บทที่ 892 ยอดสมบัติแดนบรรพกาล มรรคาสวรรค์ตื่นตระหนก
“ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่เทศนาธรรม มหามรรคนี้เลิศล้ำโดยแท้ ข้ายินดีฝึกบำเพ็ญมรรควิถีนี้ ขอผู้อาวุโสโปรดเมตตาด้วย!”
เจียงเจวี๋ยซื่อลุกขึ้นมาคารวะ เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังตั้งใจ
หานเจวี๋ยเอ่ยว่า “การเทศนาธรรมก่อนหน้านี้เพียงพอจะให้เจ้าฝึกบำเพ็ญไปได้ระยะหนึ่งแล้ว รอจนเจ้าพิสูจน์มหามรรคสำเร็จ ข้าจะชี้แนะเจ้าอีกครั้ง”
พอสิ้นเสียง เขาก็หายวับไป
เจียงเจวี๋ยซื่อตะลังงัน ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะจากไปรวดเร็วขนาดนี้
หลิวเป้ยเองก็ได้สติกลับมาแล้ว เอ่ยยิ้มๆ “ยอมเทศนาธรรมให้เจ้าถึงหมื่นปี ดูเหมือนผู้อาวุโสจะให้ค่าเจ้ายิ่งนัก ข้าก็ไม่เคยได้สดับธรรมเป็นนานขนาดนี้มาก่อนเลย”
พอเจียงเจวี๋ยซื่อได้ยินดังนั้น ในใจก็ปิติยิ่งนัก ไม่ได้หวาดระแวงเช่นก่อนหน้านี้แล้ว
เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีแผนการต่อเขาจริงๆ หลังจากตระหนักในมหามรรคต้นกำเนิด เขาก็ทราบแล้วว่าตนและอีกฝ่ายห่างชั้นกันจนยากจะจินตนาการได้ กลับชาติกำเนิดมหาโชคที่เขาภาคภูมิใจนักหนา ในมุมมองของอีกฝ่ายเกรงว่าคงไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงเลย
ต่อให้วิชายุทธ์จะเลิศล้ำเพียงใด ไหนเลยจะเทียบมหามรรคได้
หลังจากคิดตกในเรื่องนี้ เจียงเจวี๋ยซื่อก็ไม่กังวลอีกต่อไป
เหตุผลที่ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยความหวาดระแวง เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะมีแผนการ
จากนั้นทั้งสองจึงนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญต่อ
พวกเขาล้วนอารมณ์ดีทั้งคู่ เจียงเจวี๋ยซื่อวาดหวังถึงอนาคตอันสดใส ส่วนหลิวเป้ยคิดในใจว่าในที่สุดตนก็ปฏิบัติภารกิจที่นายท่านมอบให้สำเร็จแล้ว
….
ในโลกใบหนึ่ง ป่าเขาเขียวชอุ่ม นภาสูงมหาสมุทรกว้างไกล ยอดเขาลูกหนึ่งตั้งตระหง่านสูงเทียมเมฆ
มีนกยูงตัวใหญ่มหึมาเกาะอยู่บนยอดเขา ตัวมันใหญ่กว่าภูเขาทั้งลูกเสียอีก ทะเลเมฆารอบกายเมื่ออยู่ต่อหน้ามันแล้วกลับดูเล็กจ้อย
แสงรุ้งสายหนึ่งพุ่งเข้ามา ก่อนหยุดนิ่งอยู่เบื้องหน้าพญานกยูง
หลังจากแสงเลือนหายไปก็เผยให้เห็นชายหนุ่มร่างกำยำคนหนึ่ง เขาสวมเกราะสีดำ รวบผมพร้อมสวมกวานเหล็กรูปหงส์สยายปีก
ชายเกราะดำประสานหมัดคำนับ เอ่ยขึ้นว่า “จอมเทพ ข้าทราบมาว่าห้าเทวทัณฑ์เข้าสู่แดนบรรพกาลได้ระยะหนึ่งแล้วขอรับ”
พญานกยูงก็คือจอมเทพข่งเซวี่ย
จอมเทพข่งเซวี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น เอ่ยว่า “สถานการณ์ในแดนบรรพกาลเป็นอย่างไร”
“ไม่มีความเคลื่อนไหวชั่วขณะ นิมิตหมายที่ท่านกล่าวถึงยังไม่ปรากฏขึ้นเลยขอรับ”
“อืม”
จอมเทพข่งเซวี่ยหลับตาลง ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไร
ชายเกราะดำอดถามออกไปไม่ได้ว่า “จอมเทพ ท่านกำลังรออะไรอยู่กันแน่ขอรับ” ไอรีนโนเวล
จอมเทพข่งเซวี่ยตอบอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “ในแดนบรรพกาลแฝงโชควาสนาอันยิ่งใหญ่ไว้ เหตุใดห้าเทวทัณฑ์ถึงเข้าไปน่ะหรือ ก็เป็นเพราะแดนบรรพกาลกว้างใหญ่แกร่งกล้ามากนัก ถึงขั้นที่ข้าสงสัยว่าบรรพชนเต๋าจะซ่อนตัวอยู่ในแดนบรรพกาล”
ชายเกราะดำพยักหน้ารับ เอ่ยว่า “แดนบรรพกาลผันแปรมาจากแดนบุพกาลโบราณ ในอดีตยุคที่บรรพชนเต๋ารุ่งโรจน์ ได้จับกุมผู้แข็งแกร่งสะกดไว้ในแดนบรรพกาลไม่น้อยเลย”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ถามด้วยความแปลกใจ “แต่ท่านยังไม่ได้บอกเลยว่ากำลังรออะไรอยู่”
จอมเทพข่งเซวี่ยลืมตาขึ้น จ้องมองชายเกราะดำอย่างเยียบเย็น ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนรีบก้มหน้าลง
“ให้เจ้าจับตามองก็คอยจับตามองไป วันหน้าย่อมมอบประโยชน์ให้เจ้าไม่น้อยแน่”
น้ำเสียงจอมเทพข่งเซวี่ยเย็นชา ทำให้ชายเกราะดำตกใจรีบพยักหน้ารับ
จากนั้น ชายเกราะดำก็ขอตัวลาจากไป
จอมเทพข่งเซวี่ยจ้องมองทิศทางที่เขาจากไป ตกอยู่ในห้วงความคิด
‘เจ้าแดนต้องห้ามหนอเจ้าแดนต้องห้าม ท่านไม่ติดต่อมาหาข้าเลย ข้าจึงทำได้เพียงสร้างผลงานชิ้นใหญ่ขึ้นเท่านั้น’
จอมเทพข่งเซวี่ยคิดในใจ เปี่ยมด้วยความอับจนหนทาง
เขาคิดว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่พอใจเขา เขาพิสูจน์มหามรรคได้ช้าเกินไป ซ้ำก่อนหน้านี้ยังก่อเรื่องขึ้น ร้อนถึงเจ้าแดนต้องห้ามต้องลงมือช่วยเหลือด้วยตัวเอง
แววตาของจอมเทพข่งเซวี่ยฉายแววเด็ดเดี่ยว
ต้องเอาสมบัติชิ้นนั้นมาให้ได้!
ขอเพียงได้มา ไหนเลยจะต้องกังวลว่าจะไม่มีที่ยืนในงานใหญ่ของเจ้าแดนต้องห้ามอีก
แม้จอมเทพข่งเซวี่ยจะไม่ทราบว่างานใหญ่ของเจ้าแดนต้องห้ามคืออะไร แต่จะต้องเกี่ยวข้องกับทั้งฟ้าบุพกาลแน่
….
ณ ตำหนักเอกภพ อริยะกว่าสิบคนมารวมตัวกันที่นี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...