บทที่ 893 พลังของผู้สร้างมรรคา – ตอนที่ต้องอ่านของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
ตอนนี้ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 893 พลังของผู้สร้างมรรคา จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 893 พลังของผู้สร้างมรรคา
ในช่วงเวลาเดียวกับที่เหล่าอริยะมรรคาสวรรค์ตื่นตระหนกเพราะลำแสงลึกลับ แจ้งเตือนสามแถวที่หานเจวี๋ยไม่ได้รับมานานมากแล้วก็เด้งขึ้นมาตรงหน้า
[ตรวจสอบพบว่ามีพลังของผู้สร้างมรรคาเข้าสู่ฟ้าบุพกาล ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]
[หนึ่ง ออกไปทำลายล้างพลังนั้นทันที ประกาศศักดาแห่งเทพมารอนธการ จะได้รับชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน ยอดสมบัติหนึ่งชิ้นรวมถึงความเกลียดชังจากผู้สร้างมรรคา]
[สอง เก็บตัวบำเพ็ญ หลีกห่างจากข้อพิพาท หลบเลี่ยงไม่ดึงดูดความสนใจของผู้สร้างมรรคา จะได้รับชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน]
ผู้สร้างมรรคาหรือ
เปลือกตาหานเจวี๋ยกระตุกอย่างรุนแรง
นี่คือตัวตนที่เขาไม่อาจล่วงเกินได้
ถึงแม้ของรางวัลในตัวเลือกแรกจะอู้ฟู่ยิ่งนัก แต่ก็ทำได้เพียงเลือกตัวเลือกที่สอง
หานเจวี๋ยเลือกอย่างเงียบๆ
[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ หลีกห่างจากข้อพาท หลบเลี่ยงไม่ดึงดูดความสนใจของผู้สร้างมรรคา ได้รับชิ้นส่วนอนธการหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ศิลาก่อวิญญาณหนึ่งก้อน]
หานเจวี๋ยนำศิลาก่อวิญญาณออกมาทันที เลือกปราณเทพมารกลุ่มหนึ่งออกมา ก่อนเริ่มผสานรวม
เจตจำนงของเขาพุ่งขึ้นไปเหนือฟ้าบุพกาล ก้มมองฟ้าบุพกาล คิดจะมองหาว่าพลังนั้นอยู่ที่ใด
ไม่นานนัก เขาก็ถูกมรรคาสวรรค์ดึงดูด
ในมรรคาสวรรค์มีลำแสงสายหนึ่งที่เจิดจ้ายิ่ง เมื่อทอดสายตามองไปทั่วฟ้าบุพกาลแล้วเป็นแสงที่เจิดจ้าที่สุด อวดโอ้โอหังอย่างยิ่ง
หานเจวี๋ยเพ่งมองไป ลำแสงนั้นมาจากโลกมนุษย์สามัญแห่งหนึ่งในมรรคาสวรรค์ เป็นเด็กทารกคนหนึ่ง
เด็กทารกคนนั้นเพิ่งถือกำเนิด เสียงร้องไห้แผดจ้า สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ดังกังวานกว่าตอนที่ฉินหลิงเกิดเสียอีก เสียงร้องไห้ของเขาสั่นคลอนไปทั่วหล้า ทำให้ผู้บำเพ็ญทั้งหลายแตกตื่น
หานเจวี๋ยพบว่าตนไม่สามารถสอดส่องดวงชะตาเด็กคนนี้ได้ ร่างของทารกคนนี้มีขุมพลังแกร่งกล้าสายหนึ่ง มีรอยขีดสีทองจางๆ ตรงหว่างคิ้ว คล้ายดวงตาในแนวดิ่งที่ปิดสนิทอยู่
ขุมพลังอันแกร่งกล้าแผ่ออกมาจากรอยขีดสีทองนั้น
หานเจวี๋ยถอนสายตากลับมา ถามในใจ ‘พลังของเด็กคนนั้นมาจากผู้สร้างมรรคาคนใด’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาล: ไม่ทราบตบะ เทพเจ้าฟ้าบุพกาล ยอดมหามรรค ควบคุมกฎระเบียบ ไม่อาจเอ่ยนาม]
เป็นเขา!
ผู้สร้างมรรคารายแรกที่หานเจวี๋ยรู้จัก!
ในที่สุดคนผู้นี้ก็ทนไม่ไหวแล้ว
หานเจวี๋ยถามต่อไป ‘เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลทำเช่นนี้มีเป้าหมายใด’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
หากเจวี๋ยไมได้เข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ มีอักษรไม่กี่คำปรากฏขึ้นมาตรงหน้า
[เปลี่ยนแปลงฟ้าบุพกาล]
เปลี่ยนแปลงฟ้าบุพกาลหรือ
นี่หมายความว่าอย่างไร
หานเจวี๋ยใคร่ครวญอย่างละเอียด หรือเป็นเพราะความเปลี่ยนแปลงในฟ้าบุพกาลช่วงนี้
เช่นนั้นเหตุใดเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลถึงไม่พุ่งเป้าไปที่เทพมหาทัณฑ์เล่า แต่กลับส่งพลังเข้าสู่มรรคาสวรรค์เช่นนั้นหรือ?
ช้าก่อน!
หรือว่าคนผู้นี้คิดจะชักนำให้เทพมหาทัณฑ์หวาดระแวงมรรคาสวรรค์
เพราะมีหานเจวี๋ยอยู่ จึงชักจูงเทพมหาทัณฑ์ให้เข้าร่วมได้ แต่หากมีคนอย่างหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นมาอีก เทพมหาทัณฑ์จะไม่นึกระแวงเลยจริงๆ น่ะหรือ
ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลเพียงอยากเพิ่มความวุ่นวายในฟ้าบุพกาลอีกหน่อย ถึงอย่างไรเหนือเขาขึ้นไปก็ยังมีเจ้านวฟ้าบุพกาลข่มไว้อยู่
หานเจวี๋ยคิดอยู่สักพัก ก็ไม่คิดมากอีก
ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังขัดแย้งกับผู้สร้างมรรคาไม่ได้ ก็ต้องแสร้งไม่รู้เรื่องนี้ไปก่อน
ตอนนี้ เขารวบรวมชิ้นส่วนมหามรรคได้ครบเก้าชิ้นแล้ว สามารถสรรค์สร้างพลังวิเศษมหามรรคอย่างหนึ่งได้
พลังวิเศษมหามรรคไม่ใช่พลังวิเศษระดับมหามรรค แต่เป็นพลังวิเศษที่น่ามหัศจรรย์เทียบเคียงกับมหามรรค
หานเจวี๋ยตกอยู่ในห้วงความคิด
ผ่านไปนานยิ่ง
มังกรเขียวยื่นศีรษะที่ใหญ่โตยิ่งกว่าพระราชวังออกมา กล่าวว่า “เด็กคนนี้มีวาสนากับเผ่ามังกรของข้า จะต้องเป็นทายาทสืบทอดเผ่ามังกรของข้า!”
ชายวัยกลางคนตะลึงงัน ตาค้างไปทันที
วิญญูเต๋าอู่ตูขมวดคิ้ว บ่นในใจว่ายุ่งยากแล้ว
ทว่า นี่ยังมิใช่จุดจบ
กระเรียนขาวตัวหนึ่งโผเข้ามาจากทิศตะวันออก เซียนหญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนหลังกระเรียน สวมชุดนักพรตเต๋างามประณีต ผมยาวสลวย
“เด็กคนนี้มีชะตาต้องเป็นศิษย์ของนิกายเจี๋ยเรา ขอสหายเต๋าทุกท่านโปรดอย่าได้ยื้อแย่งกับนิกายเจี๋ยเลย”
เสียงของเซียนหญิงในชุดนักพรตเต๋าแว่วอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ใสกังวานยิ่ง
มนุษย์ทุกคนที่อยู่หน้าตำหนักล้วนตะลึงค้าง พวกเขาแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นฉากนี้มาก่อน
ในเวลาเดียวกันนี้
ภายในตำหนักเอกภพ ฉากนี้ล้วนปรากฏต่อครรลองสายตาของเหล่าอริยะ
จี้เซียนเสินเอ่ยยิ้มๆ “คนพวกนี้วิ่งโร่มากันเร็วนัก”
เทพสูงสุดหนานจี๋เอ่ยว่า “ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าศิษย์ของผู้ใดจะตาไร้แวว ทนนั่งอยู่ได้”
อริยะคนอื่นๆ ก็หัวเราะตามเช่นกัน ลอบแจ้งต่อศิษย์ของตนอย่างลับๆ ให้มุ่งหน้าไปยื้อแย่งรับตัวทารกน้อยในแดนมนุษย์ที่ได้รับพลังลึกลับนั้นมาให้ได้
จอมอริยะเสวียนตูขมวดคิ้วแน่น ในใจรู้สึกหวั่นวิตกนัก
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนมองทะลุถึงความรู้สึกในใจเขา เอ่ยว่า “ข้ามองไม่ออก แต่ข้าคิดว่าในเมื่ออริยะสวรรค์เกรียงไกรยังไม่เคลื่อนไหว ไยต้องกังวลเล่า”
จอมอริยะเสวียนตูได้ฟังก็รู้สึกว่ามีเหตุผล 艾琳小說
หากว่าเป็นภัยคุกคามจริง หานเจวี๋ยไหนเลยจะนั่งดูดายได้
จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยว่า “เด็กคนนี้ถือกำเนิดไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดที่ได้ตัวไป จะต้องอบรมเลี้ยงดูให้ดี อย่าปล่อยให้เดินทางผิด”
เมื่อเอ่ยไปเช่นนี้ เหล่าอริยะก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม
ความหมายในวาจาของจอมอริยะเสวียนตูคือเขาสละสิทธิ์ในตัวเด็กคนนี้ ละทิ้งโอกาสแล้ว
มหาอริยะสวีหุนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “ข้าว่า สะกดเอาไว้ดีกว่า รีบผนึกไว้โดยเร็ว กันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในวันหน้า”
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...