บทที่ 826 มองทะลุอนิจจัง สหาย
แดนความฝันคือห้วงอวกาศเวิ้งว้างดั้งเดิม เป็นสถานที่ที่หานเจวี๋ยและอริยะเทพอวี๋เจี้ยนสู้กันในปีนั้น
เหล่าอวี๋ก็เป็นคนที่ระลึกถึงความหลังคนหนึ่งเช่นกัน
หานเจวี๋ยทอดถอนใจอยู่ภายใน
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่า “อริยะสวรรค์เกรียงไกร ช่วงนี้ตบะของข้ามีความก้าวหน้าอีกแล้ว อยากประลองกับเจ้าจริงๆ แต่เจ้ายังไม่พิสูจน์ยอดมหามรรค ข้าไม่อยากรังแกเจ้า”
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “หากข้าพิสูจน์ยอดมหามรรค เจ้าจะไม่แพ้หรอกหรือ”
“ไม่มีทาง! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนพลั้งปากปฏิเสธ
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “อันที่จริงข้ายังไม่รู้เลยว่าควรจะพิสูจน์ยอดมหามรรคอย่างไร”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยว่า “ลองค่อยๆ ใคร่ครวญไปเถิด วิธีการที่อริยะมหามรรคแต่ละคนใช้พิสูจน์ยอดมหามรรคล้วนต่างกันไป ผู้อื่นไม่อาจสอนให้ได้ เมื่อบรรลุถึงระดับมหามรรค ต้องพึ่งพาตัวเองในการฝึกบำเพ็ญ”
หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ เรื่องนี้เป็นความจริง
เขามองอริยะเทพอวี๋เจี้ยน แววตาแปลกพิกล
คนผู้นี้มาเข้าฝันเขา เพียงเพื่อโอ้อวดเช่นนั้นหรือ
“ผู้นำกลุ่มอิทธิพลมิ่งถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปจนตาย ตอนนี้มิ่งทั้งหมดเร้นกายไปแล้ว” อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยขึ้น
“โอ้ นั่นเป็นเรื่องดี”
“เพียงแต่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการอาจจะมาจากดวงจิตมหามรรค เจ้าต้องระวังตัวไว้ ในอดีตเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเคยวางแผนพุ่งเป้ามาที่มรรคาสวรรค์ ซ้ำเจ้ายังเคยสังหารดวงจิตมหามรรค ต้องทราบก่อนว่าเจ้าชะตาผู้นั้นก็เป็นระดับยอดมหามรรคเช่นกัน ถูกจัดการจนสิ้นชีพอย่างน่าอนาถ กล่าวก็คือ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการผู้นี้น่ากลัวอย่างแท้จริง อาศัยเพียงพลังคำสาปแช่งก็สามารถสาปตัวตนระดับยอดมหามรรคคนหนึ่งซึ่งมองทะลุอนิจจังให้ตายได้”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนร้องจุ๊ๆ ด้วยความประหลาดใจ
หานเจวี๋ยถามด้วยความอยากรู้ “มองทะลุอนิจจังเป็นอย่างไร”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง ทุกสิ่งที่เจ้าเห็นอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าเห็น รอจนเจ้าเข้าสู่ระดับยอดมหามรรค เจ้าจะได้เห็นโลกใบใหม่อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งเจ้าจะเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ต่างๆ อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกจำกัดด้วยบ่วงกรรม ดวงชะตาและห้วงมิติ
“ขอเพียงให้เวลาสักหน่อย ยอดมหามรรคจะสามารถทำลายฟ้าบุพกาลได้!”
ทำลายฟ้าบุพกาลหรือ
แข็งแกร่งขนาดนี้เชียว
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วพลางกล่าวไปว่า “ง่ายดายเช่นนี้น่ะหรือ”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยว่า “แน่นอนว่าย่อมมีการถ่วงดุลอยู่ ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่ายอดมหามรรคแข็งแกร่งที่สุด แต่ไม่นานมานี้ข้าบังเอิญพบตัวตนเหนือชั้นท่านหนึ่งเข้า จนตอนนี้เมื่อนึกถึงขึ้นมา ก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่”
เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลหรือ
หานเจวี๋ยแอบสงสัยอยู่ในใจ
จอมเทพฟ้าบุพกาลวางตัวสูงส่งอยู่เบื้องบน ก้มมองทั่วฟ้าบุพกาลจากมุมสูง สรุปแล้วเขาคิดอะไรอยู่ แล้วเขาแสวงหาสิ่งใดอยู่
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเลิกคิ้วพลางถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงไม่ถามต่อเล่า”
“ตัวตนที่ทำให้เจ้าหวาดกลัวเช่นนี้ได้ ข้าถามให้น้อยหน่อยจะดีกว่า” หานเจวี๋ยแบมือพลางเอ่ยไป
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนยิ้มออกมา “ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลย สรุปแล้วเจ้าบ้าบิ่น หรือว่าขี้ขลาดกันแน่”
“ขี้ขลาด ที่ลงมือกับเจ้าก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็นเจ้า พบศัตรูตัวฉกาจเข้า เจ้าจะไม่ทุ่มสุดตัวเพื่อสังหารหรือ ไม่กลัวปัญหาที่จะตามมาไม่รู้จบหรือ”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนพยักหน้ารับวาจาของหานเจวี๋ย เขาชื่นชมในตัวหานเจวี๋ยยิ่งกว่าเดิม
ทันใดนั้นหานเจวี๋ยพลันถามขึ้นว่า “เจ้ากับข้านับเป็นสหายกันหรือไม่”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนตะลึงงัน
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “พวกเราก็นับว่าไม่ต่อยตีไม่รู้จัก ชีวิตนี้ของข้าผูกบ่วงกรรมน้อยยิ่ง หลังจากพิสูจน์มรรค ได้ติดต่อกับเจ้ามากที่สุด ปกติล้วนยุ่งอยู่กับการเพียรบำเพ็ญ”
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนแค่นเสียงเอ่ย “ข้าเพียงอยากกอบกู้ศักดิ์ศรีเท่านั้น ไม่ได้อยากผูกมิตรกับเจ้า”
[ความประทับใจที่อริยะเทพอวี๋เจี้ยนมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจขณะนี้คือ 4 ดาว]
นี่มัน…
หานเจวี๋ยพูดไม่ออก
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยต่อว่า “ครั้งนี้ที่มาเข้าฝันเจ้า เพียงอยากเตือนให้เจ้าระวังเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ รอจนเจ้าพิสูจน์ยอดมหามรรคได้ ค่อยสู้กับเจ้าอีกครั้ง สู้เสร็จค่อยมาคุยเรื่องสหายเถอะ”
จากนั้นแดนความฝันก็พังทลายลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...