บทที่ 940 ความเปลี่ยนแปลงของอำนาจศักดิ์สิทธิ์ดวงชะตา ดูดซับมหามรรคสามพันวิถี
พอมิ่งปรากฏตัวขึ้น ผู้บำเพ็ญภายในโรงเตี๊ยมก็ค่อยๆ จากไป หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่าพวกเขาไม่ได้กลัว แต่ไปชมเรื่องครื้นเครง
เวลาผ่านไปหลายล้านปี กลุ่มมิ่งหาได้มีชื่อเสียงชั่วร้ายฉาวโฉ่เช่นในวันวานอีกต่อไป เนื่องจากได้สร้างคุณงามความดีมากมายในอาณาเขตฟ้าบุพกาลแถบนี้ สร้างชื่อเสียงในแง่ดีขึ้น
หวงจุนเทียนลอยอยู่เหนือตัวเมืองอย่างเย่อหยิ่ง ข้างกายมีเหล่าผู้กำหนดชะตาเคราะห์อาทิปรมาจารย์ลัญจกรสรวง หลี่เต้าคง สือตู๋เต้าและจิ่งเทียนกงยืนประกบอยู่สองฝั่ง
บนถนนด้านล่างมีคนยืนอยู่เต็มไปหมด ทั้งหมดมองไปที่พวกเขาด้วยสายตาร้อนแรง
หวงจุนเทียนกวาดมองคราหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วันนี้มาเพื่อรับสมัครมิ่ง จะรับเพียงสิบคนเท่านั้น นอกจากจะบำเพ็ญจนสำเร็จมรรคผลเบิกฟ้าแล้ว ยังต้องมีผลกุศลฟ้าบุพกาลด้วย อย่างน้อยๆ ก็ร้อยจิต ข้าจะนำพากลุ่มมิ่งไปสู่แหล่งกรรมแห่งหนึ่ง ถ่ายทอดกรรมแห่งผู้กำหนดชะตาเคราะห์ให้ สร้างความเสมอภาคแก่ฟ้าบุพกาล สืบทอดมหามรรคต่อไป!”
เสียงของเขาดังกังวานยิ่ง ก้องสะท้อนกลับไปกลับมาภายในเมืองแห่งนี้
เมืองนี้หาได้ธรรมดาไม่ ผู้บำเพ็ญที่มาถึงสถานที่แห่งนี้ได้ ตบะขั้นต่ำสุดคือระดับเทพ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นระดับต้าหลัว ส่วนผู้ครองเมืองคืออริยะเสรี
พอสิ้นเสียงของหวงจุนเทียน ทั่วเมืองเกิดเสียงโห่ร้องยินดีขึ้นมา
ถึงแม้หานเจวี๋ยจะไม่ได้เห็นกับตา แต่เจตจำนงของเขาได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่เต้าคง
ไม่ได้พบกันเสียนาน กลุ่มมิ่งได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เห็นครั้งแรกราวกับทั้งกลุ่มเป็นผู้ทรงเมตตาที่พยายามช่วยเหลือโลกาไว้
หานเจวี๋ยไม่ได้ออกไป เพียงเฝ้ามองอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งกลุ่มมิ่งล่าถอยไป เขาก็ยังไม่ออกจากโรงเตี๊ยม
เขานับว่ามองออกแล้ว หลี่เต้าคงตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ไม่คิดจะกลับไปที่มรรคาสวรรค์อีก
ยามนี้หลี่เต้าคงเป็นอริยะเสรี อยู่ห่างจากมหามรรคไม่ไกลแล้ว
บางทีที่นี่ต่างหากที่เป็นบ้านของเขา
ความจริงแล้วผู้กำหนดชะตาเคราะห์ไม่เกี่ยวข้องกับความชั่วร้ายเลย เพียงแต่ในอดีตเจ้าชะตาอันธการมีแนวคิดผิดเพี้ยนไปเท่านั้น เดิมทีผู้กำหนดชะตาเคราะห์ก็คืออำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรควิถีหนึ่ง คือสิ่งที่วิวัฒนาการมาจากกฎเกณฑ์สูงสุด ที่ในอดีตไม่ถูกฟ้าบุพกาลขับไล่ นั่นเป็นเพราะฟ้าบุพกาลไม่มีคุณสมบัติพอ
เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่ละคนล้วนมีเส้นทางเป็นของตัวเอง ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
สือตู๋เต้าเองก็เป็นเช่นนี้ มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเช่นเดียวกับหลี่เต้าคง
หานเจวี๋ยส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา ก่อนลุกขึ้นจากไป
วันหน้าค่อยหาเวลาไปเข้าฝันแล้วกัน หากว่าพวกเขาเปลี่ยนใจ หานเจวี๋ยค่อยช่วยก็ยังไม่สาย
สำหรับมนุษย์แล้ว ดวงชะตายากจะเปลี่ยนแปลงได้ แต่สำหรับหานเจวี๋ยแล้ว เขาต่างหากที่เป็นผู้ลิขิตชะตา!
เวลาผ่านไประยะหนึ่ง หานเจวี๋ยท่องฟ้าบุพกาลต่อไป ถือโอกาสไปสอดส่องเหล่าศิษย์ของตนด้วย
เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ยังคงติดตามเหล่าตานออกผจญภัยในฟ้าบุพกาล ไม่ได้รั้งอยู่เป็นหลักแหล่ง
โจวฝานเองก็พัฒนาเจดีย์มรรคายิ่งใหญ่ของตนอยู่ รูปการณ์ไม่เลวเลย
ศิษย์ที่เหลือส่วนใหญ่อยู่ในมรรคาสวรรค์ บ้างก็บุกเบิกตั้งสำนัก บ้างก็เผยแพร่มรรควิถี ล้วนก้าวเดินไปตามเส้นทางหลักของตน มั่นคงและไม่เลอะเลือน
หานเจวี๋ยไปสอดส่องดูพวกเขาในฐานะของคนแปลกหน้าไปเรื่อยๆ เว้นก็แต่หานทั่วที่เขาไม่ได้ไปเยี่ยมดู
หานทั่วอยู่ในการดูแลของเทพมหาทัณฑ์ นับว่าปลอดภัยไร้อันตรายที่สุดแล้ว
เพียงพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปกว่าสองแสนปีแล้ว
หานเจวี๋ยกลับมาที่อารามเต๋าของตน เริ่มฝึกบำเพ็ญอีกครั้ง
ยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์ยังไม่เพียงพอ
เป้าหมายของเขาคือผู้สร้างมรรคา ไม่สิ เทพผู้สร้างต่างหาก!
….
เหนือทะเลครามไร้ขอบเขต ชิงเทียนเสวียนจีนั่งสมาธิอยู่กลางอากาศ คลื่นสมุทรรอบข้างซัดม้วนขึ้นมา ราวกับจะเชื่อมผสานนภาและมหาสมุทร
ด้านหลังชิงเทียนเสวียนจีมีเงาร่างเขียวปนแดงสามร่างนั่งสมาธิอยู่ แผ่นหลังทั้งสี่หันชนกัน คลื่นพลังโอบล้อม
ห่างออกไปนับแสนลี้ บนหาดทรายริมทะเล เซียนพเนจรหยิบเปลือกหอยแตกหักชิ้นหนึ่งขึ้นมา มองทะลุผ่านรอยแตกไปทางชิงเทียนเสวียนจี
“เด็กคนนี้ยังขาดไฟในการฝึกบำเพ็ญอยู่”
เซียนพเนจรพึมพำกับตัวเอง แววตาละเอียดอ่อน
“ต้องหาคู่ต่อสู้ให้เขาสักคนแล้ว”
เขาบีบเปลือกหอยจนสลายเป็นเถ้าปลิดปลิว จากนั้นก็คว้าทรายขึ้นมากำหนึ่ง ปล่อยให้ร่วงผ่านมือ เม็ดทรายลอยอยู่ในอากาศ ก่อตัวเป็นอักษรสองคำ
เทวทัณฑ์! ไอรีนโนเวล
“ห้าเทวทัณฑ์อย่างนั้นหรือ เป็นคู่ต่อสู้ที่ดียิ่ง”
เซียนพเนจรยิ้มมุมปาก จากนั้นก็เลือนหายไปจากจุดเดิม
ทันทีที่เขาหายไป ชิงเทียนเสวียนจีที่อยู่ไกลออกไปก็ลืมตาขึ้น ดวงตาส่องประกายนิดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...