สรุปเนื้อหา บทที่ 865 เผ่าเทพปฐมกาล ศึกโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ – ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet
บท บทที่ 865 เผ่าเทพปฐมกาล ศึกโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 865 เผ่าเทพปฐมกาล ศึกโลกอริยะไตรวิสุทธิ์
“ผู้นำดวงจิตปฐมภพที่มีนัดหมายต่อสู้ของอริยะสวรรค์ถูกสังหาร ผู้นำดวงจิตมหามรรคคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง รูปการณ์ของฟ้าบุพกาลเปลี่ยนไป ข้าจะเล่าเรื่องที่นักพรตเต๋าเสินเผาแจ้งต่อข้าก่อน ผู้นำดวงจิตมหามรรคคนนี้…”
จอมอริยะกวาดตามองอริยะทั้งหมด ค่อยๆ เล่าออกมา
เมื่อได้ยินว่าผู้นำดวงจิตมหามรรคถูกสังหาร เหล่าอริยะตกตะลึงยิ่ง หันไปมองหานเจวี๋ยตามสัญชาตญาณ
สีหน้าหานเจวี๋ยไม่แปรเปลี่ยน กำลังตรวจดูจดหมายอยู่ ไม่สนใจสายตาของพวกเขาเลย
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของเหล่าอริยะ
ความตายของผู้นำดวงจิตมหามรรคคงไม่เกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ยกระมัง
นั่นคือผู้นำดวงจิตมหามรรค มีชีวิตอยู่มายาวนานนับยุคไม่ถ้วน เพิ่งจะนัดหมายต่อสู้กับอริยะสวรรค์เกรียงไกร ผลคือดับสูญไปแล้วอย่างนั้นหรือ
หานเจวี๋ยเดาออกว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ได้ใส่ใจ
ต่อให้คิดว่าเขามีเอี่ยวแล้วอย่างไร มิใช่ว่าช่วยเสริมบารมีของข้าอย่างพอเหมาะพอเจาะหรือ
เรื่องบางอย่างคิดได้ แต่ไม่อาจกล่าวออกมาได้ หานเจวี๋ยจะเตือนพวกเขาในภายหลัง
จดหมายฉบับแล้วฉบับเล่าเคลื่อนผ่านด้านหน้าหานเจวี๋ยไป
ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นจดหมายฉบับหนึ่ง
[บรรพชนเทพปฐมกาลศัตรูคู่อาฆาตของท่านสละเจตจำนงส่วนใหญ่ของตน สร้างเผ่าเทพปฐมกาลขึ้น]
น่าสนใจอยู่บ้าง
หานเจวี๋ยเรียกจอค่าความสัมพันธ์ออกมาตามสัญชาตญาณ พบว่ารูปประจำตัวของบรรพชนเทพปฐมกาลหายไปแล้ว
เช่นนี้นับว่าดับสูญอย่างสมบูรณ์แล้วหรือ
ไม่สิ คาดว่าคงสูญเสียจิตรับรู้ไปแล้ว ไม่อาจจดจำความเกลียดชังที่มีต่อหานเจวี๋ยได้อีก เขาน่าจะดำรงชีวิตอยู่ต่อไปในรูปแบบของเผ่าพันธุ์
หานเจวี๋ยจดจำเผ่าเทพปฐมกาลไว้ในใจแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม กำหนดเวลาสิบล้านปีขาดลงกลางคัน ต่อไปหานเจวี๋ยสามารถสงบใจฝึกบำเพ็ญได้แล้ว
เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ทราบถึงทัศนคติของเทพมหาทัณฑ์ไอรีนโนเวล
ทั้งสองไร้ซึ่งความแค้นต่อกัน หวังว่าคนผู้นี้จะไม่ทำตัวโง่เง่า
ในมุมมองของหานเจวี๋ย เทพมหาทัณฑ์ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างบรรพชนเทพปฐมกาล
ด้วยการทุ่มพลังสาปแช่งของเขา เทพมหาทัณฑ์ไม่ได้สังหารบรรพชนเทพปฐมกาลอย่างสมบูรณ์ เพียงพอจะแสดงให้เห็นถึงความห่างชั้นระหว่างคนทั้งสอง
หานเจวี๋ยไล่อ่านจดหมายลงไปเรื่อยๆ
พวกเต้าจื้อจุนทั้งสี่ยังคงถูกทุบตีอยู่ หานเจวี๋ยไม่เข้าใจพวกเขาเลย ไม่หน่ายกันบ้างหรือ
โดยเฉพาะเหล่าตาน มีเหล่าจื่อแห่งโลกอริยะไตรวิสุทธิ์เป็นที่พึ่ง ยังต้องแสวงหาโอกาสวาสนาอีกหรือ
รอจนจอมอริยะเสวียนตูเล่าเรื่องที่นักพรตเต๋าเสินเผารายงานมาจบแล้ว เหล่าอริยะก็เริ่มพูดคุยกัน
“มองจากเรื่องนี้ เทพมหาทัณฑ์ผู้นี้ยังคงนับว่าใจกว้างนัก”
“ถูกต้อง ฟ้าบุพกาลพัฒนามาเนิ่นนานปานนี้ ทว่ายังคงรกร้างวังเวง เป็นหน้าที่ของดวงจิตมหามรรคที่ต้องรับผิดชอบจริงๆ”
“หากว่าสรรพสิ่งมหามรรคล้วนฝึกบำเพ็ญกันอย่างต่อเนื่อง เช่นนั้นฟ้าบุพกาลจะรองรับสิ่งมีชีวิตมากมายขนาดนี้ไหวหรือ”
“ฟ้าบุพกาลกว้างไกลไร้ขอบเขต เจ้าไหนเลยจะจินตนาการออก”
“ข้าก็รู้สึกอยู่ตลอดว่าผิดปกติ ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป”艾琳小說
เหล่าอริยะพากันวิพากษ์วิจารณ์ อริยะหน้าใหม่ไม่ได้สอดปากเลย พวกเขายังไม่รู้จักฟ้าบุพกาลดี ไม่กล้าคาดเดาไปเอง
ปัจจุบันมีอริยะมรรคาสวรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ ในบรรดานั้นมีคนที่หานเจวี๋ยไม่เคยเห็นหน้าเลยด้วย
จอมอริยะเสวียนตูกล่าวว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มองจากตอนนี้ นับเป็นเรื่องดี และไม่กระทบต่อแผนพัฒนามรรคาสวรรค์ วันนี้ที่เรียกทุกท่านมา ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่าง
“หากมรรคาสวรรค์พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ช้าก็เร็วต้องกระทบกับโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ที่อยู่อาณาเขตฟ้าบุพกาลแถบนี้ ในภาคีร้อยดินแดนที่มีสัมพันธไมตรีกับมรรคาสวรรค์มีโลกบางแห่งที่เริ่มต่อต้านโลกอริยะไตรวิสุทธิ์แล้ว”
พอกล่าวออกมา เขาเริ่มกวาดตามองเหล่าอริยชน
อริยะมรรคาสวรรค์ก็ออกจากมรรคาสวรรค์เป็นครั้งคราวเช่นกัน ในบรรดานั้นมีคนที่ข้องแวะกับโลกอริยะไตรวิสุทธิ์อยู่ไม่น้อยเลย
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนแค่นเสียง “หากว่ากระทบกันเข้า เช่นนั้นก็เปิดศึกเถอะ จะกลัวอะไร โลกอริยะไตรวิสุทธิ์ก็มีแค่เหล่าจื่อและเจ้านิกายทงเทียนที่ทำให้ข้าพะวงได้ ที่เหลือเป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อยทั้งสิ้น”
หานเจวี๋ยลุกขึ้นเตรียมจากไป
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเดินเข้ามา เอ่ยว่า “สหายเต๋าหาน ประลองกันหน่อยได้หรือไม่ เพียงประลองกันเท่านั้น ไม่สู้จนถึงตาย!”
เขาเพิ่งพูดออกไปครึ่งเดียว ก็รีบเอ่ยเสริมอีกประโยค เห็นได้ชัดว่าในใจลนลาน
หานเจวี๋ยเดินเฉียดไหล่เขาไป ทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง “อันที่จริงสังหารสองหมื่นขุนพลศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของข้า ข้าสามารถสังหารตัวเจ้าหนึ่งหมื่นคนได้ รอจนเจ้าบรรลุระยะสมบูรณ์แล้วค่อยมาหาข้าเถอะ”
รอยยิ้มของอริยะเทพอวี๋เจี้ยนแข็งทื่อ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดหรือโกรธเคือง เพียงหันหลังกลับไปมองแผ่นหลังของหานเจวี๋ยอย่างลึกซึ้ง
อริยะคนอื่นฟังแล้วอกสั่นขวัญแขวน ทว่าไม่กล้าเผยสีหน้าท่าที ถึงขั้นที่ไม่กล้ามองอริยะเทพอวี๋เจี้ยนด้วย
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนก็เป็นลูกพี่ใหญ่ที่พวกเขาล่วงเกินไม่ได้เช่นกัน
….
นักพรตเต๋าเสินเผานั่งอยู่บนบัลลังก์ สายตามองไปยังร่างหนึ่งที่อยู่ในห้องโถง สีหน้าหงุดหงิดระอา
เงาร่างนี้คือนักพรตหัวมังกรที่ต้องการไปหาเรื่องมรรคาสวรรค์ก่อนหน้านี้ ยังไม่ทันได้พบอริยะสวรรค์เกรียงไกร ก็ถูกอริยะเทพอวี๋เจี้ยนสังหาร โชคดีที่ยังเหลือช่องทางฟื้นคืนชีพไว้
“ดวงจิตท่าน หากปล่อยให้มรรคาสวรรค์พัฒนาต่อไป จะคุกคามถึงท่านในไม่ช้าก็เร็ว” นักพรตเต๋าหัวมังกรเอ่ยเสียงขรึม
นักพรตเต๋าเสินเผาเอ่ยด้วยความหงุดหงิด “เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเคยพ่ายแพ้แล้ว”
“ย่อมทราบดี ดังนั้นถึงต้องการมาชักจูงท่านเข้าร่วม หากพวกเราร่วมมือกัน ต้องเอาชนะอริยะสวรรค์เกรียงไกรได้แน่นอน!”
“น่าขัน แม้แต่อริยะเทพอวี๋เจี้ยนเจ้ายังสู้ไม่ได้เลย แล้วจะสู้อริยะสวรรค์เกรียงไกรได้อย่างไร”
“อริยะเทพอวี๋เจี้ยน ผู้ที่สังหารข้าก่อนหน้านี้มิใช่อริยะสวรรค์เกรียงไกรหรอกหรือ”
“ไร้สาระ!”
นักพรตเต๋าเสินเผาหงุดหงิดกว่าเดิม
เขาไม่เคยเห็นอริยะมหามรรคที่โง่เง่าและโอหังเช่นนี้มาก่อนเลย
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...