บทที่ 836 อริยะแห่งสำนักซ่อนเร้น
“หลังจากกำจัดเทพมารฟ้าบุพกาลแล้ว สมควรทำอย่างไรต่อ”
เทวีตราวินัยถาม น้ำเสียงเรียบเฉย
เงาร่างแสงเทพกล่าวว่า “ความโกลาหลวุ่นวายที่ไม่เปลี่ยนแปลงทำให้สรรพสิ่งไม่พอใจ ในเมื่อสรรพสิ่งต้องการการเปลี่ยนแปลง คิดจะทำร้ายรูปการณ์ที่มีอยู่ ข้าก็จะให้โอกาสพวกเขา ดำเนินมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ต่อไป”
เทวีตราวินัยเงียบไป ตกอยู่ในห้วงความคิด
เงาร่างแสงเทพกล่าวต่อว่า “จับตามองเขาต่อไป ก่อนที่ขุนพลศักดิ์สิทธิ์จะกวาดล้างไปทั่วฟ้าบุพกาล อย่าปล่อยให้เขาออกมาได้”
เทวีตราวินัยตอบรับ “ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ”
เงาร่างแสงเทพที่อยู่บนบ่านางเลือนหายไป ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
โลกใบนี้ตกอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้ง
….
ระหว่างที่หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญอยู่ คลื่นลมในแดนเซียนเปลี่ยนแปลงไป สิ่งมีชีวิตที่เข้าร่วมเข่นฆ่าในมหาเคราะห์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แรงกรรมเริ่มปรากฏขึ้นบนโลก
ชั้นฟ้าที่สามสิบสามคึกคักขึ้นมา ในอาณาเขตเต๋าของอริยะล้วนพูดคุยถึงมหาเคราะห์ครั้งนี้
ณ วังวิถีสวรรค์
จ้าวเซวียนหยวนร้องจุ๊ๆ อุทานออกมา “ซย่าจื้อจุน เกี่ยวข้องกับเต้าจื้อจุนอย่างไรล่ะนี่”
เต้าจื้อจุนกลอกตาใส่ กล่าวว่า “ในวังเทพ ผู้ที่มีคุณสมบัติแข็งแกร่งที่สุดจะได้รับการขนานนามว่าจื้อจุน ส่วนเต้าคือแซ่เดิมของข้า”
“เช่นนั้นนามเดิมของเจ้าเรียกว่าอะไร เต้าเซวียนหยวนหรือ”
“ฮ่าๆ”
“อาจจะเป็นเต้าอี้ก็ได้”
เจียงอี้สอดปากเอ่ยหยอกขึ้นมา เต้าจื้อจุนฟังแล้วอยากทุบตีคนยิ่งนัก
ซูฉีเปิดปากเอ่ย “พวกเจ้าว่าขุนพลศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงยามใด”
ฟางเหลียงส่ายหน้า สื่อว่าไม่รู้
เต้าจื้อจุนเอ่ยว่า “ฟ้าบุพกาลกว้างใหญ่อย่างยิ่ง พวกเราตระเวนอยู่ด้านนอกมาสองล้านปี สถานที่ที่เคยไปเยือนเป็นเพียงมุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งในฟ้าบุพกาลเท่านั้น เดิมทีไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง หากขุนพลศักดิ์สิทธิ์ต้องการตรวจสอบให้ทั่วฟ้าบุพกาล ต้องใช้เวลามหาศาล
“สำหรับพวกเราเวลาหนึ่งแสนปียาวนานนัก แต่สำหรับฟ้าบุพกาล เกรงว่าคงเป็นเวลาแค่ไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น”
ซูฉีและฟางเหลียงอดเหม่อลอยไม่ได้
ฟางเหลียงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หากผ่านพ้นเคราะห์ภัยครั้งนี้ไปได้ ข้าก็อยากออกไปท้องฟ้าบุพกาลเช่นกัน”
เต้าจื้อจุนยิ้มแล้วกล่าวว่า “ได้ เมื่อถึงเวลาก็ไปกับพวกเราเถอะ ห้าศิษย์ร่วมสำนัก ตระเวนไปทั่วฟ้าบุพกาล สร้างชื่อเสียงให้เลื่องลือ นำเกียรติยศมาสู่สำนักซ่อนเร้น”
จ้าวเซวียนหยวนอึกอักลังเล
เจียงอี้เอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ถูกต้อง พวกเราสามคนล้วนพิสูจน์เสรีแล้ว ปกป้องพวกเจ้าสองคนได้ไม่มีปัญหา”
ซูฉีตอบว่า “ตกลง เมื่อถึงเวลาคงต้องพึ่งพาทั้งสามท่านแล้ว”
“กล่าวได้ดี”
บรรยากาศภายในวังวิถีสวรรค์สุขสันต์ปรองดอง มีเสียงหัวเราะแว่วอยู่ไม่ขาด
อีกด้านหนึ่ง
ภายในวังอริยะเผ่าสวรรค์ จี้เซียนเสินและเทียนจ้านนั่งอยู่ตรงข้ามกัน
ดวงตาจี้เซียนเสินวาวโรจน์ ถามเสียงขรึม “จริงหรือ”
เทียนจ้านพยักหน้ารับ ตอบว่า “จริงขอรับ หยางเช่อยังคิดจะชักจูงข้าเข้าร่วมด้วย บอกว่าโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ยินดีรับอริยะมรรคาสวรรค์ไว้ พวกเขามีวิธีหลบซ่อนจากการตรวจตราของขุนพลศักดิ์สิทธิ์”
จี้เซียนเสินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “หยางเช่อตัวดี รนหาที่ตายโดยแท้!”
เทียนจ้านอึกอักลังเล
จี้เซียนเสินมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวว่า “พูดมา อย่าอึกอัก!”
“หากข่าวลือเป็นความจริง มรรคาสวรรค์จะต้านทานขุนพลศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร หมื่นขุนพลศักดิ์สิทธิ์เชียวนะขอรับ! ล้วนเป็นอริยะมหามรรคทั้งสิ้น!”
เทียนจ้านเอ่ยด้วยความตระหนก เขาก็ไปเยือนฟ้าบุพกาลอยู่บ่อยครั้ง มีความเข้าใจในระดับขั้นของอริยะแล้ว ไม่ได้ขาดความรู้เช่นในอดีต
จี้เซียนเสินขมวดคิ้วแน่น
“ท่านประมุข เผ่าสวรรค์ของพวกเราจะร่วมลงหลุมไปกับมรรคาสวรรค์จริงๆ หรือขอรับ” เทียนจ้านกำสองมือแน่น
“แม้แต่จอมอริยะเสวียนตูก็ไปมาหาสู่กับโลกอริยะไตรวิสุทธิ์เช่นกัน! ไม่แน่ว่าอาจเตรียมทางถอยไว้แล้ว!”
ยิ่งพูดเทียนจ้านก็ยิ่งตื่นตระหนก ในอดีตเผ่าสวรรค์คือเผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์ ต่อมาด้วยแผนการของเหล่าอริยะ จึงต้องตกต่ำไปอยู่ในยมโลก เรื่องนี้เป็นแผลในใจของเผ่าสวรรค์ตลอดมา
เขาคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องปกป้องมรรคาสวรรค์เลย!
จี้เซียนเสินเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าคิดว่าข้าทำเพื่อมรรคาสวรรค์หรือ”
เทียนจ้านตะลึงงัน เอ่ยถาม “หากไม่ได้ทำเพื่อมรรคาสวรรค์ เช่นนั้นทำเพื่อสิ่งใดล่ะขอรับ หรือว่า…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...