นี่ไม่ได้แสดงถึงความแข็งแกร่ง แต่เป็นความเข้าใจจิตกระบี่!
ระหว่างทางที่เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน หานเจวี๋ยก็มีเจตจำนงที่ชัดเจนต่อจิตกระบี่ของตนเอง
ทันใดนั้นเขาเกิดความสงสัยขึ้น
ผู้ใดอยู่ที่ปลายสุดของสายธารมรรคกระบี่สายนี้
ขณะนั้นเอง!
เงาร่างสีแดงชาดด้านหน้าพลันหันหน้ามาตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว “ยังไม่หยุดอีก! เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาก็กล้าสัมผัสแดนเซียน รนหาที่ตาย!”
เกิดเสียงดัง ตู้ม!
จิตกระบี่ลึกลับและน่าหวาดผวาระเบิดออกมา ม้วนตัวมาทางหานเจวี๋ย พริบตานั้นหานเจวี๋ยรู้สึกหวาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับความตาย
หลังจากนั้นสายธารมรรคกระบี่แตกเป็นเสี่ยงๆ ตามมา หานเจวี๋ยราวกับตื่นขึ้นจากฝัน จิตรับรู้ของเขากลับสู่กายเนื้ออีกครั้ง
เขาหอบหายใจ เหงื่อโทรมเต็มศีรษะ
“คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่”
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเจวี๋ยรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของผู้ทรงพลังระดับนี้ ลำพังเพียงจิตกระบี่ก็สามารถฉีกทึ้งเขาได้แล้ว
โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าสังหาร มิเช่นนั้นจิตดั้งเดิมของหานเจวี๋ยอาจถูกทำลายได้
ดูท่าหลังจากนี้จะโลภมากไม่ได้อีกแล้ว
ต้องรู้จักยับยั้ง นอกเสียจากตนเองจะมีตบะแข็งแกร่งไม่เป็นรองใคร
[ยินดีด้วย ท่านบรรลุจิตกระบี่ระดับไท่อี่ นามว่าจิตกระบี่หวนคืน]
[เนื่องจากท่านบรรลุจิตกระบี่ไท่อี่เป็นครั้งแรก ท่านจะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]
[ยินดีด้วย ท่านได้รับสมบัติวิญญาณระดับหก ขั้นไท่อี่–เบาะสงบจิตใจ]
[เบาะสงบจิตใจ: สมบัติวิญญาณระดับหก ขั้นไท่อี่ สามารถช่วยเสริมความเร็วในการฝึกฝน ทำให้จิตใจสงบและระงับมารในใจ]
ขั้นไท่อี่?
หรือจะเป็นขั้นที่อยู่เหนือโลกมนุษย์?
หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ เขารีบนำเบาะสงบจิตใจออกมาทันที
เบาะนี้ดูแล้วธรรมดานัก ไม่ต่างอะไรกับเบาะในอารามเต๋าปกติทั่วไป แต่พอหานเจวี๋ยนั่งลงไปกลับรู้สึกผ่อนคลายไปทั่วทั้งร่าง ความตกใจจากการขู่ขวัญของเซียนกระบี่ลึกลับก่อนหน้านี้ได้อันตรธานหายไปหมดสิ้น
หานเจวี๋ยยกมือขวาขึ้น กระบี่เล็กเล่มหนึ่งก่อตัวขึ้นบนกลางฝ่ามือ
จิตกระบี่หวนคืน!
ในที่สุดเขาก็มีจิตกระบี่ของตัวเอง!
หลังจากนี้หากมีคนมาท้าประลองถึงที่ เขาจะใช้จิตกระบี่หวนคืนบดสังหารทันที พุ่งไปยังเป้าหมายที่จะฆ่า พยายามไม่ให้ทำลายสภาพแวดล้อมโดยรอบ ไม่ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวขนาดใหญ่เกินไป
หานเจวี๋ยถอนหายใจหนักๆ เริ่มทำการฝึกฝน
ขณะเดียวกัน แสงสีม่วงบนท้องนภาก็เริ่มสลายหายไป
ทั่วหล้าต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องนี้ หานเจวี๋ยไม่ได้โผล่หน้าออกไป แต่กลับมีผู้แอบอ้างจำนวนไม่น้อยกล่าวว่าตนเองเป็นผู้ที่ฟ้าลิขิตนำพาให้เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้
และทั้งหมดนี้หานเจวี๋ยไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะทราบก็ไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด
……
เขตอุดร สำนักมารปีศาจ
ภายในหุบเขาที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง ศิษย์จำนวนหลายร้อยคนกำลังนั่งสมาธิอยู่ด้วยกัน พวกเขาหันหน้าไปทางศิลาจารึกก้อนหนึ่ง บนศิลาสลักอักขระสีเลือดที่คลุมเครือยากแก่การเข้าใจอยู่หนึ่งแถว
ซูฉีก็อยู่ในนั้นด้วย เขากำลังมีสีหน้ากลัดกลุ้ม
เขาไม่อยากเรียนวิชามารของสำนักมารปีศาจ เขาไม่อยากเป็นผู้บำเพ็ญสายมาร เขาอยากเป็นผู้บำเพ็ญสายหลัก
เพียงแต่เหตุใดอาจารย์เขาถึงยังไม่ลงมือ
ตั้งแต่เข้าร่วมสำนักมารปีศาจ เขามักจะถูกรังแกอยู่บ่อยๆ เพราะว่าเขาไม่อยากไปก่อกรรมทำเข็ญกับผู้บำเพ็ญสายมารเหล่านั้น ผู้ที่เข้ากันไม่ได้อย่างเขาย่อมถูกขัดแข้งขัดขา โชคดีที่ศิษย์ที่รังแกเขาเหล่านั้นมักจะตายด้วยเหตุการณ์แปลกประหลาด ทำให้ตอนนี้ไม่มีใครกล้ายุแหย่เขา
ซูฉีรู้ดีว่าจะต้องเป็นอาจารย์ที่แอบช่วยเขา
ดูท่าสำนักมารปีศาจนี้จะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพราะแม้แต่อาจารย์ยังไม่กล้าลงมือง่ายๆ
ตอนนั้นเอง
พลันมีเงาร่างปรากฏขึ้นที่ด้านข้างศิลาจารึกที่อยู่ตรงหน้า
“เหล่าศิษย์ทั้งหลายรีบกลับสำนัก ผู้อาวุโสเซียวเอ้อร์ดับสูญแล้ว ศิษย์ทั้งหมดต้องไปกราบไหว้!”
ผู้ที่เข้ามาตะโกนเสียงดัง เมื่อวาจานี้ดังขึ้น ผู้คนทั้งหมดก็เกิดความโกลาหล
ผู้อาวุโสดับสูญ!
ในสำนักมารปีศาจ หากอยากจะขึ้นเป็นผู้อาวุโส อย่างน้อยต้องมีตบะระดับสุญตา
ผู้ทรงพลังระดับสุญตาคนหนึ่งดับสูญ?
นี่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก!
บรรดาศิษย์พากันลุกขึ้น ก่อนเหาะไปทางสำนัก
ซูฉีตามฝูงชนไป ลอบรู้สึกตื่นเต้น “หรืออาจารย์จะลงมือแล้ว จะต้องเป็นเขาแน่ ในเขตอุดรก็ไม่มีสำนักใดกล้ายุแหย่สำนักมารปีศาจ ผู้บำเพ็ญระดับสุญตาก็ไม่อาจดับสูญโดยไม่มีเค้ามูล”
อีกด้านหนึ่ง
ภายในศาลบรรพชนแห่งหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...