บทที่ 796 ตาเฒ่าพญายม วังเยือนอริยะ
“พล่ามให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ เจ้าอยากตายหรือ”
จู้หรงผู้อารมณ์ร้อนตวาดเสียงกร้าว เสียงตวาดแว่วดังไปทั่วแดนต้องห้ามอันธการบริเวณนี้
ตี้เจียงกลับสู่ร่างจริงบรรพชนจอมเวท ดูคล้ายเทพมารฟ้าบุพกาลตนหนึ่ง ท่าทางดุร้ายน่ากลัว มองแค่กล้ามเนื้อบนร่างเขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงพลังอันน่าหวาดกลัวที่แฝงเร้นอยู่ในตัวได้
ใบหน้าใหญ่ลึกลับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ศัตรูของพวกเจ้าไม่ใช่ข้า พวกเจ้ามุ่งหน้าไปยังมรรคาสวรรค์ก็เพื่อจะฟื้นคืนชีพให้ผานกู่กระมัง
“ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะหาพบหรือไม่เลย ต่อให้หาพบ พวกเจ้าฟื้นคืนชีพให้ผานกู่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นจะสรรพสิ่งมรรคาสวรรค์จะจัดการความสัมพันธ์กับผานกู่อย่างไรเล่า มรรคาสวรรค์จะหวนสู่การปกครองของผานกู่หรือ อริยะสวรรค์เกรียงไกรผู้นั้นจะทนได้หรือ ให้ผานกู่ไปจากมรรคาสวรรค์ ผานกู่จะทนได้หรือ”
วาจาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาเย้ยหยัน เยาะเย้ยสมองตื้นๆ ของเหล่าบรรพชนจอมเวทออกมา
ตี้เจียงย้อนถาม “เจ้าเคยพบเทพบิดาของพวกเราหรือ”
ใบหน้าลึกลับกล่าวว่า “ผานกู่ดับสูญไปเนิ่นนานปานนั้น ข้าย่อมไม่เคยพบ พวกเจ้าก็เหมือนกันมิใช่หรือ”
“พลังของเทพบิดาเกรียงไกรไร้พ่าย”
“โอ้ ความหมายของพวกเจ้าคือเมื่อผานกู่ฟื้นคืนชีพ อริยะสวรรค์เกรียงไกรก็สู้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
ตี้เจียงเงียบงัน
หากวาจานี้เล่าลือไปถึงมรรคาสวรรค์ เช่นนั้นคงไม่ดี
ใบหน้าลึกลับหัวเราะอย่างชั่วร้าย “ตี้เจียงหนอตี้เจียง ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ผานกู่หาใช่ตัวตนไร้พ่ายมานานแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงตัวตนยุคบรรพกาลที่รอดชีวิตมาจากช่วงบุกเบิกฟ้าบุพกาลเหล่านั้นเลย แม้แต่บรรพชนเต๋าก็ก้าวข้ามผานกู่ไปแล้ว ฟื้นคืนชีพให้ผานกู่ สำหรับพวกเจ้านั่นคือการชักภัยมาใส่ตัว ภารกิจเร่งด่วนของพวกเจ้าคือต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ไม่ใช่หลับหูหลับตาเสาะแสวงหาพลังของบรรพบุรุษ”
ตี้เจียงขมวดคิ้ว วาจานี้กลับทำให้เขาหวั่นไหวอยู่บ้าง
ถูกต้อง
หากฟื้นคืนชีพให้ผานกู่ ขณะที่ยังฟื้นพลังได้ไม่สมบูรณ์ ต้องคอยรับมือกับการล้างแค้นของเทพมารฟ้าบุพกาลที่จะแห่มาแน่
เทพมารฟ้าบุพกาลเหล่านี้ฝึกบำเพ็ญมานานกว่าผานกู่ เนิ่นนานจนนับยุคไม่ได้!
เป็นเทพมารฟ้าบุพกาลเหมือนกัน แม้จะห่างชั้นกันในแง่ของคุณสมบัติ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่ห่างชั้นกันมหาศาล
จากนั้นใบหน้าลึกลับก็เลือนหายไป ก่อนจากไปได้เอ่ยทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง
“หากคิดตกแล้ว มาเข้าร่วมกับมิ่งได้ทุกเมื่อ มิ่งล้วนเท่าเทียมเสมอภาค ต่างทำเพื่อผลักดันฟ้าบุพกาล หากเผ่าจอมเวทยินดีช่วยเหลือมิ่ง ยามเมื่ออนธการมาเยือน เผ่าจอมเวทจะได้รับตำแหน่งเสมอเหมือนกับเผ่ามนุษย์ และทุกท่านจะได้กลายเป็นดวงจิตมหามรรคยุคใหม่!”
เหล่าบรรพชนจอมเวทมองหน้ากัน
ที่แท้ก็เป็นมิ่ง!
ในส่วนของมิ่งนั้นพวกเขาย่อมรู้จักดี ที่วังสวรรค์ก่อนหน้านี้ก็เคยประมือกับมิ่งมาก่อน
ทักษะอันธการของมหาอริยะสวีหุนทำให้พวกเขาเผชิญกับการปิดล้อมโจมตีจากมิ่งสิบสามราย หากมิใช่เพราะหานเจวี๋ยจบศึกได้เร็วพอ เกรงว่าพวกเขาคงตายไปแล้ว
เมื่อว่ากันตามนี้ มิ่งยังคงเป็นศัตรูคู่แค้นของพวกเขา!
ก้งกงเอ่ยเสียงขรึม “พี่ใหญ่ อย่าไปเชื่อเขา เขานับเป็นตัวอันใดกัน มาหยามหมิ่นพวกเรา จากนั้นก็หยิบยื่นไมตรีให้อย่างนั้นหรือ น่าขัน!”
บรรพชนจอมเวทที่เหลือพากันพยักหน้าเห็นด้วย ต่างขุ่นเคืองต่อความคับข้องที่ได้รับ
ตี้เจียงแค่นเสียงเอ่ย “ข้าไม่เชื่อเขาแน่อยู่แล้ว เดินทางต่อเถอะ มุ่งหน้าสู่มรรคาสวรรค์!”
มือใหญ่มโหฬารมุ่งหน้าต่อไป เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้
….
ยมโลก ณ ตำหนักพญายม
หยางเทียนตงเท้าคางด้วยมือข้างหนึ่ง อ้าปากหาว เฉื่อยชาเบื่อหน่ายยิ่งนัก
มีเสียงโครมครามดังสนั่นแก้วหูแว่วมาจากนอกตำหนัก สั่นคลอนตำหนักพญายม แต่หยางเทียนตงกลับไม่ตระหนกเลยสักนิด
ไม่นานนัก ทหารผีหลายนายถูกถีบปลิวเข้ามา กระแทกผนังด้านหลังหยางเทียนตง จากนั้นเงาร่างองอาจข่มขวัญคนสองสายก็พุ่งเข้ามา
“ฮ่าๆๆ พี่น้องเอ๋ย เมืองนรกก็แค่นี้ ขวางพวกเราสองพี่น้องไม่ได้!”
“พี่จื้อจุน อย่าโอ้เอ้เลย รีบเอาสมุดความเป็นความตายมาเถอะ!”
ผู้มาคือซย่าจื้อจุนและฉินหลิง
หลังจากใช้โอสถเบิกจักรพรรดิไปเก้าสิบเก้าเม็ด ตบะของฉินหลิงเริ่มผงาดขึ้นมา ดึงดูดความสนใจจากในวังเทพได้ไม่น้อย ภายหลังมีโอกาสเหมาะได้พบเจอกับซย่าจื้อจุนเข้า ทั้งสองนับว่าไม่ต่อยตีไม่เกิดมิตร แม้ฉินหลิงจะสู้ซย่าจื้อจุนไม่ได้ แต่ความหัวรั้นนั้นทำให้ซย่าจื้อจุนถูกชะตา ต่อมาทั้งสองจึงร่วมสาบานเป็นพี่น้องต่างแซ่กัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...