บทที่ 797 อำนาจของอริยะสวรรค์เกรียงไกร
“เป็นไปได้อย่างไร ไม่น่าเชื่อเลยว่าข้ารับรู้ถึงการมาของเขาไม่ได้!”
ตี้เจียงตื่นตะลึงนัก ในใจเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
หานเจวี๋ยเข้ามาใกล้โดยที่เขาไม่รู้ตัวได้ ก็แปลว่าหากมีใจหมายสังหาร พวกเขาก็สามารถถูกสังหารในเสี้ยววินาทีได้ง่ายดายยิ่งมิใช่หรือ
ต่อให้ไม่ตาย ก็ต้องบาดเจ็บสาหัส!
ตี้เจียงไม่มีวันลืมเลือนฉากที่หานเจวี๋ยสังหารดวงจิตมหามรรคแห่งความสิ้นหวังได้ตลอดกาล
เผด็จการยิ่งกว่าบรรพชนจอมเวทอย่างพวกเขาเสียอีก!
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยลุกขึ้นยืน ประสานมือคำนับหานเจวี๋ย จากนั้นก็โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง เบาะกลมใบหนึ่งพลันปรากฏขึ้นข้างกาย
หานเจวี๋ยเดินเข้ามานั่งด้านข้างเจ้านิกายเทียนเจวี๋ย ทำท่าทางสื่อให้เหล่าบรรพชนจอมเวทนั่งลง
“จักรพรรดินีผืนพิภพ ไม่ได้พบกันเสียนาน” หานเจวี๋ยเริ่มทักทายจักรพรรดินีผืนพิภพตามมารยาท
เริ่มทักทายคนคุ้นเคยก่อน เพื่อทำลายบรรยากาศเงียบสงัด
จักรพรรดินีผืนพิภพเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้พบกันนานมากจริงๆ เวลาผ่านไปไม่เท่าไร สหายเต๋าหานกลับต่างไปจากในอดีตอย่างแท้จริง คุณสมบัติของเจ้าต่อให้อยู่ในหมู่เทพมารฟ้าบุพกาลก็จัดอยู่ในลำดับต้นๆ เช่นกัน”
บรรพชนจอมเวทที่เหลือไม่ได้เปิดปากเลย แต่ต่อหน้าหานเจวี๋ย ยังคงระบายยิ้มออกมา
ต้องกล่าวเลยว่า ถึงการปรากฏตัวขึ้นของหานเจวี๋ยจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการ แต่กลับสะกดสิบสองบรรพชนจอมเวทได้
หานเจวี๋ยพูดคุยกับจักรพรรดินีผืนพิภพอยู่สักพัก ถึงได้เอ่ยถามจุดประสงค์ในการมาของเผ่าจอมเวท
จักรพรรดินีผืนพิภพมองไปทางตี้เจียง
ตี้เจียงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ข้าอยากส่งจอมเวทส่วนหนึ่งเข้าสู่มรรคาสวรรค์ ตามหาเจตจำนงของเทพบิดา เมื่อหาพบ พวกเราจะจากไปทันที ข้าทราบถึงกฎระเบียบของมรรคาสวรรค์ดี ดังนั้นพวกเราเหล่าบรรพชนจอมเวทจะคอยอยู่ที่นี่ ไม่รบกวนมรรคาสวรรค์เด็ดขาด”
เมื่อกล่าววาจานี้ออกไป ในใจของตี้เจียงรู้สึกอึดอัดนัก
ในอดีตพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของมรรคาสวรรค์เช่นกัน เมื่อกลับมายังมรรคาสวรรค์เดิมสมควรเป็นการหวนคืนบ้านเกิด ยามนี้กลับมีความรู้สึกเหมือนมาเยี่ยมเยือน เป็นแขกของบ้านอื่น
มรรคาสวรรค์คือดินแดนที่เทพบิดาผานกู่ของพวกเขาบุกเบิกขึ้น!
หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เจตจำนงผานกู่หรือ นั่นคือสิ่งใด ชนรุ่นหลังทั้งหมดของผานกู่หรือ”
ตี้เจียงส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “พวกเราไม่สนใจชนรุ่นหลังของเทพบิดา ส่วนเจตจำนงของเทพบิดา ตอนนี้พวกเราก็ยังไม่ทราบกระจ่าง ยังคงต้องตามหาดูก่อนถึงจะรู้”
หานเจวี๋ยเงียบไป
เขาถามอยู่ในใจ ‘ตี้เจียงพูดความจริงหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[เป็นความจริง]
‘เจตจำนงของผานกู่คือสิ่งใด’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[เจตจำนงผานกู่: เป็นเสี้ยวปัญญาของผานกู่ที่หลงเหลืออยู่หลังจากบุกเบิกฟ้าดิน ถูกผนึกไว้ในมรรคาสวรรค์ จำเป็นต้องมีตบะระดับยอดมหามรรคถึงจะพอฝืนส่องเห็นได้]
มีลูกไม้เช่นนี้ด้วยหรือ
จิตวิญญาณมรรคาสวรรค์ที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้จะใช่ลูกไม้ของผานกู่ด้วยหรือไม่
เมื่อลองคิดดูอย่างละเอียดก็ถูกแล้ว มีชนรุ่นหลังของผานกู่ปรากฏขึ้นในมรรคาสวรรค์มากมายขนาดนี้ได้ ต้องเป็นลูกเล่นที่ผานกู่ทิ้งไว้ในมรรคาสวรรค์เป็นแน่
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตบะของเหล่าบรรพชนจอมเวทต่ำเกินไป ไม่มีทางสัมผัสถึงเจตจำนงของผานกู่ได้
เหล่าบรรพชนจอมเวทเห็นหานเจวี๋ยไม่ตอบ หัวใจก็ค่อยๆ หนักอึ้งจมดิ่ง
พวกเขาคิดว่าหานเจวี๋ยจะปฏิเสธ
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยเผยสีหน้าสนใจใคร่รู้ออกมา
ก่อนหน้านี้ไม่สบอารมณ์กับท่าทีของเหล่าบรรพชนจอมเวทยิ่งนัก เมื่อเห็นหานเจวี๋ยข่มบรรพชนจอมเวทได้ ไม่ต้องบอกเลยว่าในใจรื่นเริงแค่ไหน
ก่อนหน้านี้พวกเจ้าดุร้ายมากไม่ใช่หรือ
ไยตอนนี้ถึงไม่กล้าพูดไร้สาระแล้วเล่า
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
หานเจวี๋ยเงยหน้าขึ้น มองเห็นเหล่าบรรพชนจอมเวทประหม่าอย่างยิ่ง อดที่จะยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ก่อนเอ่ยไปว่า “ย่อมได้แน่นอน เมื่อครู่ข้าเพียงกำลังคิดอยู่ว่าเจตจำนงผานกู่จะเป็นสิ่งใดได้บ้าง อยากช่วยลดความลำบากของพวกท่าน แต่คิดไปคิดมา ข้าก็คิดได้ไม่กระจ่างเช่นกัน แต่หากจะให้ปฏิเสธพวกท่านตรงๆ ก็ดูไม่เข้าท่าเลย พวกท่านจัดสรรจอมเวทเข้าสู่แดนเซียนได้เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหล่าบรรพชนจอมเวทต่างปรีดาขึ้นมาในทันใด พากันขอบคุณหานเจวี๋ย ชั่วขณะนั้นหานเจวี๋ยได้รับแจ้งเตือนระดับความประทับใจที่เพิ่มขึ้นข้อความแล้วข้อความเล่า
หานเจวี๋ยเมินแจ้งเตือนตรงหน้า มองไปทางเจ้านิกายเทียนเจวี๋ย เอ่ยว่า “ต่อไปก็ยกหน้าที่นี้ให้เจ้าคอยดูแลสหายเต๋าเหล่านี้แล้วกัน”
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยพยักหน้ารับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...