เชี่ยนเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนก เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นภาพฉากที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้
สวินฉางอันเดินไปข้างกายนาง เมื่อมองเห็นมันก็พลันตกตะลึง ตื่นตระหนกไม่ต่างกัน
ไม่เพียงแต่พวกเขา ทว่าทั้งสิบแปดยอดเขา เมืองสำนักฝ่ายใน ชั้นนอกล้วนสังเกตเห็นฉากนี้เช่นเดียวกัน
ตู้ม!
สำนักหยกพิสุทธิ์สว่างวาบ!
นับทียิ่งมีศิษย์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เหยียบกระบี่ทะยาน ทอดมองออกไปไกลด้วยความหวาดหวั่น
“นั่นมันคืออะไรกัน”
“ดวง…ดวงอาทิตย์?”
“สวรรค์ มารปีศาจบุกโจมตีหรือ”
“พลังความร้อนน่าหวาดกลัวยิ่งนัก หากรอมันเข้ามาสังหาร สำนักหยกพิสุทธิ์จะไม่พังราบเลยหรือ”
“ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่”
“จบกัน พวกเราจะทำอย่างไรดี เปิดค่ายกลคุ้มกันสำนักหรือ”
ขณะที่เหล่าลูกศิษย์พากันวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความหวาดกลัว เหล่าผู้อาวุโสก็พลันกางค่ายกลใหญ่คุ้มกันสำนักเป็นอันดับแรก
หลี่ชิงจื่อเพิ่งออกมาจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ยังไม่ทันกลับไปยังยอดเขาหลักก็เห็นจูโต้วที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจเสียก่อน
เขาเบิกตากว้าง ท่าทางราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
เบื้องหน้าหานเจวี๋ยปรากฎอักขระขึ้นมาแถวหนึ่ง
[สัตว์เทพจูโต้วบุกโจมตี ต้องการครอบครองต้นฝูซัง]
[จูโต้ว: ระดับรวมกายาขั้นห้า สัตว์เทพแห่งภัยพิบัติ บุตรแห่งจูเชวี่ย[1] เกิดมาพร้อมกับความโชคร้าย บนร่างแผดเผาไปด้วยเพลิงสุริยะ สามารถถล่มทลายฟ้าดิน]
หานเจวี๋ยตกตะลึง สัตว์เทพจูโต้ว?
สัตว์เทพแห่งภัยพิบัติ?
หานเจวี๋ยรีบร้อนเคลื่อนกายออกจากถ้ำเทวา เขาปรากฏกายที่ริมหน้าผา ทอดสายตามองไปยังท้องนภา ยามนี้ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยเแสงสีแดงเพลิง ราวช่วงเวลาสายัณห์มาเยือน
ร่างของสัตว์เทพจูโต้วขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว เป็นเพราะมันกำลังเข้าใกล้สำนักหยกพิสุทธิ์มากขึ้นทุกที!
หานเจวี๋ยสัมผัสถึงอุณหภูมิที่สูงจนน่าหวาดหวั่น เพียงไม่นานก็ตัดสินได้ทันทีว่า ค่ายกลคุ้มสำนักของสำนักหยกพิสุทธิ์คงไม่สามารถต้านทานได้
กระทั่งจูโต้วร่อนลงบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเมื่อใด ทุกอณูบนเขาทั้งลูกจะกลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่เพียงเท่านั้น ทั่วทั้งสำนักหยกพิสุทธิ์จะมอดไหม้ไปด้วยเช่นกัน
“นายท่าน! รีบหนีเร็วเข้า!”
ไก่คุกรัตติกาลบินมายังข้างกายหานเจวี๋ย ตะโกนร้องอย่างตระหนก
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว ไม่ได้เอ่ยตอบ
เขาส่งกระแสเสียงให้กับสัตว์เทพจูโต้ว ‘หยุด!’
ทว่า จูโต้วกลับไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งเร่งความเร็วพขึ้น
มวลความร้อนมหาศาลได้แผดเผาป่าไม้บนพื้นดิน เปลวเพลิงลุกลามไปยังสำนักหยกพิสุทธิ์ด้วยความเร็วที่เหนือจินตนาการ
เวลานี้ เหล่าศิษย์ในสำนักหยกพิสุทธิ์ต่างหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
หลี่ชิงจื่อห้อทะยานมายังเขาเพียรบำเพ็ญเซียนโดยไม่รู้ตัว ด้วยต้องการขอความช่วยเหลือจากหานเจวี๋ย
ผลปรากฏว่ายังไม่ทันที่เขาจะเข้าไปในภูเขา ก็เห็นแสงกระบี่สายหนึ่งบินแหวกอากาศออกมาจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียน
ท่ามกลางท้องนภาสีเพลิงแสงกระบี่ส่องประกายทิ่มแทงสายตาเป็นอย่างมาก ดูราวกับดาวตกในค่ำคืนที่มืดมิด เหล่าศิษย์ทั้งหลายล้วนมองภาพฉากตรงหน้าจนตาค้าง
แสงกระบี่สายนั้นก็คือหานเจวี๋ย!
ครั้งนี้ หานเจวี๋ยไม่ได้ขี่กระบี่เหาะทะยาน แต่เขาใช้ความเร็วทั้งหมดที่มีพุ่งเข้าหาสัตว์เทพจูโต้ว
จะให้จูโต้วเข้าใกล้สำนักหยกพิสุทธิ์ไม่ได้เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นสำนักหยกพิสุทธิ์คงจบสิ้นแล้ว!
ของล้ำค่าฟ้าดินบนเขาทั้งลูกที่เพาะปลูกอย่างยากลำบากมาตลอดสองร้อยปีไม่อาจให้มันมาทำลายได้!
หานเจวี๋ยหยิบกระบี่พิพากษาอนธการออกมา สมบัติวิญญาณทั้งร่างถูกสวมลงบนกาย
สมบัติวิญญาณระดับเจ็ด อาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทอง วาบ!
สมบัติวิญญาณระดับห้า รองเท้าวิเศษเก้าดารา วาบ!
สมบัติวิญญาณระดับสี่ มงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์ วาบ!
สมบัติวิญญาณระดับสาม ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณ วาบ!
สมบัติวิญญาณระดับสาม สร้อยเซียนคุ้มจิต วาบ!
สมบัติวิญญาณระดับหก ระฆังเพลิงอัคคีครอบบนศีรษะ!
เพียงพริบตา หานเจวี๋ยพลันไม่รู้สึกถึงไอร้อนแผดเผาของเพลิงสุริยะจากจูโต้ว
ชัดเจนว่าจูโต้วมองเห็นหานเจวี๋ย เพิ่มระดับความเร็วพุ่งทะยานมายังหานเจวี๋ยทันที มันอ้าปากกว้าง ราวกับว่าจะกลืนหานเจวี๋ยในคำเดียว
[สัตว์เทพจูโต้วเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]
มารดาเถอะ!
เดรัจฉานเอ้ย!
พอพบกันก็เกลียดชังเพียงนี้!
อยากตายหรือไม่!
นัยน์ตาของหานเจวี๋ยส่องประกายอาฆาต เขาเสือกแทงกระบี่ออกไปในทันที
จิตกระบี่หวนคืนผสานเข้ากับคมกระบี่ พลังวิญญาณทั้งหกสายกลายเป็นปราณกระบี่ ราวกับภูเขาไฟระเบิด
ปราณกระบี่สีดำดูราวกับพระจันทร์เสี้ยวสีนิลที่ปรากฏขึ้นกลางท้องนภา จนบรรดาศิษย์ทั้งสำนักหยกพิสุทธิ์มองอย่างตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...