ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 827

สรุปบท บทที่ 827 พลังวิเศษจากอาจารย์: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 827 พลังวิเศษจากอาจารย์ – ตอนที่ต้องอ่านของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ตอนนี้ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 827 พลังวิเศษจากอาจารย์ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 827 พลังวิเศษจากอาจารย์

โจวฝานขัดโม่ฟู่โฉวไม่ได้ สุดท้ายก็เอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “รอท่านพิสูจน์มรรคสำเร็จ ข้าจะพาท่านกลับไปที่มรรคาสวรรค์”

“ตกลง!”

โม่ฟู่โฉวแย้มยิ้ม ค่อนข้างตั้งตารอที่จะได้พบหานเจวี๋ย

ทันใดนั้นเขาพลันนึกถึงโม่จู๋และตระกูลโม่ขึ้นมา

ผ่านมากว่าสองล้านปีแล้ว

เกรงว่าพวกนางคงเวียนว่ายตายเกิดกันไปนานแล้ว

พอนึกมาถึงตรงนี้ โม่ฟู่โฉวก็ถอนหายใจคราหนึ่ง

โจวฝานกลัวว่าโม่ฟู่โฉวจะเอ่ยถึงหานเจวี๋ยอีก รีบเบี่ยงหัวข้อสนทนาไปทันที คุยเรื่องน่าสนใจใหม่ล่าสุดในฟ้าบุพกาลแทน

โม่ฟู่โฉวถูกดึงความสนใจไปเร็วยิ่ง เริ่มรับฟังอย่างได้อรรถรส

โจวฝานโล่งใจ เล่าไปเล่ามาก็เริ่มวางท่าอีก พูดถึงชื่อเสียงในช่วงนี้ของเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่

….

ณ หมื่นโลกาฉายชัด

เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ทั้งสามปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน

ไก่คุกรัตติกาลที่อยู่ตรงมุมหนึ่งร้องเรียก “พวกเจ้าสามคนถูกทุบตีมาอีกแล้วหรือ”

จ้าวเซวียนหยวนถลึงตาใส่เขาคราหนึ่ง ร้องด่า “โดนทุบตีอะไรกัน! พวกเราเรียกว่าสู้สุดตัวต่างหาก! อีกทั้งระยะนี้ตบะของพวกเราก็เพิ่มขึ้นมากด้วย!”

เจียงอี้กล่าวอย่างภูมิใจ “ขออภัยด้วย ข้าเป็นอริยะเสรีแล้ว!”

พอเอ่ยไปเช่นนี้ คนอื่นๆ ที่อยู่ในมิติก็พากันมาชุมนุม

“จริงหรือ”

“เต้าจื้อจุนกับจ้าวเซวียนหยวนล่ะ พิสูจน์เสรีแล้วเช่นกันหรือ”

“ใกล้แล้ว ครั้งหน้าที่เข้ามา พวกเราสองพี่น้องจะพิสูจน์เสรีได้แน่”

“ร้ายกาจนัก เร็วกว่าหลี่เต้าคงเสียอีก”

“แน่นอนอยู่แล้ว สำนักซ่อนเร้นยังคงมีพวกเราสามคนคอยค้ำจุนอยู่”

“ฮ่าๆ ท่านไก่จะไล่ตามไปในไม่ช้านี้!”

ทุกคนพูดคุยสัพเพเหระ บรรยากาศคึกคักอย่างยิ่ง

โจวฝานปรากฏตัวขึ้น เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ก็หายไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

กวนปู้ไป้เอ่ยยิ้มๆ “ใครบางคนได้รับความสะเทือนใจเสียแล้ว”

เต้าจื้อจุนกล่าวว่า “คาดว่าโจวฝานเองก็คงใกล้แล้วเช่นกัน เขาก้าวนำอยู่ด้านหน้าตลอด”

เมื่อก่อนคนที่ชอบวางท่าที่สุดก็คือโจวฝาน ทำให้พวกเขาเหล่าพี่น้องนึกชังจนกัดฟันอยู่กรอดๆ แน่นอนว่าเป็นแค่การทะเลาะกันขำๆ เท่านั้น ถึงอย่างไรทุกคนก็อยู่สำนักเดียวกัน หากเผชิญปัญหาเข้าจริง ย่อมช่วยเหลือกันแน่นอน

ทุกคนยิ้มแย้ม ไม่ได้เอ่ยถากถางโจวฝานอีก

จ้าวเซวียนหยวนเอ่ยถาม “ฉู่ซื่อเหรินล่ะ ไม่อยู่หรือ”

สวินฉางอันตอบว่า “ช่วงนี้เขาทำตัวลึกลับยิ่ง ไม่ได้เข้ามาในหมื่นโลกาฉายชัดสักพักแล้ว’

พวกเต้าจื้อจุนขมวดคิ้ว

กวนปู้ไป้เดินเข้ามาหาเจียงอี้ เอ่ยว่า “มาประลองกันในแบบจำลองการทดสอบสักหน่อยเถิด ข้าอยากทดสอบพลังของอริยะเสรีดู”

เจียงอี้ยิ้มออกมา เขากำลังอยากอวดอยู่พอดี!

จากนั้นทั้งสองก็หายตัวไป ศิษย์ที่เหลือเริ่มตั้งตารอคอย รอผลกันอย่างใจจดใจจ่อ

….

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยอยู่ในขั้นตอนหลอมดวงดาวอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็สามารถกำหนดเวลาได้แล้ว ไม่หมกมุ่นจมจ่อมเหมือนช่วงก่อนหน้านี้อีก

เขาตั้งใจตื่นขึ้นมาทุกๆ ห้าหมื่นปี

ดวงดาวในโลกอนธการพัฒนาไปไกลจากในอดีต เทียบกับดวงดาวภายในมรรคาสวรรค์ได้ พลังที่แฝงอยู่ก็ไม่อาจเทียบเคียงแล้ว

ตอนนี้ หานเจวี๋ยคุ้นชินกับการถ่ายเทพลังเวทเข้าสู่ดวงดาวแล้ว หลอมปรับดวงดาวได้อย่างอิสระ นี่เป็นสัญญาณที่ดี

หานเจวี๋ยเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู

ไม่นานนัก เขาเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง

[อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผานกู่ศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

ใช้ได้เลยนี่ ปัจจุบันเหล่าอวี๋ท้าสู้ผานกู่แล้วไม่เคยบาดเจ็บสาหัสอีกเลย

ดูเหมือนจะต่างไปจากในอดีตแล้วจริงๆ

หานเจวี๋ยก็สนใจใคร่รู้ในตัวผานกู่ยิ่งนัก ผ่านมานานขนาดนี้ อาการบาดเจ็บน่าจะฟื้นฟูแล้ว หรือว่ากริ่งเกรงเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ

ไม่น่าเป็นไปได้ นั่นคือผานกู่เชียวนะ

คาดว่าน่าจะรอคำสั่งอยู่

เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน

ตอนนี้หานเจวี๋ยเพียงอยากพิสูจน์ยอดมหามรรคให้ได้โดยเร็ว ยิ่งฟ้าบุพกาลสงบเท่าไรก็ยิ่งดี รอจนเขาทะลวงระดับได้ค่อยเกิดคลื่นมรสุม เช่นนั้นเขาก็สามารถอวดศักดาได้

หานเจวี๋ยไล่อ่านลงไปเรื่อยๆ ไม่พบจดหมายอื่นใดที่ดึงดูดความสนใจของเขาเลย

หลังจากตรวจจดหมายเสร็จ จู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกถึงเจียงเจวี๋ยซื่อขึ้นมา

เจียงเจวี๋ยซื่อพึมพำกับตัวเอง แววตาเลื่อนลอย

สำหรับพลังวิเศษที่อาจารย์ในความฝันถ่ายทอดให้ เขาหลงนึกว่าเป็นพลังวิเศษที่ตนตระหนักรู้ได้เอง หลายปีมานี้เขาตระหนักรู้พลังวิเศษมากมายนับไม่ถ้วน หลากหลายสารพัด เขากำลังเพิ่มทรัพย์ให้ตัวเอง เตรียมอาวุธให้ตัวเอง เพื่อที่สักวันจะฝ่าให้หลุดจากพันธนาการ

เจียงเจวี๋ยซื่อไม่คิดมากอีก ฝึกบำเพ็ญต่อไป

ถึงแม้ที่นี่จะยอดเยี่ยม แต่ทำให้เขาอึดอัด ชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในมือของตัวเขาเอง

….

ภายในอารามเต๋า

สิงหงเสวียนลืมตาขึ้น ลูบไล้หน้าท้องตน

คิ้วงามของนางขมวดมุ่น

ช่วงหลายปีมานี้ นางสัมผัสได้ว่าครรภ์กำลังขยับ

เมื่อขยับได้ ก็แปลว่าเกิดสติปัญญาแล้ว

นางเริ่มลังเลใจ ถึงแม้การใช้บุตรชายต่างเครื่องช่วยบำเพ็ญจะยอดเยี่ยมนัก แต่การที่ไม่คลอดออกมาสักที ก็เป็นการเอาเปรียบบุตรชายเกินไป

หรือจะบังคับคลอดออกมาเลย

สิงหงเสวียนเกิดความคิดอาจหาญอย่างหนึ่งขึ้นในใจ

เพียงแต่นางนึกถึงความฝันของตน นึกถึงคำพูดเหล่านั้นของตัวนางจากอนาคต

นางลุกขึ้นมา เดินออกจากอารามเต๋า ไปขอเข้าพบหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยยังคงสอดส่องมรรคาสวรรค์อยู่ กำลังว่างพอดี จึงให้นางเข้ามา

“คลอดก่อนกำหนดหรือ ไม่ดี เด็กคนนี้จำเป็นต้องถือกำเนิดตามธรรมชาติ มิเช่นนั้นเขาจะตาย” หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

สิงหงเสวียนถามด้วยความสงสัย “เพราะเหตุใด หรือว่าเป็นลิขิตสวรรค์”

หานเจวี๋ยไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร

สิงหงเสวียนกล่าวอย่างเป็นกังวล “ระยะนี้เขาดิ้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังอ้อนวอนให้ข้าคลอดเขาโดยเร็ว”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว สายตามองไปยังหน้าท้องของสิงหงเสวียน

เขามองเห็นว่าครรภ์กำลังขยับอยู่จริงๆ

เกิดจิตรับรู้แล้ว แต่ยังอ่อนแอมาก ไม่สามารถคิดวิเคราะห์ด้วยตัวเองได้

หากต้องให้เขาถือกำเนิด จำเป็นต้องผนึกสายเลือดเขาไว้ชั่วคราว

“เจ้าเข้ามานั่งข้างๆ ข้าเถอะ” หานเจวี๋ยเรียกเบาๆ

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ