บทที่ 782 ร่างจริงและร่างแยก
‘ข้าอยากรู้ว่านักพรตเฒ่าที่ให้เจียงอี้ใช้โอสถอนอนธการเป็นผู้ใด’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสามแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
ข้อความแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย
[เหล่าตาน: ระดับยอดมหามรรคระยะต้น ร่างจำลองของเหล่าจื่อ มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต จิตกระบี่แห่งมรรคกระบี่]
ร่างจำลองของเหล่าจื่ออย่างนั้นหรือ
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วแน่น เหล่าจื่อคิดจะทำอะไร
วางแผนคิดร้ายต่อเขาหรือ
ด้วยตบะของเหล่าตานไม่มีทางที่จะทำนายถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเต้าจื้อจุนทั้งสามกับหานเจวี๋ยไม่ได้ ยังมีจอมอริยะเสวียนตูอยู่อีก ไม่มีทางที่เหล่าตานจะไม่รู้จักหานเจวี๋ย
ทันใดนั้น จิตสังหารฉายวาบขึ้นมาในดวงตาของหานเจวี๋ย
ภารกิจเร่งด่วนในตอนนี้คือควรจะช่วยเหลือเจียงอี้อย่างไรดี
ให้ไปช่วยด้วยตัวเองไม่มีทางแน่ อันตรายเกินไป
หานเจวี๋ยทำได้เพียงพยายามหาทางช่วยเหลือเจียงอี้ในขอบเขตความสามารถของตน
สายตาของเขาเหม่อมองออกไปไกล
จุดที่เกิดการต่อสู้อยู่ถูกผนึกลึกลับกางกั้นไว้ สายตาเขาส่องทะลุผ่านอย่างสมบูรณ์ไม่ได้ เพียงรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของพวกเต้าจื้อจุนทั้งสามเท่านั้น
โดยเฉพาะเจียงอี้!
บ้าคลั่งนัก!
แม้แต่หานเจวี๋ยก็ยังตกใจ
นอกเขตผนึก มีเงาร่างใหญ่มโหฬารร่างหนึ่ง คาดว่าคงเป็นตัวตนระดับยอดมหามรรคเช่นกัน อำนาจแกร่งกล้า ทำให้หานเจวี๋ยมองทะลุไม่ได้
เพลิงแท้สุริยะอันน่าหวาดกลัวพลันโจมตีทำลายผนึก ท่วมทับตัวตนระดับยอดมหามรรค เปลวเพลิงเผาไหม้ห้วงมิติ ทำลายมิติไปทีละชั้นๆ จนกระทั่งเผยห้วงอวกาศดั้งเดิมออกมา
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็มองเห็นเจียงอี้แล้ว
เขากลายร่างเป็นมนุษย์เพลิง รูปร่างเป็นมนุษย์ ศีรษะเป็นอีกาทอง มีปีกเพลิงคู่หนึ่งอยู่ด้านหลัง ร่างสูงใหญ่ยากจะคะเนได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา แม้แต่ตัวตนระดับยอดมหามรรคก็ดูเล็กจ้อยไปหมด
เจียงอี้คำรามออกมาด้วยความโกรธ เพลิงแท้สุริยะอันไร้ขอบเขตกวาดม้วนออกไปทั่วสารทิศ ขนาดหานเจวี๋ยอยู่ในมรรคาสวรรค์ก็ยังมองเปลวเพลิงไหวระริกในดวงตา
นี่เป็นเพลิงที่ร้อนแรงถึงเพียงใดกัน!
หานเจวี๋ยตื่นตระหนกอยู่ในใจ เทพมารอนธการยุคก่อนฟ้าบุพกาลตนนั้นแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่
ในเมื่อแข็งแกร่งขนาดนี้ แล้วเขาดับสูญลงได้อย่างไร
ชั่วขณะนั้น จิตใจหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความฉงน ถึงขั้นที่มีความเศร้าหมองเล็กน้อยด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับเจียงอี้ในสภาพบ้าคลั่ง ตัวตนระดับยอดมหามรรคต้านไว้ไม่อยู่เลย
เจียงอี้มุ่งฝ่าไปในทิศทางหนึ่ง ไร้ซึ่งความกริ่งเกรง เพลิงแท้สุริยะเผาผลาญทุกสิ่งไปตลอดทาง ดวงดาวและห้วงมิติต่างเลือนสลายไป
เหล่าตานพาเต้าจื้อจุนและจ้าวเซวียนหยวนหลบหนี ข้ามผ่านเข้าสู่ห้วงเวลาในช่วงที่สับสนอลหม่านอยู่
จ้าวเซวียนหยวนถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เจียงอี้ล่ะ จะทิ้งเขาหรือ”
เหล่าตานร้องด่า “จะจัดการอย่างไรเล่า เมื่อครู่ไม่ได้เผาพวกเราตายก็ถือว่าโชคดีแล้ว! ย่ามันเถอะ ไม่คิดเลยว่าผลลัพธ์ของโอสถอนธการจะทรงอานุภาพถึงขนาดนี้!”
ในใจเขาเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง
แล้วเทพมารอนธการตัวจริงจะน่าหวาดกลัวถึงเพียงใดกันเล่า
ประเด็นสำคัญที่สุดคือเขาได้ทราบว่าเทพมารอนธการถือกำเนิดขึ้นแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้อึกทึกครึกโครมขนาดนี้ เทพมารอนธการลึกลับตนนั้นอาจจะกำลังชมศึกอยู่ด้วยก็ได้
พอนึกถึงว่าตนถูกเทพมารอนธการหมายหัวเข้าแล้ว เหล่าตานสั่นสะท้านด้วยความกลัว ในใจเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง
เต้าจื้อจุนเอ่ยถาม “หลังจากนี้เขาจะเป็นอย่างไร จะตายหรือไม่”
ทันทีที่หมดฤทธิ์โอสถ จุดจบของเจียงอี้…
เต้าจื้อจุนไม่กล้าจิตนาการเลย
เหล่าตานเงียบไป
เต้าจื้อจุนตะคอกด้วยความโกรธ “ปล่อยพวกเรากลับไป ถ้าต้องตายข้าก็จะตายไปกับเขาด้วย!”
จ้าวเซวียนหยวนก็แสดงจุดยืนด้วย “ตาเฒ่า! เจ้าทำร้ายพี่น้องของข้า เจ้าไม่ได้ตายดีแน่ รีบส่งพวกเรากลับไปเดี๋ยวนี้!”
เหล่าตานมองพวกเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เอ่ยว่า “พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือ กลับไปก็ตายเปล่า!”
“พวกเราสามพี่น้องพึ่งพาอาศัยกันถึงมีชีวิตรอดมาได้ จะร่วมเป็นร่วมตายไปด้วยกัน!”
เต้าจื้อจุนเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว เหล่าตานได้ฟังก็เงียบไป
จ้าวเซวียนหยวนเอ่ยเร่ง “อย่าแกล้งตาย!”
ทั้งสองล้วนถูกพลังเวทของเหล่าตานห่อหุ้มไว้ ขยับเขยื้อนไม่ได้ มิเช่นนั้นพวกเขาคงเหาะออกไปเองแต่แรกแล้ว
เหล่าตานกัดฟันเอ่ย “ข้ามาเจอพวกเจ้าสามคนเข้า นับว่าโชคร้ายมหันต์จริงๆ! เอาล่ะ ผู้เฒ่าจะยอมเสี่ยงชีวิตช่วยเด็กคนนั้นสักครั้ง!”
เขาเริ่มขยับนิ้วร่ายอาคม พลังเวทพลุ่งพล่านพัดเสื้อฟางไหวกระเพื่อม ประตูแสงบานหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา จากนั้น เงาร่างหนึ่งค่อยๆ เดินออกมา
คนผู้นี้รูปร่างหน้าตาเหมือนเหล่าตานทุกประการ แต่สวมชุดนักพรตเต๋า บุคลิกเลิศล้ำ สีหน้าเย็นชา ราวกับไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...