยก็ต้องมีมหาเคราะห์ทั่วไปปรากฏขึ้นอีกหลายครั้งก่อน
หานเจวี๋ยเห็นว่าหานทั่วและอี๋เทียนทำความเข้าใจพลังวิเศษมหามรรค ดูเหมือนบรรพชนมารลู่หยวนจะพอมีฝีมืออยู่บ้าง และตั้งใจอบรมสั่งสอนสองชนรุ่นหลังอย่างจริงจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...