ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 826

สรุปบท บทที่ 826 มองทะลุอนิจจัง สหาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

สรุปตอน บทที่ 826 มองทะลุอนิจจัง สหาย – จากเรื่อง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet

ตอน บทที่ 826 มองทะลุอนิจจัง สหาย ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 826 มองทะลุอนิจจัง สหาย

แดนความฝันคือห้วงอวกาศเวิ้งว้างดั้งเดิม เป็นสถานที่ที่หานเจวี๋ยและอริยะเทพอวี๋เจี้ยนสู้กันในปีนั้น

เหล่าอวี๋ก็เป็นคนที่ระลึกถึงความหลังคนหนึ่งเช่นกัน

หานเจวี๋ยทอดถอนใจอยู่ภายใน

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่า “อริยะสวรรค์เกรียงไกร ช่วงนี้ตบะของข้ามีความก้าวหน้าอีกแล้ว อยากประลองกับเจ้าจริงๆ แต่เจ้ายังไม่พิสูจน์ยอดมหามรรค ข้าไม่อยากรังแกเจ้า”

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “หากข้าพิสูจน์ยอดมหามรรค เจ้าจะไม่แพ้หรอกหรือ”

“ไม่มีทาง! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนพลั้งปากปฏิเสธ

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “อันที่จริงข้ายังไม่รู้เลยว่าควรจะพิสูจน์ยอดมหามรรคอย่างไร”

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยว่า “ลองค่อยๆ ใคร่ครวญไปเถิด วิธีการที่อริยะมหามรรคแต่ละคนใช้พิสูจน์ยอดมหามรรคล้วนต่างกันไป ผู้อื่นไม่อาจสอนให้ได้ เมื่อบรรลุถึงระดับมหามรรค ต้องพึ่งพาตัวเองในการฝึกบำเพ็ญ”

หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ เรื่องนี้เป็นความจริง

เขามองอริยะเทพอวี๋เจี้ยน แววตาแปลกพิกล

คนผู้นี้มาเข้าฝันเขา เพียงเพื่อโอ้อวดเช่นนั้นหรือ

“ผู้นำกลุ่มอิทธิพลมิ่งถูกเจ้าแดนต้องห้ามอันธการสาปจนตาย ตอนนี้มิ่งทั้งหมดเร้นกายไปแล้ว” อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยขึ้น

“โอ้ นั่นเป็นเรื่องดี”

“เพียงแต่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการอาจจะมาจากดวงจิตมหามรรค เจ้าต้องระวังตัวไว้ ในอดีตเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเคยวางแผนพุ่งเป้ามาที่มรรคาสวรรค์ ซ้ำเจ้ายังเคยสังหารดวงจิตมหามรรค ต้องทราบก่อนว่าเจ้าชะตาผู้นั้นก็เป็นระดับยอดมหามรรคเช่นกัน ถูกจัดการจนสิ้นชีพอย่างน่าอนาถ กล่าวก็คือ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการผู้นี้น่ากลัวอย่างแท้จริง อาศัยเพียงพลังคำสาปแช่งก็สามารถสาปตัวตนระดับยอดมหามรรคคนหนึ่งซึ่งมองทะลุอนิจจังให้ตายได้”

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนร้องจุ๊ๆ ด้วยความประหลาดใจ

หานเจวี๋ยถามด้วยความอยากรู้ “มองทะลุอนิจจังเป็นอย่างไร”

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ทุกสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง ทุกสิ่งที่เจ้าเห็นอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าเห็น รอจนเจ้าเข้าสู่ระดับยอดมหามรรค เจ้าจะได้เห็นโลกใบใหม่อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งเจ้าจะเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ต่างๆ อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกจำกัดด้วยบ่วงกรรม ดวงชะตาและห้วงมิติ

“ขอเพียงให้เวลาสักหน่อย ยอดมหามรรคจะสามารถทำลายฟ้าบุพกาลได้!”

ทำลายฟ้าบุพกาลหรือ

แข็งแกร่งขนาดนี้เชียว

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วพลางกล่าวไปว่า “ง่ายดายเช่นนี้น่ะหรือ”

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยว่า “แน่นอนว่าย่อมมีการถ่วงดุลอยู่ ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่ายอดมหามรรคแข็งแกร่งที่สุด แต่ไม่นานมานี้ข้าบังเอิญพบตัวตนเหนือชั้นท่านหนึ่งเข้า จนตอนนี้เมื่อนึกถึงขึ้นมา ก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่”

เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลหรือ

หานเจวี๋ยแอบสงสัยอยู่ในใจ

จอมเทพฟ้าบุพกาลวางตัวสูงส่งอยู่เบื้องบน ก้มมองทั่วฟ้าบุพกาลจากมุมสูง สรุปแล้วเขาคิดอะไรอยู่ แล้วเขาแสวงหาสิ่งใดอยู่

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเลิกคิ้วพลางถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงไม่ถามต่อเล่า”

“ตัวตนที่ทำให้เจ้าหวาดกลัวเช่นนี้ได้ ข้าถามให้น้อยหน่อยจะดีกว่า” หานเจวี๋ยแบมือพลางเอ่ยไป

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนยิ้มออกมา “ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลย สรุปแล้วเจ้าบ้าบิ่น หรือว่าขี้ขลาดกันแน่”

“ขี้ขลาด ที่ลงมือกับเจ้าก่อนหน้านี้ เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็นเจ้า พบศัตรูตัวฉกาจเข้า เจ้าจะไม่ทุ่มสุดตัวเพื่อสังหารหรือ ไม่กลัวปัญหาที่จะตามมาไม่รู้จบหรือ”

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนพยักหน้ารับวาจาของหานเจวี๋ย เขาชื่นชมในตัวหานเจวี๋ยยิ่งกว่าเดิม

ทันใดนั้นหานเจวี๋ยพลันถามขึ้นว่า “เจ้ากับข้านับเป็นสหายกันหรือไม่”

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนตะลึงงัน

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “พวกเราก็นับว่าไม่ต่อยตีไม่รู้จัก ชีวิตนี้ของข้าผูกบ่วงกรรมน้อยยิ่ง หลังจากพิสูจน์มรรค ได้ติดต่อกับเจ้ามากที่สุด ปกติล้วนยุ่งอยู่กับการเพียรบำเพ็ญ”

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนแค่นเสียงเอ่ย “ข้าเพียงอยากกอบกู้ศักดิ์ศรีเท่านั้น ไม่ได้อยากผูกมิตรกับเจ้า”

[ความประทับใจที่อริยะเทพอวี๋เจี้ยนมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจขณะนี้คือ 4 ดาว]

นี่มัน…

หานเจวี๋ยพูดไม่ออก

อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเอ่ยต่อว่า “ครั้งนี้ที่มาเข้าฝันเจ้า เพียงอยากเตือนให้เจ้าระวังเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ รอจนเจ้าพิสูจน์ยอดมหามรรคได้ ค่อยสู้กับเจ้าอีกครั้ง สู้เสร็จค่อยมาคุยเรื่องสหายเถอะ”

จากนั้นแดนความฝันก็พังทลายลง

โม่ฟู่โฉวหวั่นไหวอยู่ในใจ แต่เขาก็ละอายที่จะเผยความจริงเช่นกัน

“เสี่ยวฝาน ยามนี้สถานการณ์ของมรรคาสวรรค์เป็นอย่างไร” โม่ฟู่โฉวถามด้วยความอยากรู้

นับตั้งแต่เขาคืนชีพขึ้นมา เขาก็ปิดด่านฝึกบำเพ็ญอยู่ที่นี่มาโดยตลอด โจวฝานเองก็ไม่ได้มาหาเขาบ่อยๆ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจโลกภายนอกน้อยยิ่ง

โจวฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มรรคาสวรรค์ต่างไปจากในอดีต แค่อริยะอย่างเดียวก็มีเกินยี่สิบรายแล้ว”

โม่ฟู่โฉวตกตะลึง เอ่ยว่า “มากมายขนาดนี้ เช่นนั้นหานเจวี๋ยก็คงพิสูจน์มรรคแล้วกระมัง”

โจวฝานฟังแล้วมีสีหน้าแปลกพิกล

เขาไม่เคยบอกอีกฝ่ายเลยว่าตนกราบหานเจวี๋ยเป็นอาจารย์แล้ว

ก่อนโม่ฟู่โฉวจะคืนชีพ เขาคุ้นเคยกับฐานะนี้ดีแล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าโม่ฟู่โฉว เขารู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง ในอดีตเขาพูดโม้ต่อหน้าโม่ฟู่โฉวอยู่เสมอว่าตนจะเหนือกว่าหานเจวี๋ยให้ได้…

แต่ตอนนี้…

เขากลายเป็นศิษย์ของหานเจวี๋ย อีกทั้งห่างชั้นกันไปมากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งคิดโจวฝานก็ยิ่งอึดอัด เดิมทีเขายังคงภาคภูมิใจนัก อวดอ้างวางท่าต่อหน้าโม่ฟู่โฉวอย่างรื่นเริงยิ่ง แต่เมื่อถูกโม่ฟู่โฉวเอ่ยทัก เขาก็ไม่มั่นใจเสียแล้ว

เขาไม่รู้ว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งเพียงใด แต่หนึ่งล้านปีก่อน หานเจวี๋ยสังหารอริยะมหามรรคได้สบายๆ!

ด้วยพรสวรรค์ของหานเจวี๋ย…

โจวฝานตัวสั่นขึ้นมา ไม่กล้าคิดต่อไป

“แค่กๆ เขาย่อมพิสูจน์มรรคนานแล้ว” โจวฝานตอบอย่างคลุมเครือ

โม่ฟู่โฉวเผยสีหน้าคะนึงหา เอ่ยว่า “จะว่าไปแล้ว พวกเราสองคนคบค้าสหายไม่มาก อีกทั้งคนเดียวที่มีโอกาสจะอยู่รอดยาวนานกว่าสองล้านปีเกรงว่าคงมีแค่หานเจวี๋ยคนเดียว วันหน้าถ้ามีโอกาส พวกเรากลับมรรคาสวรรค์ไปรวมตัวกับหานเจวี๋ยกันเถิด”

สีหน้าโจวฝานไม่เป็นธรรมชาตินัก เอ่ยไปว่า “เขาพิสูจน์มรรคแล้ว คงจะไม่เห็นค่าพวกเราหรอก จะไปพบเขาทำไม”

“พูดเหลวไหล เมื่อก่อนตอนที่พวกเราพบน้องหาน เขาแข็งแกร่งกว่าพวกเรามานานแล้ว แต่เคยเห็นเขาอวดอ้างวางท่าหรือ ข้าเชื่อมั่นในนิสัยของน้องหาน เขาก็คบหาสหายไม่มากเช่นกัน หากพบกัน น่าจะดีใจกันยิ่งนักทั้งสองฝ่าย”

โม่ฟู่โฉวส่ายหน้ากล่าววาจา เขายิ้มออกมา ราวกับนึกถึงช่วงเวลาในสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์เมื่อปีนั้น

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ